หลังจากที่ผู้คนทั้งงานเงียบไปครู่หนึ่ง “พระชายาไม่คิดว่านางแสดงท่าทีหยาบคายหรือ”
อวี้ฉู่จาวกล่าวออกมาแล้ว
ถ้อยคำที่ท่านอ๋องเอ่ยกับหลินหร่านไม่มีแม้แต่ความเ็า ทุกคำพูดกลับเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
แต่หลินหร่านมองออก ตอนที่อวี้ฉู่จาวเอ่ยถึงหลินเสี่ยวฉี สายตายังเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
“ข้า…” หลินหร่านลังเลที่จะตอบกลับไป
หลังจากนั้น เขาเอ่ยต่อด้วยถ้อยคำปลอบโยน “หากท่านอ๋องทรงหายกริ้วแล้ว ข้าก็ไม่สนใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของหลินหร่านทำให้อวี้ฉู่จาวเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
สุดท้ายอวี้ฉู่จาวจึงตอบ “แต่ว่า ความโกรธของเปิ่นหวังยังไม่หายไป เื่นั้นจะทำเช่นไรกันล่ะ”
หลินหร่านรู้สึกลำบากใจทันทีเมื่อได้ยิน
หากในใจของท่านอ๋องยังทรงกริ้วอยู่จะทำเช่นไร เื่ทั้งหมดเกิดจากหลินเสี่ยวฉี หากไม่ใช่เพราะนาง ท่านอ๋องคงไม่เป็เช่นนี้
ประโยคที่อวี้ฉู่จาวเอ่ยออกมาทำให้หลินฮวาเหนียนชะงักไปทันที เขารู้สึกราวกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอ เอ่ยอะไรไม่ออก
อากาศในตอนนี้เย็นขึ้นฉับพลัน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร กระทั่งขยับก็ไม่กล้า
หัวใจพวกเขาล้วนสั่นสะท้านจากความหนาวเหน็บ กลัวว่าเื่นี้จะเดือดร้อนมาถึงตน
หลินเซี่ยงตี๋ที่เฝ้าดูอยู่ไม่เอ่ยอะไรั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้
แม้ว่าเขาจะเป็ห่วงผู้เป็บิดา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่อยากที่จะยื่นหน้าออกไป
เื่นี้เริ่มจากที่หลินฮวาเหนียนคิดจะขอร้องให้ช่วยเหลือหลินเสี่ยวฉี พอเป็เื่ที่เกี่ยวกับนาง หลินเซี่ยงตี๋ก็ไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งแล้ว
สิ่งที่หลินเสี่ยวฉีกับผู้เป็มารดาของนางได้ทำไว้กับน้องชายของเขานั้น...ช่างอุกอาจ
เขาได้รับรู้ถึง่ชีวิตเจ็ดปีมานี้ว่าหลินหร่านต้องใช้ชีวิตอย่างไร
เนื่องจากเขาไม่มีทางให้อภัยนางเว่ยกับบุตรสาว และหลินเหลียงก็ไม่ใช่คนดีอะไร เหล่าเด็กสาวที่เขาลักพาตัวมานั้น หลินฮวาเหนียนต้องจ่ายเงินชดใช้ผู้คนเ่าั้อย่างเหมาะสมไปมากมายเท่าไรแล้วนะ
อีกทั้งด้วยเหตุนี้ ท่านพ่อจึงเกือบป่วยเพราะความเครียดรุมเร้า หากไม่ใช่เพราะมีงานอภิเษกสมรสของหลินหร่านมาช่วยดึงความสนใจเอาไว้ ป่านนี้ท่านคงล้มป่วยไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เื่นี้ย่อมเป็หลินฮวาเหนียนที่รู้สึกลำบากใจมากที่สุด เพราะฝั่งหนึ่งคือบุตรสาวของตนเอง อีกฝั่งหนึ่งคืออวี้ฉู่จาว
แม้ท่านอ๋องผู้นี้จะเป็เขยของตน อย่างไรก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งและควรให้ความเคารพ คนตรงหน้าไม่ใช่คนที่ตนเองจะพูดหรือออกคำสั่งได้ตามอำเภอใจ
หลินฮวาเหนียนรู้สึกประหม่า ลังเลจนท้ายที่สุดถึงเอ่ยออกไปเพียง “...ควรมิควรแล้วแต่ท่านอ๋องจะทรงโปรด”
ในเวลาต่อมา ทุกคนต่างจ้องมองไปทางอวี้ฉู่จาว
“แม่นางหลินแต่งงานแล้วหรือยัง” อวี้ฉู่จาวเอ่ยถาม
“ยังพ่ะย่ะค่ะ” แม้จะสงสัยในคำถาม แต่หลินฮวาเหนียนก็ยังโค้งให้ท่านอ๋องเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ
“พี่สาวที่อายุมากกว่าพระชายายังไม่ออกเรือนอีกหรือ? ท่านแม่ทัพคงต้องรีบจัดการเื่นี้ มิเช่นนั้น…” อวี้ฉู่จาวหยุดชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ “หากยืดเยื้อต่อไปอาจไม่ดี”
หลินฮวาเหนียนรู้สึกสับสนยิ่งนัก เป็เพราะตนเองชรามากแล้วหรือเป็เพราะคำพูดของท่านอ๋องยากจะเข้าใจกันแน่
“วันนี้คงต้องพอเท่านี้ เปิ่นหวังต้องพาพระชายากลับตำหนักแล้ว” อวี้ฉู่จาวลุกขึ้นยืนพร้อมบอก ก่อนจะยื่นมือไปจูงหลินหร่านเช่นเคย “เราไปกันเถิด”
หลินหร่านพยักหน้ารับ
เมื่อท่านอ๋องกับพระชายาจะกลับตำหนัก ทุกคนในตระกูลหลินจึงมายืนรวมตัวกันส่งเสด็จ
ก่อนที่จะจากมา อวี้ฉู่จาวได้เอ่ยทิ้งท้ายหนึ่งประโยค “รอจนครบสิบสองชั่วยามก็ให้นางลุกขึ้นได้”
“หา? ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!” หลินฮวาเหนียนใเป็อย่างมากจึงรีบพูดออกไป
.........
ระหว่างทางกลับตำหนัก บนรถม้า
หลินหร่านได้แต่ลอบมองอวี้ฉู่จาว
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตอนนี้ท่านอ๋องหายโกรธหรือยัง แค่ให้หลินเสี่ยวฉีคุกเข่าไม่กี่ชั่วยามก็ทำให้ท่านอ๋องหายโกรธได้จริงหรือ? สำหรับหญิงผู้นั้นไม่ถือว่าง่ายเกินไปหรือไร
หือ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินหร่านใไม่ใช่น้อยที่ตนเองมีความคิดเช่นนี้
ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกที่ไม่พอใจใครสักคนหนึ่งแล้วว่าเป็อย่างไร
เมื่อลองคิดทบทวนดีๆ วันนี้เขาไม่พอใจหลินเสี่ยวฉีเป็อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่านางทำให้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ดี ตอนนั้นเขาโกรธและ้าลงโทษนาง
หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะท่านอ๋องพูดคุยกับผู้เป็บิดา ตัวเขาเองจะทำเช่นไรกันนะ?
หากท่านอ๋องให้โอกาสเขาล่ะ เขาจะทำเช่นไร?
เขาพบว่า เื่นี้เขาไม่อาจรู้ได้เลย ช่างน่าประหลาดใจนัก
หลินหร่านจำได้ว่าถ้าเป็เมื่อก่อน ไม่ว่าตนเองต้องเจอกับเื่ราวที่ทุกข์ทรมานเพียงไหน เขาก็ไม่เคยรู้สึกโกรธเคืองใครทั้งนั้น หรือพูดได้ว่าอาจไร้ความรู้สึก
แต่หลังจากที่อยู่กับท่านอ๋อง ค่อยๆ ได้รับความรักและการปกป้องดูแล เขาถึงเริ่มรู้สึกเหมือนบางครั้งตนเองไม่ได้รับความเป็ธรรมมากขึ้น และเื่ที่รับไม่ได้ที่สุดก็คงเป็เื่ที่ทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคืองใจ
ในใจของหลินหร่านครุ่นคิดมากมายจนแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน คิ้วของเขาขมวดขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
ทั้งสองคนอยู่บนรถม้า ตอนแรกเป็หลินหร่านที่จ้องมองอวี้ฉู่จาว แต่เวลานี้กลับกลายเป็อวี้ฉู่จาวที่จ้องมองหลินหร่านแทน
เมื่อเห็นใบหน้ายุ่งเหยิงของหลินหร่าน อวี้ฉู่จาวได้แต่สงสัยว่าอวิ๋นซีของเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็คิดว่าท่าทีนั้นช่างน่ารักน่าชังจริงเชียว
สุดท้ายเขาก็หักห้ามใจตนเองไม่ได้ จึงก้มลงไปหอมแก้มหลินหร่านจนอีกคนได้สติกลับคืน
