หน้าบริษัทแห่งหนึ่งหญิงสาวคนหนึ่งที่ให้คนขับรถมาส่งเธอเพื่อมาทำงานในตอนเช้า พอเธอลงจากรถก็ชนเข้ากับเด็กสาววัยรุ่นที่ใส่ชุดนักเรียนระดับมัธยมปลายเพราะน้องกำลังจะไปโรงเรียนสายจึงได้วิ่งออกมาจากบริษัทที่เธอจะมาทำงาน พวกเธอก็ล้มลงไปทั้งคู่ น้องที่ล้มทับอยู่บนตัวของเธอก็ทำให้พี่เจ็บไม่น้อยและด้วยความสุภาพเธอก็ถามน้อง
“ถ้าไม่เป็อะไรแล้ว ช่วยลุกขึ้นให้พี่หน่อยได้มั้ยค่ะ หนูนั่งทับพี่แบบนั้น ระวังพี่คิดไปไกลนะ ลุกหน่อยคนเก่ง”
พอน้องตั้งสติได้และเห็นท่านั่งของตัวเองก็เข้าใจที่พี่สาวพูด จึงรีบลุกขึ้น และส่งมือให้กับพี่สาวที่น้องวิ่งมาชน
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีหนูกำลังจะสาย เลยรีบวิ่งออกมาไม่ได้ดูทาง พี่ไม่เป็อะไรใช่มั้ย”
หญิงสาวที่โดนน้องชนจนล้มก็ส่งมือให้น้องฉุดเธอให้ลุกขึ้น และมองสบตาไปที่น้อง เธอก็ยอมรับว่าน้องน่ารักพอสมควร ถ้าไม่ติดว่าใส่แว่น เธอก็ยิ้มเล็กน้อยและแกล้งแหย่น้องเล่นด้วยความเอ็นดู เพราะเห็นน้องทำสีหน้าสำนึกผิดมาก คงกลัวเธอเอาเื่
“ก็ไม่เป็อะไรมาก แต่ถ้าเราแนบสนิทตรงนั้นกันนานกว่านี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ ว่าพี่จะคุมตัวเองอยู่มั้ย”
เมื่อน้องได้ยินพี่สาวคนสวยพูดแบบนั้น และนึกไปถึงภาพที่น้องนั่งทับพี่จนแนบสนิทขนาดนั้น ทำเอาน้องหน้าแดง จนหญิงสาวยิ่งเอ็นดูในความน่ารักของน้องเข้าไปใหญ่ ก็อยากแกล้งน้องอีกสักนิด ให้ลืมว่าตัวเองล้มลงไปจนเจ็บสะโพกไปหมด จึงจับมือน้อง
“อายุเท่าไรแล้วตอนนี้ บอกพี่ได้มั้ย พอดีไม่อยากพรากผู้เยาว์นะ ถ้าอายุยังไม่ถึงพี่จะรอนะคะ ให้พี่จีบเธอได้มั้ย ไหน ๆ เมื่อกี้เราก็แนบสนิทกันขนาดนั้นแล้ว”
น้องยิ่งไปต่อไม่ถูกเลย ทำท่าจะวิ่งหนีไปขึ้นรถเมล์ เธอก็ดึงน้องกลับมากอดรอบเอวเอาไว้
“พี่แหย่เล่นนะ อย่าวิ่งหนีกันแบบนี้สิคะ เธอชื่ออะไร บอกพี่ได้มั้ย พี่ร่มฉัตร เรียกพี่ฉัตรก็ได้นะ อย่ากลัวพี่เลย พี่เห็นเราน่ารักดี เลยแหย่เล่น ขอโทษนะ ไม่ในะคะ”
“ปล่อยหนูก่อน ถ้าพี่ล้อเล่นจริง ๆ อย่ากอดหนูแบบนี้ หนูกลัว”
“บอกพี่มาก่อนชื่ออะไร แล้วอายุเท่าไร”
“อายุสิบหกปีค่ะ ชื่อน้ำใส พอใจหรือยังคะ ปล่อยได้แล้ว หนูอายคนนะ”
ร่มฉัตรปล่อยเอวน้อง แล้วเปิดประตูรถของตัวเอง ดันน้องเข้าไปในรถ และบอกต่อน้อง
