ทั้งหลิวตงจวิ้นและเจิ้งซูอี้ไม่มีอารมณ์ทานข้าวอีกต่อไปเมื่อได้พบกับการก่อกวนของแม่เฒ่าจาง
“ท่านพ่อท่านจะขึ้นเขาอีกแล้วใช่หรือไม่ ครั้งนี้ให้ข้าไปด้วยเถอะนะ”
เจิ้งซูอี้เดินมาหาหลิวตงจวิ้นในระหว่างที่เขากำลังเตรียมคันธนูและอุปกรณ์เพื่อออกล่าสัตว์ดั่งเช่นทุกที หลิวตงจวิ้นนิ่งไปเล็กน้อยจากนั้นจึงหันมาคุยกับบุตรสาวตรงๆ
“อันอันเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หมูป่านั่นพวกเ้าได้มันมาได้อย่างไร”
เมื่อวานเพราะมีหลายเื่ให้ทำแล้วเจิ้งซูอี้ก็หลับไปก่อนทำให้พวกเขายังไม่ได้คุยกันเกี่ยวกับเื่นี้ เจิ่งซูอี้กลอกตาคิดหาวิธีเอาตัวรอดแล้วนางก็นึกถึงเื่เมื่อเช้าที่แม่เฒ่าจางมาก่อกวนที่นี่แล้วพูดเื่์นรก
“ท่านพ่อ ถ้าหากว่าข้าเล่าให้ท่านฟังแล้วท่านจะเชื่อข้าหรือไม่”
เจิ้งซูอี้รอดูปฏิกิริยาของหลิวตงจวิ้น เขาพยักหน้ารับท่าทางจริงจัง นางจึงเริ่มเล่าเื่ที่นางเตรียมเอาไว้ในหัว
“สองวันก่อนข้าทำงานที่เรือนตระกูลหลิวกับซีฮันแล้วทำไม่ถูกใจแม่เฒ่าจาง นางจึงใช้ไม้ไผ่ตีข้าจนสลบท่านขึ้นเขาไปท่านคงจะยังไม่รู้เื่นี้กระมัง”
หลิวตงจวิ้นไม่รู้เื่นี้จริงๆ เพราะเขาติดฝนอยู่บนูเาจึงกลับมาที่เรือนไม่ได้จนกระทั่งตอนเช้าที่เกิดเื่ขึ้น เขากำหมัดแน่นแสดงท่าทางเสียใจ เจิ้งซูอี้มองออกว่าเขาโทษตนเองในเื่นี้นางจึงเอ่ยปลอบ
“ท่านอย่าได้โทษว่าเป็ความผิดของตนเอง ต้องขอบคุณแม่เฒ่าจางที่ตีข้าเพราะเื่นี้จึงทำให้ข้าได้พบท่านปู่”
หลิวตงจวิ้นเงยหน้ามองเจิ้งซูอี้ทันที ตัวเขาเองก็แทบจะจำบิดาไม่ได้เพราะผ่านไปนานถึงสามสิบปีที่เขาไม่ได้พบกัน
“เ้าพูดจริงหรืออันเอ๋อ เช่นนั้นหมายความว่าท่านพ่อตายไปแล้วจริงๆ สินะ”
เจิ้งซูอี้รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องโกหกเขา แต่นี่เป็วิธีเดียวที่นางนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้ พวกชาวบ้านนั้นล้วนเชื่อเื่ผีสางเทวดาหากนางยกเอาิญญาบรรพบุรุษมาเป็โล่กำบังคงจะไม่เหลือเชื่อเกินไปกระมัง เจิ้งซูอี้ไม่รู้ว่าหลิวตงเฟิงปู่แท้ๆ ของหลิวอันอันตายไปแล้วหรือยัง นางได้แต่เอ่ยขออภัยเขาในใจ
อีกด้านชายชราผมขาวอายุราวห้าสิบกว่าปีกำลังนั่งเช็ดทวนคู่ใจอยู่ เขาจามออกมาเสียงดังหลายครั้งติดกันจนทหารที่อยู่ใกล้ๆ หันมอง
