มู่อวิ๋นจิ่นอยู่พักฟื้นร่างกายในห้องเป็เวลาสามวันติดต่อกัน ไม่ได้ก้าวออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ส่วนอาหารมีจื่อเซียงเป็ยกรับผิดชอบยกเข้ามาในห้อง
“คุณหนู ท่านหมอหวางบอกว่าหลังจากสามวันแล้วไม่ต้องดื่มยาแล้วเ้าค่ะ” จื่อเซียงเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารร้อนๆ ที่วางไว้บนโต๊ะ
ได้ยินประโยคนี้ มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก พอนึกถึงยาต้มที่ทั้งขมทั้งเฝื่อนก็ต้องรีบเบะปากอย่างขยาด
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งพิงหัวเตียงมองมาทางจื่อเซียง “ใช่แล้ว วันนั้นเ้าบอกว่าฝ่าาพระราชทานของไม่น้อยมาให้ สิ่งของเ่าั้ไปไหนหมดแล้ว?”
“สิ่งของเ่าั้อยู่ในห้องเก็บของในจวนเ้าค่ะ” จื่อเซียงตอบเสียงเรียบ
“อะไรนะ? เก็บไว้ห้องเก็บของอย่างนั้นหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว พยายามลุกลงจากเตียง “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ข้าต้องเอาของที่เป็ของข้ากลับมา แล้วค่อยหาเวลาเหมาะๆ ขายเป็เงินมา”
จื่อเซียงรีบเดินเข้าไปจับแขนมู่อวิ๋นจิ่น “เอาไปขายเหรอเ้าคะ? คุณหนูไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เหรอเ้าคะ?”
“ข้าต้องวางแผนเตรียมตัวให้กับชีวิตในวันข้างหน้าบ้างสิ เ้าว่าใช่หรือไม่?” มู่อวิ๋นจิ่นถามนิ่งๆ
“ถึงแม้คุณหนูจะวางแแผนในวันข้างหน้าไม่ผิดหรอก แต่บ่าวเห็นว่าคุณหนูกับองค์ชายหกน่าจะเข้ากันได้เ้าค่ะ” จื่อเซียงแอบกระซิบกระซาบ
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือเขกหัวจื่อเซียง “เ้านี่นะ กำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่?”
“คุณหนู…” จื่อเซียงแสดงท่าทางไม่เป็ธรรม “บ่าวเห็นว่าทุกเื่เป็ไปได้เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายหกดีกับคุณหนูจริงๆ เ้าค่ะ”
“......”
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นางไม่อยากเอ่ยถึงเื่นี้อีกแล้ว จึงก้มหน้าก้มตาทานข้าวแล้วงีบหลับดีกว่า
พอได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็ยามปั้งหว่าน[1]แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นขัยบตัวขึ้นนั่ง บิดี้เียืดเส้นยืดสาย สวมรองเท้า เดินออกประตูไป
พอเอื้อมมือเปิดประตูในตอนนั้น ห้องที่อยู่เยื้องออกไปกำลังเปิดประตูอยู่ มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงดังขึ้นจึงพยายามมองเข้าไปด้านใน เห็นชายชุดม่วงคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน
ทันทีที่ได้ยิน “เพล้ง…” มู่อวิ๋นจิ่นรีบปิดประตูกลับหลังพิงประตูทันที ยังไม่ทันเห็นหน้าฉู่ลี่ มู่อวิ๋นจิ่นก็ปิดประตูก่อนเสียแล้ว
หลังจากปิดประตูแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นขบฟันแน่นไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นกับตาเลย
“ก๊อกๆๆๆ”
สิ้นเสียงเคาะ ฉู่ลี่ได้พูดขึ้นมาว่า “มู่อวิ๋นจิ่น เ้าจะหลบทำไม?”
“เอี๊ยด……”
มู่อวิ๋นจิ่นเปิดประตูออก ทำหน้าบึ้งตึง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครหลบเ้าด้วย?”
“หึ… ยังมีแรงมาต่อปากต่อคำ ดูท่าหายดีแล้วสิท่า” ฉู่ลี่หัวเราะเสียงต่ำ
“เดิมทีแค่เป็หวัดเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ป่วยหนักหนาอะไร” มู่อวิ๋นจิ่นตอบด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
ฉู่ลี่ส่งยิ้มจางๆ ให้นาง “พรุ่งนี้เป็งานแต่งงานของท่านอ๋องหรง ของขวัญแสดงความยินดีเตรียมเรียบร้อยยัง?”
