ใช้เวลาเพียงครึ่งถ้วยชา
รถม้าคันหนึ่งก็แล่นมาถึงจวนสกุลไป๋
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาเป็อันดับแรกคือม้าตัวใหญ่สีขาวสะอาดไร้ที่ติจำนวนสี่ตัว ม่านรถที่ดูประณีตและบางเบาถูกปักด้วยด้ายทองเป็ลวดลายดอกไห่ถังใบไม้หยก แสงอาทิตย์สะท้อนมาที่ดอกไห่ถัง ทำให้มันดูเหมือนจริง ราวกับกำลังส่งกลิ่นหอมออกมาอย่างเลือนราง
โครงรถม้าทั้งหมดทำจากไม้จินซือหนาน[1] เรียกได้ว่าหรูหราโอ่อ่า
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ‘ข้าร่ำรวยมาก’ ตลอดทางที่รถม้าแล่นมา
เมื่อเหล่าสตรีจากตระกูลใหญ่ที่ออกมาเที่ยวเล่นเห็นรถม้าที่โอ่อ่าตระการตาเช่นนี้ แววตาก็เผยความประหลาดใจและอิจฉาริษยาอย่างอดไม่ได้
ผู้ที่มีความกล้าเริ่มกระซิบกระซาบกันอย่างเงียบเชียบ สอบถามว่าเป็รถม้าจากจวนใด ทุกคนล้วนปรารถนาจะก้าวขึ้นรถม้า และตบแต่งให้กับบุรุษจากจวนนั้น
ไป๋หว่านหนิงที่ยืนอยู่หน้าจวนสกุลไป๋ในตอนนี้รู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที แม้แต่หลังก็ยืดตรง
“สามคนก็สามคนเถิด ถึงอย่างไรข้าก็คือมารดาแห่งแผ่นดินในวันข้างหน้า ความเอื้ออารีที่ควรมี ข้าก็จำเป็ต้องมี”
หากมองข้ามการกัดฟันที่เผยออกมาให้เห็นอย่างเลือนรางผ่านทางน้ำเสียง คำกล่าวนี้ก็ฟังดูได้เื่ได้ราวจริงๆ
“พี่สาวคงไม่เคยเห็นรถม้าที่หรูหราเช่นนี้มาก่อนกระมัง ใช่สิ ท้ายที่สุดแล้วพี่สาวก็ต้องตบแต่งให้ผู้ที่เป็เพียงเซ่อเจิ้งอ๋องเท่านั้น แม้จะอยู่เหนือคนนับหมื่น ทว่ากลับอยู่ใต้คนผู้นั้น มีเพียงเกียรติยศและความมั่งคั่งเล็กน้อย ถือเป็ของพระราชทานที่พี่ไท่จื่อมอบให้เท่านั้น”
“หากพี่สาวอิจฉา น้องสาวจะช่วยขอร้องพี่ไท่จื่อให้พระราชทานรางวัล พี่สาวจะได้ลองขึ้นไปนั่งเสียหน่อย พี่สาวคิดเห็นอย่างไร?”
ไป๋เซี่ยเหอยกมือขึ้นเกาดั้งจมูก นางไม่ตอบอะไรเลย อันที่จริงนางเองก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี
ผู้อื่นอาจไม่ทราบว่ารถม้าคันนี้เป็ของผู้ใด ทว่านางรู้ดี
รถม้าคันนี้คือรถม้าคันเดียวกับที่นางบุกรุกเข้าไปอย่างตื่นตระหนกยามที่จำแลงกายเป็จิ้งจอกน้อยครั้งแรก
เป็รถม้าของฮั่วเยี่ยนไหว!
ทว่าเหตุใดรถม้าของฮั่วเยี่ยนไหวถึงมาที่หน้าประตูจวนสกุลไป๋ได้เล่า? หากเขาจะออกไปเที่ยวเล่นนอกเมือง ก็ไม่จำเป็ต้องผ่านจวนสกุลไป๋
หรือว่า...
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้วเล็กน้อย นางพยายามเก็บงำสีหน้า “ฝูเอ๋อร์ พวกเราควรไปได้แล้ว”
ทว่าผู้ใดจะทราบว่าไป๋หว่านหนิงแยกแยะสถานการณ์ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง นางยังคงคิดว่าไป๋เซี่ยเหออิจฉาตนเอง
นางรู้สึกพึงพอใจจนแทบคลั่ง จะปล่อยไป๋เซี่ยเหอไปได้อย่างไร? นางหมุนกายมาดึงข้อมือของไป๋เซี่ยเหอทันที “เหตุใดเ้าถึงจะไปแล้วเล่า? ข้ารับปากว่าจะให้เ้าลองขึ้นไปนั่งแล้วไม่ใช่หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอกวาดสายตามองบรรดาสตรีจากตระกูลใหญ่ที่ยืนอยู่รอบๆ นางถูกความอิจฉาริษยาของพวกนางทำให้วิงเวียนศีรษะ
“นี่คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่!”
