บทที่ 55 กู่เทียน
เดินริมแม่น้ำบ่อยครั้ง ทำไมรองเท้าจะไม่เปียก
คราวนี้พูดได้ว่าเย่จื่อเฉินเรือคว่ำในคลอง
ต้องแสร้งทำเป็นิ่งสงบและยิ้มอย่างมั่นใจ เย่จื่อเฉินหัวเราะเยาะด้วยสีหน้านึกสนุกแล้วพูด
“คุณชายกัวยอมแพ้แล้วเหรอเนี่ย ครั้งแรกที่เราเจอกันดูเหมือนว่าคุณชายกัวยังเอาเงินหลายพันฟาดหน้าผมอย่างถือดีอยู่เลย”
“ก็สู้คุณชายเย่ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
เย่จื่อเฉินคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ากัวเฉียงจะยอมแพ้
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสนุกของเขา เย่จื่อเฉินก็รู้เลยว่าเ้าบ้านี่ขุดหลุมให้เขาะโลงไป
ได้
ปั่นหัวฉันใช่ไหม
เย่จื่อเฉินยิ้มเยือกเย็นอยู่ในใจ มือหนึ่งหยิบเอาเงินสองพันหยวนออกมาจากกระเป๋า แล้วเลียนแบบท่าทางอวดดีของกัวเฉียงในครั้งแรกที่เจอกัน ก่อนจะโยนเงินใส่หน้าของกัวเฉียง
“เอาไปซื้อเสื้อสักสองสามชุดนะ จะจีบหญิงนายก็ต้องลงทุน”
นาทีนั้น ใบหน้าของกัวเฉียงพลันบึ้งตึงทันที
การกระทำแบบเดียวกัน คำพูดแบบเดียวกัน…
คำพูดนี้บ่งบอกถึงสิ่งที่เขาเคยกระทำกับเย่จื่อเฉิน
“ไสหัวไป”
เย่จื่อเฉินชี้ออกไปยังนอกร้านกระเป๋าชาแนล เขาต้องรีบไล่เ้านี่ไป แล้วจากนั้นก็ค่อยมาต่อรองกับพนักงานว่าขอซื้อในราคาตั้งต้น
“คุณชายเย่ได้สั่งสอนผมแล้วครับ”
คิดไม่ถึงเลยว่าแผนการของกัวเฉียงจะลึกล้ำขนาดนี้ เขายอมรับในความอับอายนี้ มุมปากยังคงยกยิ้มอยู่บางๆ
“กระเป๋าใบนี้เป็ของคุณชายเย่แล้ว พนักงาน รีบเอาใส่ถุงให้คุณชายเย่สิ ราคาตั้งสามล้าน นี่ราคาสูงเสียดฟ้าเลยนะ”
กัวเฉียงย้ำราคากระเป๋า สีหน้าของเย่จื่อเฉินถึงกับแข็งทื่อไป
เขามั่นใจว่าในมือของเย่จื่อเฉินไม่ได้มีเงินอยู่เยอะขนาดนั้น ถึงได้ยอมรับทุกอย่างนี้
เมื่อถึงเวลานั้นถ้าไม่มีเงินจ่ายจริงๆ เขาก็จะได้รับกลับมาเป็สองเท่า
ครั้งนี้เย่จื่อเฉินลำบากแล้ว เขาไม่มีเงินจริงๆ
“กระเป๋าใบนี้ฉันเอา”
ทันใดนั้น ก็มีเด็กหนุ่มผมสีควันบุหรี่คนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่มุงดูอยู่
พนักงานขายคนนั้นพอได้เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ท่าทางก็เปลี่ยนไป ก่อนจะรีบก้มหัวทักทาย
“คุณชายกู่”
ดูท่าว่าเขาจะเป็ลูกค้าประจำของร้านชาแนลนี้
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่น พูดกับตัวเองในใจว่าทำไมโชคชะตาถึงได้น่าเศร้าขนาดนี้ ต้องมาเจอคนคนนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย
แต่เอาไปก็ดีเหมือนกัน เขาเองจะได้ไม่อายคน
ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการภายในร้านที่ได้ยินเสียงก็เดินออกมา
“คุณชายกู่ คุณมาได้ยังไงครับ”
“เพื่อนผมจะซื้อกระเป๋าที่ร้านของเรา แต่ดันมาเจอคนจงใจเพิ่มราคาขึ้นสูง คุณผู้จัดการมัวทำอะไรอยู่?”