“ของขวัญแสดงความยินดี?” มู่อวิ๋นจิ่นชะงักแวบหนึ่ง “ทำไมต้องเป็ข้าเตรียมของขวัญแสดงความยินดีด้วย?”
“ในฐานะนายหญิงของจวน หรือว่าเื่เหล่านี้ยังต้องเป็เปิ่นหวงจื่อลงมือทำเองด้วย?” ฉู่ลี่เลิกคิ้วมองด้วยสายตาเ็า
มู่อวิ๋นจิ่นหันขวับไปค้อนทันใด “จวนของเ้ามีห้องเก็บของมิใช่เหรอ? หลับตาเลือกสักชิ้นก็ได้แล้ว อย่างไรเสียนางแต่งเป็เช่อเฟย ไม่ต้องเตรียมสิ่งใดให้เอิกเกริกมากหรอก!”
“เ้าจัดการแล้วกัน” ฉู่ลี่หันหลังจะเดินกลับห้อง กระนั้นก็เอี้ยวตัวมาบอกเพิ่มว่า “พรุ่งนี้เ้าไม่ต้องกลับจวนอัครเสานาบดี ไปจวนท่านอ๋องหรงกับเปิ่นหวงจื่อเลย”
“ได้” มู่อวิ๋นจิ่นผงกหน้า
ฉู่ลี่ไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นเดินกอดอกไปมาในห้องอยู่อย่างนั้น
……
รุ่งเช้าวันต่อมา มู่อวิ๋นจิ่นตื่นขึ้นจากเสียงที่จื่อเซียงเรียกปลุก จากนั้นอาบน้ำแต่งตัว
“แค่กๆๆๆ”
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งไอกระแอมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่องกระจกเกล้าผมสูงขึ้น แม้ในใจไม่อยากไปร่วมงานแต่งในวันนี้ แต่มิอาจแต่งตัวไม่ให้เกียรติสถานที่
“คุณหนูสี่จะแต่งไปจวนท่านอ๋องหรงแล้ว ได้ยินว่าพระชายาท่านอ๋องหรงจัดแจงสถานที่อย่างยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเดินทางมารับถึงจวน ยังให้คนแบกเกี้ยวสิบหกคนแบกมารับอย่างไม่น้อยหน้าเ้าค่ะ” จื่อเซียงเล่าไปขณะที่กำลังจะเสียบปิ่นหยกให้กับมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านอ๋องหรงอายุมากกว่ามู่หลิงจูเกือบยี่สิบปี จวนหรงยังมีพระชายาตระกูลฉิน หากนางแต่งไปแล้ว ชีวิตอาจไม่ดีไปกว่าที่จวนอัครเสนาบดีนักหรอก”
“อย่างนั้นก็สมควรแล้วเ้าค่ะ ใครใช้ให้นางทำตัวแย่กับคุณหนู ตอนนี้ก็จงรอรับผลกรรมที่ทำไปเ้าค่ะ” จื่อเซียงเบะปากกล่าว
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นหยิกแก้มจื่อเซียงเบามือ พลางหัวเราะหัวร่อ
หลังจากแต่งตัวเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นก้าวออกจากประตู ฉู่ลี่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินด้านนอก
มู่อวิ๋นจิ่นสวมชุดกระโปรงและเกล้าผมทรงสตรีที่ออกเรือนแล้วนิยมทำ ฉู่ลี่ที่นั่งอยู่กลับไม่คุ้นตา
“ไม่สวยเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นก้มหน้ามองอาภรณ์ ยกมือจับปิ่นและทรงผม
ฉู่ลี่ลุกขึ้นเดินเข้ามา เอื้อมหยิบขึ้นหยิบปิ่นหนึ่งชิ้นออกมา
พอปิ่นถูกดึงออก ผมสีดำขลับที่เกล้าไว้สยายทอดยาวลงมาประบ่า ดูยุ่งเหยิงอยู่นิดหน่อย
“ฉู่ลี่ เ้าทำอะไร!” มู่อวิ๋นจิ่นจ้องเขม็งที่ฉู่ลี่
“เมื่อครู่ดูน่าเกลียดไปหน่อย” ฉู่ลี่เบือนปากอย่างรังเกียจ
มู่อวิ๋นจิ่นตะลึงงันรีบยกมือขึ้นลูบผมให้เรียบร้อยด้วยความโมโห
“จื่อเซียงช่วยข้าเกล้าผมใหม่อีกครั้ง” มู่อวิ๋นจิ่นชักสีหน้าไปทางฉู่ลี่
จื่อเซียงประคองมู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปในห้อง เพียงไม่นานผมก็เกล้าผมยกสูงมวยเดียว และเสียบปิ่นรูปผีเสื้อเพียงชิ้นเดียว