ไป๋เซี่ยเหอสะบัดมือ นึกไม่ถึงว่าจะสลัดมือของไป๋หว่านหนิงไม่ออก นางกังวลที่อีกฝ่ายตั้งครรภ์จึงไม่อาจลงมือรุนแรงได้
“เกียรติยศหรือ?” ไป๋เซี่ยเหอเผยความดูแคลนออกมาในน้ำเสียง “เ้าต้องมีคุณสมบัตินั้นเสียก่อน”
นางไว้หน้าแล้วยังไม่ยอมหยุด มอบทางให้ลงแล้วยังไม่ยอมลง!
บางคนก็ตายเพราะความโง่และความทะนงตน!
“แน่นอนว่าข้าย่อมมีคุณสม...”
รถม้าหยุดลงตรงหน้าของทั้งสอง ถ้อยคำของไป๋หว่านหนิงพลันหยุดชะงัก
ท่าทีอวดดีถูกเก็บงำทันที ทั่วสรรพางค์กายแผ่ความบอบบางออกมา นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
ช่างเป็ดอกบัวขาวจริงๆ
แม้ว่ารถม้าจะหยุดลงแล้ว ทว่าภายในยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เมื่อเห็นสายตาอันร้อนแรงและอิจฉาริษยาของสตรีเ่าั้ ไป๋หว่านหนิงก็เดินหน้าไปสองสามก้าว ก่อนจะหยุดทำความเคารพอย่างมีมารยาทด้วยท่าทางที่อ่อนโยนราวกับกิ่งหลิว น้ำเสียงเองก็นุ่มนวล
“หว่านหนิงถวายบังคมไท่จื่อเพคะ”
“์ นึกไม่ถึงว่าจะเป็รถม้าของไท่จื่อ ไม่แปลกใจเลยที่หรูหราปานนี้ น่าอิจฉานัก”
“หว่านหนิงหรือ? คงไม่ใช่คุณหนูรองสกุลไป๋ผู้มีนามว่าไป๋หว่านหนิงหรอกกระมัง”
“คุณหนูรองสกุลไป๋คือไท่จื่อเฟยในอนาคตไม่ใช่หรือ? ชีวิตของนางดีเกินไปแล้วกระมัง!”
“รถม้าที่สูงส่งและหรูหราปานนี้ ให้ข้านั่งสักหนึ่งชั่วยาม โอ้ ไม่สิ หนึ่งถ้วยชาก็พอ ต่อให้ตายก็ไม่เสียดายแล้ว”
“...”
คำสรรเสริญเยินยอดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้ไป๋หว่านหนิงหยิ่งผยองจนแทบลอยขึ้นฟ้า ปรารถนาที่จะเชิดหน้ายามเดิน
นิ้วมือเรียวยาวสะอาดสะอ้านยื่นออกมาจากในรถม้า และค่อยๆ เลิกม่านขึ้น
สตรีจากตระกูลใหญ่ที่อยู่รอบๆ แย่งกันมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาของ ‘ไท่จื่อ’ จนแทบจะหัวร้างข้างแตก
พวงแก้มของไป๋หว่านหนิงขึ้นสีแดง นางก้มหน้าลงต่ำ ทำท่าเขินอายอย่างเงียบงัน
ม่านรถม้าแหวกออก คนข้างในเดินออกมา
บุรุษในชุดคลุมยาวสีกรมท่า รูปโฉมเ็าหยิ่งยโส ใบหน้าวิจิตรงดงาม ดูสมบูรณ์แบบราวกับถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถัน คิ้วทรงดาบยาวจรดขมับ ดั้งจมูกโด่ง รูปร่างกำยำ แผ่บุคลิกดูแคลนใต้หล้าออกมาจากร่าง
บุรุษผู้นี้คืองานศิลปะเดินได้จริงๆ
“เอ๊ะ นี่คือไท่จื่อหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าเคยพบไท่จื่อในวังมาก่อน ไม่ใช่คนนี้ เขาคือ...”
“เซ่อเจิ้งอ๋อง!”
เมื่อไป๋หว่านหนิงได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าพลันซีดเซียว ปรารถนาที่จะมุดดินหนี
ขายหน้าไปถึงวงศ์ตระกูลเสียแล้ว!