“ถ้าขึ้นรถเมล์ไป หนูไปสายแน่นอนน้ำใส ให้คนขับรถของพี่ไปส่งละกัน น่าจะทันพอดี อย่าดื้อนะเด็กน้อย คงไม่อยากโดนหักคะแนนใช่มั้ย ถึงได้รีบวิ่งมาชนพี่ ลุงคะ พาเด็กน้อยไปส่งให้ถึงหน้าประตูโรงเรียนด้วยนะคะ ไว้เจอกันใหม่นะ น้ำใส”
ร่มฉัตรปิดประตู และเดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน เพื่อเตรียมตัวเข้าประชุม พร้อมกับพ่อของเธอ ใช่ร่มฉัตรเป็ลูกสาวเพียงคนเดียว ของเ้าของบริษัทแห่งนี้ ที่แม่ของน้ำใส ทำงานเป็เลขาของพ่อร่มฉัตร
“วันนี้ เราต้องประชุมถึงกี่โมงคะคุณพ่อ พอดีฉัตรต้องไปที่บริษัทของตัวเองด้วย แต่เห็นบอกให้ฉัตรมาเพราะมีธุระสำคัญจะคุย ก็เลยมาทางนี้ก่อน”
“ใช่พ่อมีเื่สำคัญจะบอกลูก ฉัตรจำน้านภาได้มั้ย เลขาที่ทำงานกับพ่อมาสองปีแล้ว”
“จำได้ค่ะ ทำั้แ่ฉัตรเรียนจบใหม่ ๆ ก็ทำงานเก่งและขยันมากเท่าที่ฉัตรสังเกตมา มีอะไรหรือคะ หรืออยากเลื่อนขั้นให้ ฉัตรก็ไม่ขัดข้องนะ ขยันดีฉัตรชอบ”
“แน่ใจนะว่าไม่ขัดข้องให้พ่อเลื่อนตำแหน่งได้”
“ใช่ค่ะ ไม่ขัดข้อง”
“งั้นดี พ่อจะเลื่อนตำแหน่งให้น้านภาจริง ๆ แต่จะเลื่อนให้มาเป็เมียของพ่อนะ พ่อกับนภา เราคบกันมาได้ปีกว่าแล้ว พ่อมั่นใจแล้วว่าอยากแต่งงานและพาย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของเรา ได้มั้ยฉัตร”
“ก็แล้วแต่คุณพ่อสิคะ ฉัตรก็โตแล้ว ไม่ได้ขัดข้องอะไรเื่พวกนี้ แค่ต่างคนต่างอยู่ น้านภาก็อย่ามายุ่งเื่ส่วนตัวของฉัตร ฉัตรก็ไม่ยุ่งเื่ของพวกคุณ จะทำอะไรก็ตามใจ”
“งั้นเย็นนี้ พ่อจะให้น้านภาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเราเลยนะ แล้วอีกอย่าง น้านภามีลูกสาวหนึ่งคนด้วย จะมาเป็น้องสาวของฉัตร ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปรังแกน้องนะฉัตร ปล่อยให้น้องอยู่กับแม่ของน้องก็พอ พ่อรับรองว่าน้องเป็เด็กดี ฉัตรอาจจะชอบก็ได้”
“ค่ะ ก็ค่อยดูกัน ถ้าดีจริง ฉัตรก็รับเป็น้องได้ไม่ยากค่ะ แต่ถ้าคิดจะมาร้ายใส่ ฉัตรก็ไม่ยอมนะคะ แล้วอย่ามาว่าฉัตร ว่าใจดำรังแกน้องก็แล้วกัน ถ้าเด็กคนนั้นไม่รังแกฉัตรก่อน ฉัตรก็ไม่ทำอะไร”
“น้ารับรองค่ะ คุณฉัตร ว่าลูกสาวของน้าไม่รังแกใครก่อนแน่นอน เพราะน้องยังเด็กอยู่มาก”
“ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉัตรขอตัวไปเตรียมเข้าประชุมก่อนนะคะ”