“คุณหนู เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นบิดซ้ายบิดขวาหน้ากระจก และมองฉู่ลี่ผ่านกระจกพร้อมกัน
“ออกเดินทางเถอะ” ฉู่ลี่เปล่งเสียงนิ่งเฉย เดินนำหน้าไปหน้าประตูจวน
หลังจากเอาปิ่นออกหลายชิ้นจนหัวเบาขึ้น มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินตัวปลิวยิ่งกว่าเมื่อครู่มาก
……
ทั้งสองเดินขึ้นรถม้าหน้าประตูจวน มู่อวิ๋นจิ่นยังคงไอกระแอมอยู่บ่อยครั้ง โดยทุกครั้งที่ไอจะหยิบลูกอมน้ำผึ้งขึ้นมาใส่ปากเพื่อให้ชุ่มคอ
“ท่านอ๋องหรงอาศัยอยู่นอกเมือง?” มู่อวิ๋นจิ่นเลื่อนผ้าม่านเปิดขึ้น สอดสายตามองไปด้านนอก เห็นรถม้ากำลังเคลื่อนออกไปเส้นทางนอกเมือง
“ถูกต้องแล้ว” ฉู่ลี่ตอบรับ
มู่อวิ๋นจิ่นปล่อยผ้าม่านลงและยิ้มมุมปาก “หากเกิดเื่ไม่คาดฝัน เื่เร่งด่วนหรือเื่ที่้าความช่วยเหลือตอนอยู่นอกเมืองคงไม่สะดวกกระมัง ”
“แค่กๆๆๆ” พูดจบมู่อวิ๋นจิ่นก็ไอออกมา จนนางยกมือขึ้นมาลูบหน้าอก พึมพำกับตนเองที่ซวยเหลือเกิน ไปช่วยเด็กน้อยตกน้ำเป็เื่ดีแท้ๆ กลับต้องมาทรมานเช่นนี้
พูดก็พูดเถอะ ร่างคุณหนูคนนี้ ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน
ฉู่ลี่เหลือบมองมู่อวิ๋นจิ่นโดยที่ไม่พูดสิ่งใด
ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอย่างคึกคัก และมีเสียงประทัดถูกจุดอย่างต่อเนื่อง ดูท่าคงมาถึงจวนท่านอ๋องหรงแล้ว
พอเดินลงจากบนรถม้า มู่อวิ๋นจิ่นเดินเคียงข้างฉู่ลี่ เงยหน้ามองแผ่นป้ายจวนหรงที่ติดอย่างใหญ่โตด้านหน้า ได้แต่ถอนหายใจให้กับการใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของท่านอ๋องหรง
ทั้งสองเดินเข้าประตูใหญ่จวนอ๋อง ตลอดทางมีขุนนางน้อยใหญ่และบรรดาพ่อค้าต่างหันมาทำความเคารพ มู่อวิ๋นจิ่นเห็นอดีตท่านแม่ทัพฉินและสตรีที่ท่าทางสง่างามในชุดกระโปรงสีแดงนั่งเป็ประธานอยู่ด้านหน้า
พออดีตท่านแม่ทัพฉินเห็นฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่น พยักหน้าเล็กน้อยก็ถือเป็การทักทายแล้ว
“วันนี้มีงานพิธีไหว้ฟ้าดิน อดีตท่านแม่ทัพฉินมาในฐานะผู้าุโที่สุดเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นเขยิบตัวขมุบขมิบถามฉู่ลี่เสียงแ่เบา
ฉู่ลี่พยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ
“แล้วสตรีที่นั่งด้านข้างเขาเป็ใคร อย่าบอกนะว่าเป็พระชายาท่านอ๋องหรง?” มู่อวิ๋นจิ่นถามไม่หยุด
มู่อวิ๋นจิ่นยังคงพยักหน้าโดยไม่ปริปากพูด
“น้องหกและน้องสะใภ้หกทำไมมาแล้ว เอาแต่กระซิบกระซาบกันอยู่นั่นแหละ” เสียงสัพยอกดังขึ้นจากด้านข้าง
มู่อวิ๋นจิ่นหันกลับไปมองโดยยังไม่ตอบ แค่ฟังเสียงพลันทราบได้ทันทีว่าเป็องค์ชายสามฉู่ชิง
ท่าทางทีเล่นทีจริงของฉู่ชิงที่มีต่อมู่อวิ๋นจิ่นก็อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร
ฉู่ชิงไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทางมู่อวิ๋นจิ่นที่มีต่อเขาแม้แต่น้อย “่นี้จวนอัครเสนาบดีมู่มีเื่มงคลติดต่อกันตลอด น้องสะใภ้หกเป็คนนำร่องที่ดีให้กับคนอื่นๆ เสียจริง”