เด็กหนุ่มผมสีควันบุหรี่ขมวดคิ้วมุ่น ผู้จัดการรีบเอ่ยปากขึ้นอย่างละล่ำละลัก
“คุณชายกู่ครับ ผมไม่รู้เื่อะไรเลยนะครับ”
ความจริงแล้วผู้จัดการคนนี้เข้าใจเป็อย่างดี เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในร้านเขาก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าสองคนนี้ใครที่จะสามารถซื้อกระเป๋าใบนี้ได้ในราคาสูงที่สุด
เขาจะตักเงินได้อยู่แล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณชายกู่จะมา
“เหอะ”
คุณชายกู่ส่งเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูด
“เย่จื่อเฉินเป็เพื่อนผม คุณรู้หรือยังว่าจะต้องทำยังไง?”
“เข้าใจแล้วครับๆ”
ผู้จัดการรีบดึงพนักงานขายเข้าไปข้างใน ในเวลาเดียวกันคุณชายกู่ก็มองไปทางกัวเฉียงอย่างดูแคลน
“เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพูดว่าถ้าอยากได้คุณสามารถซื้อร้านนี้ให้ผู้หญิงของคุณได้เลย? งั้นผมขายร้านนี้ให้คุณก็แล้วกัน ห้าสิบล้าน ขายกันในราคายุติธรรม”
สิ้นเสียง คุณชายกู่ก็ยื่นมือออกไปทางกัวเฉียง บ่งบอกว่าให้อีกฝ่ายจ่ายเงินมา
ที่กัวเฉียงพูดเมื่อครู่นี้ก็แค่แกล้งเล่น บ้านเขามีเงินก็จริง แต่เงินหลายสิบล้านต่อให้หาให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีจ่าย
“ไม่มีเงินสินะ? ไม่มีเงินแล้วมาทำตัววางก้ามอะไรอยู่ที่นี่!”
คุณชายกู่พูดจาไม่ไว้หน้าเลยสักนิด เขาเพียงตบมือพนักงานรักษาความปลอดภัยก็รีบเดินปรี่เข้ามาทันที
“คุณชายกู่”
“เชิญคุณสองคนนี้ออกไป จริงสิ ถ่ายรูปพวกเขาสองคนไว้ด้วย แล้วเอาไปปิดประกาศไว้ที่หน้าประตูทางเข้าห้างของเรา ห้ามพวกเขาสองคนเข้ามาเหมือนกับพวกหมา!”
“ครับ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยกระชากร่างพวกเขาสองคนออกไปจากจุดนั้นทันที โดยไม่สนใจอาการขัดขืนของกัวเฉียงกับเหยาเยว่แม้แต่น้อย
มาจนถึงตอนนี้ คุณชายกู่ถึงได้หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่จื่อเฉินจากนั้นจึงยื่นมือออกไป
“คุณชายเย่ ครั้งนี้เราสองคนจะทำความรู้จักกันได้หรือยัง? ผมกู่เทียน”
ความจริงแล้วเย่จื่อเฉินไม่ได้มีความรู้สึกดีกับเด็กหนุ่มคนนี้นัก แถมตอนนั้นชายสูงวัยคนนั้นก็ยังข่มขู่เขาอีกด้วย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายได้ช่วยเขาแก้ปัญหาจริงๆ เขาก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นที่จะไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย
“ฉันเย่จื่อเฉิน”
ตอนนี้ผู้จัดการและพนักงานขายภายในร้านก็ได้เอากระเป๋าใส่ถุงแล้วส่งให้ถึงมือของกู่เทียน กู่เทียนยื่นไปให้เย่จื่อเฉินพร้อมกับยิ้มให้
“คิดซะว่าผมให้คุณชายเย่”
“อ่ะ ให้เธอ”
เมื่อรับกระเป๋ามาแล้ว เย่จื่อเฉินก็โยนเข้าใส่มือของเซี่ยเขอเข่อ
เซี่ยเขอเข่อมองกระเป๋าที่เย่จื่อเฉินส่งมาให้ด้วยความดีใจ ขบกัดริมฝีปากพร้อมกับแก้มที่ขึ้นริ้วสีแดง
“ขอบคุณนะ”
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับเซี่ยเขอเข่อเพิ่มขึ้นมา 100 ระดับความรู้สึกดีปัจจุบัน 110
เย่จื่อเฉินเดาไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็แบบนี้ แค่ไม่คิดว่าระดับความรู้สึกดีมันจะเพิ่มขึ้นมามากขนาดนี้
แต่พอย้อนกลับไปคิดดูนั้น เพียงเพื่อกระเป๋าใบเดียวกลับสร้างเื่ขึ้นมาตั้งมากมายขนาดนี้ ถ้าลองเปลี่ยนเป็ผู้หญิงบางทีอาจจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยก็ได้
พอมาคิดดูแบบนี้แล้ว ก็นับว่าสติของเซี่ยเขอเข่อนั้นไม่เลวเหมือนกัน
“คิดไม่ถึงเลยว่าเย่จื่อเฉินก็เป็สุภาพบุรุษกับเขาด้วย โกรธเป็ฟืนเป็ไฟเพราะผู้หญิงคนเดียว สามล้านหยวน นี่ไม่ใช่ความกล้าที่คนธรรมดาจะมีได้หรอกนะ แต่สาวสวยคนนี้ก็คุ้มค่าจริงๆที่จะให้คุณชายเย่วู่วามแบบนี้”
เซี่ยเขอเข่อที่พอได้ยินคำพูดของกู่เทียน ความเขินอายบนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับเซี่ยเขอเข่อเพิ่มขึ้น 10 ระดับความรู้สึกดีปัจจุบัน 120
พรูดดด!