ร่มฉัตรเดินออกจากห้องประธานไป กลับไปห้องรองประธานของตัวเองเพื่อเตรียมเข้าประชุม และพอประชุมเสร็จเธอก็รีบกลับไปที่บริษัทของตัวเอง เพื่อทำงานที่ค้างเอาไว้จนดึกกว่าเธอจะทำงานเสร็จก็เหนื่อยจนล้า จึงให้คนขับรถ มารอรับหน้าบริษัทและหลับั้แ่อยู่ภายในรถจนไปถึงบ้าน
ร่มฉัตรก็เดินงัวเงีย ไปที่ห้องของตัวเอง ล้มตัวลงไปนอนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดอะไรเลย ทำให้คนที่นอนอยู่ก่อน สะดุ้งตื่นด้วยแรงของอีกฝ่ายที่ทิ้งตัวลงมานอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสภาพที่หมดแรงอย่างที่สุด คนที่นอนอยู่ก่อนและเป็เ้าของห้อง ก็พลิกคนที่หลับไปแล้ว เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็ลูกสาวของพ่อเลี้ยงตามที่แม่ของตัวเองบอก พอเห็นหน้า น้องก็จำได้ทันที น้องจึงปลุกร่มฉัตร
“พี่ค่ะ ตื่นค่ะ นี้ห้องของหนู พี่เข้าห้องผิดแล้ว”
ร่มฉัตรที่ไม่อยากลืมตา เพราะเหนื่อยมาทั้งวันอยากพัก ก็ดึงน้องลงมานอนกอดเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
“อือ อย่ากวนใจ นอนได้แล้ว พี่ง่วง มีอะไรคุยกันตอนตื่น อย่าดื้อนะ เป็น้องก็อย่าดื้อกับพี่”
“แต่พี่ค่ะ พี่ฉัตร ตื่นก่อน”
ร่มฉัตรไม่ฟังอะไรอีก ก็เอาแต่จะหลับท่าเดียว น้องก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อปลุกคนขี้เซาไม่ยอมตื่นก็ได้แต่ปล่อยให้ร่มฉัตรหลับภายในห้องของน้องต่อไป จนเกือบสว่างร่มฉัตรก็ได้ยินเสียงน้ำที่ดังก็ลืมตาตื่นเพราะคิดว่าห้องของตัวเองและใครมาเปิดน้ำในห้องของเธอั้แ่ยังไม่สว่าง ร่มฉัตรก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำในสภาพที่ยังลืมตาไม่ขึ้น แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำเอาร่มฉัตรจากที่ยังไม่ตื่นก็ลืมตามองอย่างเต็มตา ด้วยความแปลกใจว่าทำไมน้ำใสถึงมาอยู่ในห้องน้ำ แถมยังมาอาบน้ำในห้องน้ำอีก ทำเอาน้องใกรีดดังลั่น พี่ก็ใไม่น้อยรีบวิ่งเข้าไปเอากอดน้องเอาไว้และเอามือปิดปาก
“อย่ากรีดสิน้ำใส เดี๋ยวก็ตื่นกันทั้งบ้าน แล้วคิดว่าพี่ปล้ำเธอหรอก ถ้าพี่เอามือออกสัญญาได้มั้ย อย่ากรีดแบบเมื่อกี้อีก”
น้ำใสพยักหน้า เพราะน้องกำลังถูกร่มฉัตรกอดทั้ง ๆ ที่ร่างกายของตัวไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ร่มฉัตรก็ด้วยความใจึงไม่ได้คิดอะไร แค่อยากห้ามไม่ให้น้องกรีดจนคนเข้าใจผิดเธอกันหมด เธอเอามือออกจากปากของน้อง แต่ตอนนี้เธอเองก็เปียกไปพร้อมน้องแล้วเพราะรีบวิ่งเข้าไปกอดน้องเอาไว้