“อื้อ” หลินหร่านเอียงศีรษะเล็กน้อย มองอวี้ฉู่จาวโดยไม่ได้ขยับหนี “...ท่านอ๋องยังทรงกริ้วอยู่หรือ” หลินหร่านเอ่ยถาม
“หากข้ายังโกรธอยู่เ้าจะทำเช่นไร” อวี้ฉู่จาวตั้งใจถาม
“ข้า…” ขณะนี้หลินหร่านแสดงท่าทีจริงจัง ครุ่นคิดอย่างตั้งใจ “ข้า...ข้าก็จะก่อกวนท่านอ๋อง”
“อ๋อ แล้วเ้าจะก่อกวนข้าอย่างไรล่ะ” อวี้ฉู่จาวนึกแปลกใจ อยากรู้ว่าชายาตัวน้อยจะก่อกวนตนเช่นไร
หลินหร่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ
รถม้ากำลังวิ่งอยู่จึงโยกเยกไปมา เขากลัวว่าหลินหร่านจะล้มลงถึงได้ใช้มือทั้งสองข้างจับเอวบางไว้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้หลินหร่านที่กำลังลุกขึ้นยืนล้มลงมานั่งบนหน้าตักของอวี้ฉู่จาว พร้อมใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคอ
หลินหร่านจูบลงบนหน้าผากของอวี้ฉู่จาว ไล่ลงมาหอมแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจูบที่ริมฝีปากซ้ำไปซ้ำมา
“ท่านอ๋องหายกริ้วเถิด อวิ๋นซีปวดใจเหลือเกิน”
หลังจากระดมจูบเสร็จหลินหร่านก็บิดเอวไปมาพลางเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ขณะนี้เืในตัวของอวี้ฉู่จาวกำลังพลุ่งพล่าน หลินหร่านก็เขินอายไม่น้อยเพราะใบหน้าแดงลามไปจนถึงลำคอ
อวี้ฉู่จาวพยายามควบคุมตัวเอง เขาเหล่ตามองแล้วกดเสียงถาม “อวิ๋นซีอยากได้อย่างนั้นหรือ?”
ฝ่ามือของอวี้ฉู่จาวที่จับเอวบางของหลินหร่านไว้เริ่มควบคุมไม่อยู่ ขยับไปมาอยู่อย่างนั้น
หลินหร่านตัวสั่นเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าว “รอสักประเดี๋ยวเถิดพ่ะย่ะค่ะ รอให้ถึงตำหนักก่อนแล้วค่อย…”
ตอนนี้หลินหร่านไม่มีอะไรให้ต้องคิด เพราะแค่อวี้ฉู่จาวเอ่ย ไม่ว่าท่านอ๋องให้ทำอะไรเขาก็ยินยอมทั้งนั้น
หลินหร่านรู้สึกได้ทันที เวลานี้ตนเองกำลังถูกคุกคามด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ลมหายใจของอวี้ฉู่จาวเริ่มหนักขึ้น เขาก้มหน้าลงไปบริเวณหน้าอกของหลินหร่านแล้วอ้าปากกัดร่างของชายาน้อยอย่างอดใจไม่ได้
“อือ อา~” หลินหร่านควบคุมตนเองไม่ได้จึงส่งเสียงออกมา
ลมหายใจที่หนักแน่นของอวี้ฉู่จาวเริ่มถี่ขึ้น “อวิ๋นซี เ้ากำลังลงโทษข้าหรือ”
หลินหร่านรู้สึกอึดอัดเช่นกัน เขารับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดจากความรักอันร้อนแรงของอวี้ฉู่จาว
ตอนนี้เขารู้สึกวูบวาบไปทั่วร่าง ความปรารถนาพลันก่อตัวขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่รู้ว่าความรักที่ตนเองมีให้ท่านอ๋องไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่ ณ ตอนนี้ เขารับรู้ได้เลยว่าตนเองไม่รู้จักความเขินอายแล้ว
“ข้าไม่ได้ทำนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านตอบกลับเพียงแค่นั้น ก่อนที่อวี้ฉู่จาวจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากของเขา สักพักในรถม้าเริ่มร้อนระอุ
หลังจากที่กลับถึงตำหนัก ทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักกันั้แ่ฟ้าสว่าง
ลุงตงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างจนใจอยู่ในสวน ใครกันที่ทำให้สองคนนั้นมาเป็นายของเขากันนะ
----------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้