เย่จื่อเฉินถึงกับมึนงงไป เขากลัวว่าระดับความรู้สึกดีมันจะมากเกิน พอถึงตอนนั้นเซี่ยเขอเข่อจะตกหลุมรักเขาจริงๆ…
ยากนักที่จะปฏิเสธน้ำใจของหญิงสาว
เขามีผู้หญิงอยู่ข้างกายแล้ว เขากลัวว่าจะเป็การรังแกเซี่ยเขอเข่อ
แต่แค่คำพูดประโยคเดียวของกู่เทียน ระดับความรู้สึกดีก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว
“ที่นายมาหาฉันเพราะมีธุระใช่ไหม?” เย่จื่อเฉินกลัวจริงๆ ว่ากู่เทียนจะปากบอนเผลอพูดอะไรออกมามั่วซั่ว แล้วระดับความรู้สึกดีมันจะเพิ่มขึ้นมาอีก
“ก็มีธุระจะคุยกับคุณชายเย่จริงๆ นั่นแหละ” กู่เทียนเองก็ไม่ปฏิเสธ
“งั้นเราไปกันเถอะ” เย่จื่อเฉินชิ่งเดินออกไปก่อนจนกู่เทียนทำอะไรไม่ถูก ครั้งก่อนที่เจอหน้ากันยังทำท่าเหมือนจะตีกันอยู่เลย แต่ครั้งนี้…
หรือว่าที่เขาช่วยพูดอวยเย่จื่อเฉินมันจะมีประโยชน์?
คิดมาถึงตรงนี้ กู่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับเซี่ยเขอเข่ออีกสองสามประโยค
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับเซี่ยเขอเข่อเพิ่มขึ้นมา 30 ระดับความรู้สึกดีปัจจุบัน 150
พรูดดด!
เย่จื่อเฉินที่เดินออกมาถึงข้างนอกร้านชาแนล ทันทีที่ได้รับข้อความแจ้งเตือนเขาแทบจะกระอักเืออกมา
กู่เทียน เ้าบ้านี่!
ร้านอาหารกึ่งดนตรีที่ชั้นหกของห้างสรรพสินค้า
เสียงเปียโนไพเราะดังคลออยู่ภายในร้านอาหาร ดนตรีที่ผ่อนคลายแบบนี้ทำให้คนนั้นอารมณ์ดี
แต่เย่จื่อเฉินนั้น…
หน้าตาบึ้งตึงยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“คุณชายเย่ คุณนี่ตาถึงจริงๆ ผมกล้าพนันเลยว่าสาวสวยคนนั้นสวยธรรมชาติแน่นอน ไร้ซึ่งการปรุงเสริมเติมแต่ง ได้มาโดยกำเนิด คุณสมควรได้รับแล้ว”
จนถึงตอนนี้กู่เทียนก็ยังคิดว่าเป็เพราะเซี่ยเขอเข่อ จึงได้ทำให้เย่จื่อเฉินมีอาการแบบนี้กับเขา
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองฝ่าย เขาก็อดที่จะพูดขึ้นมาอีกไม่ได้
“นายช่วยหุบปากนายหน่อยจะได้ไหม”
ไอคิวของเ้าเด็กนี่ต้องต่ำถึงขั้นไหนเนี่ย ถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนี้? ถ้าไม่ใช่เพราะตอนที่อยู่ในร้านเขาช่วยตัวเองไว้ละก็
เย่จื่อเฉินก็อดไม่ได้ที่ตบเขาสักสองทีให้รู้สึกตัวหน่อยเหมือนกัน
เอ่อ…
กู่เทียนมึนงงไปเล็กน้อย
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว หรือว่าจะประจบเกินไป?
ก็ไม่น่าจะใช่!
หรือจะเปลี่ยนวิธี…
“คุณชายเย่ ผมไม่ได้คิดไปในทางอื่นกับสาวสวยคนนั้นเลยนะครับ ก็แค่รู้สึกว่าพวกคุณเหมาะสมกันมาก!”
ให้ตาย
วันนี้ไม่ต้องคุยกันแล้ว!