“องค์ชายสามว่างมากเหรอเพคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นแสดงสีหน้าไม่ชอบใจผ่านสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง
ฉู่ชิงหัวเราะกลบเกลื่อนมองมาที่มู่อวิ๋นจิ่น ต่อด้วยฉู่ลี่ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า น้องสะใภ้หกเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วจริงเชียว เปิ่นหวงจื่อเป็คนรู้จักมารยาท เช่นนั้นไม่รบกวนพวกเ้าทั้งสองซุบซิบแล้วกัน”
จากนั้นฉู่ชิงปลีกตัวไปทางอื่น
มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ชิงเดินไปแล้ว กลับแสยะยิ้มให้ฉู่ลี่ “นี่เป็ครั้งแรก ที่เห็นเ้าพูดน้อยก็ดีเหมือนกันแฮะ!”
“นี่เป็คำชม?” ฉู่ลี่เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
“ก็ประมาณนั้นแหละ”
“พี่ลี่……” เสียงของฉินมู่เยว่ดังขึ้นจากด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากันทันที พอหันไปมองเห็นฉินมู่เยว่ในชุดกระโปรงลูกไม้สีเหลือง เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
พอมายืนเบื้องหน้าฉู่ลี่ ฉินมู่เยว่กลับเผยรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา
“พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” ทักทายเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่เยว่เลื่อนสายตากลับไปที่ฉู่ลี่ดังเดิม
มู่อวิ๋นจิ่นแสร้งฝืนยิ้มตามมารยาท “ใช่แล้ว พี่มาร่วมงานด้วย”
“พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น อย่าเข้าใจความหมายของน้องผิดไปล่ะ น้องมิได้มิต้อนรับพี่ น้องเพียงแค่แปลกใจ นึกว่าพี่จะเดินทางมาพร้อมกับมู่หลิงจูและคนที่จวนอัครเสนาบดีมู่เพียงเท่านั้น” ฉินมู่เยว่ยิ้มกลบเกลื่อนการกระแหนะกระแหน
“ฉู่ลี่ให้พี่มาที่นี่พร้อมกัน” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือสองข้างพาดหลัง
ฉินมู่เยว่ได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยชื่อฉู่ลี่อย่างคล่องปาก รอยยิ้มกลับชะงักลงในพริบตา
ฉู่ลี่เหลือบมองมู่อวิ๋นจิ่นที่เอ่ยนามจริงของเขาอย่างตรงๆ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกหงุดหงิดและคิดว่านางไร้มารยาทแม้แต่น้อย นั่นแสดงถึงการที่เขาอนุญาตให้มู่อวิ๋นจิ่นเรียกเช่นนี้ได้
“พี่ลี่ อายุของพี่กับข้าใกล้เคียงกัน ต่อไปน้องจะเรียกพี่เหมือนพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นได้ไหม?” ฉินมู่เยว่เงยมองด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความหวัง
“ไม่ได้” ฉู่ลี่ปฏิเสธอย่างเืเย็นทันที
ฉินมู่เยว่กะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร “เหตุใดพี่สะใภ้อวิ๋นจิ่นเรียกได้ น้องกลับเรียกไม่ได้เล่า?”
ฉู่ลี่แสร้งทำเป็มิได้ยิน หันกลับมามองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนหันมองฉินมู่เยว่ “เ้ามิใช่พระชายาของเปิ่นหวงจื่อนะสิ”
[1] ยามปั้งหว่าน คือ่เวลาประมาณ 16.00 - 20.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้