“คราวนี้บอกพี่มา เข้ามาอยู่ในห้องน้ำของพี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเธอเป็ลูกสาวของน้านภา คู่แต่งงานใหม่คุณพ่อของพี่”
“ค่ะ หนูเป็ลูกสาวของแม่นภา แต่พี่ฉัตร นี้ห้องของหนู แล้วช่วยปล่อยหนูได้สักที เราจะใกล้กันมากเกินไปแล้ว”
ร่มฉัตรที่คิดขึ้นได้ว่าเธอกอดน้องเอาไว้ด้วยสภาพร่างกายของน้องเป็แบบไหน ยิ่งทำให้ความคิดของเธอกระเจิงไปหมด และก้มลงไปดู ก็เห็นหน้าอกของน้องอย่างชัดเจน มันยิ่งทำให้เธอ ทำใจลำบากมากที่จะปล่อยน้อง
“แน่ใจหรือน้ำใส ว่าจะให้ปล่อย โอกาสได้ใกล้ชิดกันพี่ขนาดนี้ มันหายากนะ ผู้หญิงหลายคนมาเสนอให้พี่ พี่ยังไม่ยอมกอดด้วยแบบนี้นะคะ หนูแน่ใจหรือว่าจะให้พี่ฉัตรปล่อย”
“อืม แน่ใจ ปล่อยหนูเลยค่ะ หนูอายุสิบหกเองนะ พรากผู้เยาว์หรือคะ”
“ร้ายนะเรา งั้นถ้าพี่ขอจีบเราละ ได้มั้ยน้ำใส ลองมาคบกับพี่ฉัตรดูมั้ย ไม่ต้องสนใจหรอกว่าพ่อของพี่กับแม่ของเธอเป็อะไรกัน เธอสนใจแค่พี่ก็พอ ได้มั้ย ให้โอกาสพี่ฉัตรจีบน้องน้ำใสนะ อีกหนึ่งปีพี่ก็ต้องบินไปเรียนต่อแล้ว ลองเปิดใจคบกันดูนะ”
“ปล่อยก่อนได้มั้ย รอให้หนูอาบน้ำเสร็จก่อน ถ้าอยากจีบหนูก็เริ่มจากการให้เกียรติหนูก่อนได้มั้ยคะ หนูไม่สนใจหรอกว่าผู้หญิงหรือผู้ชายมาจีบ ถ้าหนูชอบก็คือชอบ ปล่อยก่อนนะพี่ฉัตร”
ร่มฉัตรพอใจมาก ที่น้ำใสไม่ปล่อยตัวให้กับเธอง่าย ๆ มันก็พอจะทำให้ร่มฉัตรชอบน้ำใสมากขึ้น และอยากจะลองจีบดูจริง ๆ เพราะมันต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่พอร่มฉัตรเสนอก็รีบคว้าโอกาส เพราะถ้าแบบนั้น ร่มฉัตรก็จะสนองให้แต่ไม่คิดจะจริงจังด้วย แต่กับน้ำใสมันแตกต่างกันมาก ั้แ่ครั้งแรกที่ชนกัน ก็วิ่งหนีเธอ ไม่รับไมตรีจากเธอ พอมาเจอก็ปฏิเสธกันอีก
“ได้ งั้นรีบอาบน้ำนะ พี่จะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เหมือนกัน แล้วพี่จะมาฟังคำตอบนะ เด็กน้อย”
ร่มฉัตรปล่อยน้องและหันหลังเดินออกไปไม่ยอมหันกลับมามองน้องอีกเลย เพราะกลัวใจตัวเองจะคุ้มไม่อยู่ แล้วบังคับยึดครองร่างกายของน้องขึ้นมา ร่มฉัตรกลับห้องของตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวก็พอดีสว่างจึงไปดูที่ห้องของน้อง น้ำใสก็ลงไปข้างล่างเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งช่วยแม่ทำอาหารเช้า เพราะตอนนี้นภาก็มาเป็แม่บ้านให้ ครอบครัวของร่มฉัตรเต็มตัว ในฐานะแม่เลี้ยงของร่มฉัตร พอร่มฉัตรเห็นน้องทำกับข้าวก็เป็ ทำงานบ้านก็เป็ ยิ่งถูกใจเธอมาก