สมควรตาย! เหตุใดถึงเป็เซ่อเจิ้งอ๋อง? เป็เซ่อเจิ้งอ๋องไปได้อย่างไร?
ไท่จื่อเล่า?
ทว่าความอับอายและโทสะของนางถูกคนรอบข้างเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง
มีคำกล่าวที่ว่า ก้าวขึ้นไปสูงเพียงใด ตอนตกลงมาก็น่าอนาถมากเท่านั้น!
ฮั่วเยี่ยนไหวสาวเท้าตรงมาที่ไป๋เซี่ยเหอราวกับไม่ได้สนใจสิ่งอื่นรอบกาย ดวงตาของเขามีเพียงความงามล้ำของนางเท่านั้น
“ข้ารอเ้านานแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ขึ้นมาอีก? หรืออยากให้ข้าลงมาพาเ้าขึ้นไปเอง?”
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนไหวทุ้มต่ำและแหบพร่า ดวงตาสีดำขลับทอประกายอ่อนโยนอย่างเห็นได้ยาก
“์ บีบคอข้าให้ตายเร็ว เร็วเข้า! นี่คือเซ่อเจิ้งอ๋องหรือ? เป็ไปไม่ได้กระมัง!”
ข่าวลือที่ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องเ็าไร้เมตตา สังหารคนอย่างไร้ความปรานี ไม่ชมชอบการใกล้ชิดกับสตรี ขอเพียงมีสตรีกล้าเข้ามาใกล้ล้วนเป็อันต้องตายไม่ก็าเ็
ทว่าบุรุษที่แววตาดูหยาดเยิ้มและอ่อนโยนตรงหน้าผู้นี้คือเซ่อเจิ้งอ๋องจริงๆ หรือ?
หรือที่ได้ยินมาจะเป็เพียงข่าวลือชวนให้เข้าใจผิด?
ถ้าอย่างนั้นแม้ว่าพวกนางจะต้องสู้สุดชีวิต ก็ต้องแสดงตนต่อหน้าเซ่อเจิ้งอ๋องให้มาก เพราะไม่แน่ว่าสตรีที่จะได้ยืนเคียงข้างเซ่อเจิ้งอ๋องอาจเป็พวกนาง
“ได้ยินว่าตอนนี้เซ่อเจิ้งอ๋องมีเพียงหวังเฟยเท่านั้น”
ฝูงชนเงียบลงทันทีเมื่อมีผู้เอ่ยประโยคนี้ออกมา เมื่อหันกลับไปมองว่าผู้ใดเป็คนพูด กลับหาตัวไม่พบเสียนี่
ทว่าความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนั้นก็คือ...
เรือนหลังของเซ่อเจิ้งอ๋องยังว่าง
มีความหวัง! ยังมีความหวังอยู่!
ไป๋เซี่ยเหอตัวสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว ราวกับมีหนามทิ่มแทงหลัง
“ข้าไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะมาในวันนี้ ดังนั้นข้าจึงนัดกับสหายไว้แล้วว่าจะออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน ขออภัยจริงๆ ลำบากท่านอ๋องเปลืองแรงเสียแล้ว”
เมื่อถ้อยคำอันเย็นเยียบของนางจบลง คนรอบข้างต่างสูดลมหายใจอย่างอดไม่อยู่
นึกไม่ถึงว่านางจะกล้าปฏิเสธเซ่อเจิ้งอ๋องต่อหน้าสาธารณชน
จะให้ท่านอ๋องเอาหน้าไปไว้ที่ใด? เพราะได้รับความโปรดปราน นางจึงวางท่าหยิ่งผยองเกินไปแล้วกระมัง เกรงว่านางไม่ไว้หน้าท่านอ๋องเช่นนี้ วันนี้ท่านอ๋องต้องพิโรธ ไม่ปล่อยให้นางรอดชีวิตเป็แน่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สตรีทุกนางก็เกิดความหวังขึ้นมาทันที
หากเปรียบเทียบตนเองกับหวังเฟยในอนาคตแล้ว พวกนางสง่างามและอ่อนช้อยยิ่งกว่า เหมาะสมที่จะปรนนิบัติท่านอ๋องมากกว่า
พวกนางมีความหวังแล้ว!
ฮั่วเยี่ยนไหวหรี่ตาลงเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปยันกำแพงด้านหลังของไป๋เซี่ยเหอ กักขังนางเอาไว้ในวงแขน
“เลิกคิดเช่นนั้นได้เลย วันนี้เ้าเป็ของข้า!”
------------------------
[1] ไม้จินซือหนาน หมายถึง ไม้ชนิดหนึ่งที่มีลวดลายเหมือนดิ้นทอง