“ท่านแม่ทัพไม่สบายแล้วกระมัง”
ชายชราผมขาวส่ายหน้าไปมา เขาไม่เคยไม่สบายมาสิบกว่าปีหวัดแค่นี้ไม่สามารถทำอันใดเขาได้หรอก ที่จามออกมาเมื่อตะกี๊เกรงว่าจะมีคนแอบนินทาเขาในใจซะมากกว่า ชายชรากลอกตามมองเหล่าทหารที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาอำมหิต พวกทหารใต้บัญชาเห็นเช่นนั้นจึงรีบถอยห่างจากเขาไปเพราะกลัวว่าตนจะโดนลงโทษให้วิ่งรอบกองทัพอีก
“ท่านปู่ของลูกว่าอย่างไรบ้างอันเอ๋อ”
หลิวตงจวิ้นถามเจิ้งซูอี้ออกมาอย่างร้อนรน
“เปล่าเ้าค่ะ ท่านแค่มาสอนสิ่งต่างๆ ให้กับข้าเท่านั้น ที่จริงข้าสลบไปหนึ่งวันแต่เหมือนกับมันนานหลายปี ข้าติดอยู่ที่นั่นกับท่านปู่ฝึกฝนวิชาจนกระทั่งลืมตาตื่น ท่านพ่อดูนี่นะเ้าคะ”
เจิ้งซูอี้หยิบลูกธนูของหลิวตงจวิ้นขึ้นมา นางพาดมันไปบนสายธนูจากนั้นจึงง้างมันแล้วยิ่งไปที่ต้นอู๋ถงที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้งนางสามารถยิงมันโดนได้อย่างแม่นยำหลิวตงจวิ้นเบิกตาโตด้วยความตะลึง
“อันเอ๋อเ้า...หรือว่าเื่ก้อนหินเมื่อวานเองก็เป็ฝีมือของเ้า”
เจิ้งซูอี้พยักหน้ารับ หลิวตงจวิ้นที่กำลังตื่นเต้นก็ห่อเหี่ยวลงทันใด
“ท่านพ่อมาหาเ้าแล้วเหตุใดหลายปีมานี้เขาถึงไม่มาเข้าฝันข้าเลยสักครั้ง ข้าอยากถามเขาอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดเขาถึงได้ทิ้งข้าเอาไว้ที่นี่แล้วหายตัวไป”
เจิ้งซูอี้ไม่คิดว่าหลิวตงจวิ้นจะคิดมากเื่นี้ทั้งที่ผ่านไปสามสิบปีแล้วทำให้นางรู้สึกผิดต่อเขาที่ต้องโกหก เจิ้งซูอี้ไม่รู้ว่าบิดาของหลิวตงจวิ้นเป็คนเช่นไรแต่นางเพียงเดาเอาจากรูปร่างลักษณ์สูงใหญ่ของหลิวตงจวิ้นเขาจะต้องได้มาจากบิดาแน่นอน อีกทั้งชาวบ้านต่างพูดกันว่าเขามีทรัพย์สินเงินทองและที่ดินเหลือเอาไว้ให้หลิวตงจวิ้นมากมายทั้งที่เขาตัวคนเดียว นั่นแสดงว่าเขาย่อมไม่ใช่คนไร้ความสามารถ แต่เหตุใดเขาถึงทิ้งบุตรชายคนเดียวเอาไว้ให้พี่ชายเลี้ยงแล้วหายตัวไปอันนี้นางเดาไม่ออก
“ท่านปู่มาพบข้าเพราะว่าตอนนั้นจิตใจของข้าอ่อนแอและข้าถูกทำร้ายท่านจำได้หรือไม่ อาจเป็เพราะข้าาเ็และอาจเป็พรหมลิขิตจึงทำให้ข้าและท่านปู่สื่อถึงกันได้ ข้าคิดว่าเขาเองก็คง้ามาพบท่านเช่นกันเพียงแต่ทำไม่ได้เท่านั้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้