ร่มฉัตรเดินไปที่น้อง ตอนนี้ก็กำลังตักข้าวต้มที่กำลังปรุงรสมาชิม พอน้องจะว่าช้อนเธอก็จับมือของน้องที่ถือช้อนอยู่มาใส่ปากตัวเอง
“อร่อยจัง ทำกับข้าวเป็เดียว แบบนี้พี่หลงตายเลย พี่ขอสองชามนะคะ เอาที่น้ำใสทำนะ พี่หิวแล้ว ั้แ่เมื่อวานตอนเย็นยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ก็มันน่าหิวอยู่อร่อยค่ะ หนูปลุกให้กลับไปนอนห้องตัวเอง ก็ไม่ยอมตื่น น้ำก็ไม่ยอมอาบ นอนลงไปได้ ดีนะที่ไม่เหม็น กอดหนูไว้แน่นขนาดนั้น ถ้ามีกลิ่น หนูโกรธจริง ๆ ด้วย”
“แล้วหอมมั้ยละ คืนนี้ให้พี่ฉัตรไปนอนด้วยอีกนะ กอดน้ำใสแล้วหลับสนิทถึงสว่างเลย ตัวของเธออุ่นดีพี่ชอบ”
“พอเลย ไปนอนห้องของตัวเอง ไหนบอกจะจีบ ถ้าอยากจีบหนู ก็อย่าคิดมาล่วงเกินกัน ถ้าทำให้หนูใจอ่อนได้ รับเป็แฟนกันเมื่อไร หนูจะยอมพี่ฉัตรเอง”
“ได้ ตกลงตามนั้น งั้นพี่ของจีบน้ำใสมาเป็แฟนของพี่ฉัตรนะ น้านภาเป็พยานด้วยนะคะ ลูกสาวของน้าพูดเองนะว่าให้ฉัตรจีบแล้ว ถ้าฉัตรจีบติด ห้ามปฏิเสธที่จะไปต่อนะ”
“อืม สัญญา ถ้าจีบติด พี่ฉัตรขออะไร หนูจะทำตามที่ขอ แต่ตอนนี้ห้าม”
ร่มฉัตรยิ้มหวานเพราะถือว่าได้ขออนุญาตจีบน้องต่อหน้าแม่ของน้อง ไม่ได้คิดจะแอบจีบเล่น ๆ แต่ร่มฉัตรอยากเอาจริง น้องก็ตักข้าวต้มที่ตัวเองทำเพื่อจะกินคนเดียว เพราะไม่ชอบกินข้าวต้มปลา แต่ตัวเองทำง่าย ๆ แค่ข้าวต้มไก่ ร่มฉัตรก็กินข้าวในครัวพร้อมกับน้อง ปล่อยให้พ่อกับแม่ทานกันที่โต๊ะอาหารสองคน แต่พ่อก็เดินมาดู และไม่พอใจเท่าไหร่ ที่ร่มฉัตรมานั่งกินข้าวสองคนกับน้องไปไม่นั่งทานด้วยกันที่โต๊ะใหญ่
“ที่หลังอย่ามานั่งกินกันสองคนอีกนะ เราเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ไปกินด้วยกันที่โต๊ะกินข้าว เข้าใจมั้ยฉัตร หนูด้วยนะน้ำใส มื้อต่อไปก็นั่งทานด้วยกัน อย่าแยกมากินกันที่ห้องครัวอีก”
“ค่ะ คุณลุง” พ่อของร่มฉัตรเอามือลูบหัวน้ำใสและเดินออกไป ก่อนที่จะหันกลับมามองลูกสาวของตัวเองที่ กำลังป้อนข้าวต้มให้กับน้ำใส และน้องก็รับเข้าปากไปง่าย ๆ ถึงจะไม่พอใจแต่ก็เดินกลับออกไปนั่งทานข้าวต่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้