"วันนี้ข้าจะไปร้านตีเหล็ก ท่านจะไปหรือไม่?" ซ่งอวี้แค่ถามส่งๆ เท่านั้น ถึงอย่างไรขอเพียงนางไปที่ไกลๆ หลี่เฉิงก็ตามนางไปอยู่ดี นางชินเสียแล้ว
เป็จริงตามคาด หลี่เฉิงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเดินมายืนข้างๆ นาง ใช้การกระทำของเขาในการตอบคำถามนาง
ซ่งอวี้ยักไหล่ จัดเก็บสมุนไพรที่หลายวันมานี้นางแปรรูปเอาไว้ มีสมุนไพรบางตัวทำเสร็จแล้ว บางตัวยังต้องใช้เวลา
นางห่อยาที่สามารถนำไปขายได้ไว้เป็ห่อๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ประสิทธิภาพของยาได้รับผลกระทบ
"ยาเหล่านี้ทำเสร็จแล้วหรือ?" หลี่เฉิงหยิบขึ้นมาดู ถึงแม้เขาจะยอมรับการแปรรูปสมุนไพรของซ่งอวี้ แต่เขายังคงใคร่รู้เื่ประสิทธิภาพของยา เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยได้ยินการแปรรูปเช่นนี้มาก่อน
ยามที่พูดถึงเื่ที่ตนเชี่ยวชาญ ซ่งอวี้มั่นใจยิ่งนัก "ประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ได้ผลดียิ่งกว่ายาในสำนักแพทย์ไม่รู้ตั้งกี่เท่า พวกเขาไม่มีทางไม่เห็นประสิทธิภาพของยาอย่างแน่นอน"
เมื่อเห็นท่าทีมีความสุขของซ่งอวี้ หลี่เฉิงก็ครุ่นคิด อย่าได้ทำร้ายจิตใจของนางเลย
เมื่อไปถึงตลาด ซ่งอวี้ไม่ได้ขายยาของตนเป็อันดับแรก แต่ว่าเดินตรงไปยังร้านตีเหล็ก การเกิดขึ้นของพลั่ว สำหรับคนในยุคสมัยนี้แล้ว ถือเป็สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ซ่งอวี้ร้อนใจจนแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว
ความเป็จริงหลี่เฉิงเองก็ตั้งหน้าตั้งตารอเช่นเดียวกัน บางทีสำหรับซ่งอวี้แล้ว พลั่วอาจจะเป็เพียงอุปกรณ์ที่ช่วยในการทำงาน แต่ในสายตาหลี่เฉิงแล้ว พลั่วไม่เพียงสามารถใช้ในการทำนาได้เท่านั้น แต่ยังใช้ในด้านการรบได้อีกด้วย
"ฮ่าๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าวันนี้น้องซ่งต้องมา"
ซ่งอวี้มองเห็นนายช่างหันที่ยืนอยู่หน้าร้านตีเหล็ก ไม่รอให้นางกล่าวทักทาย เขาก็เห็นนาง แล้วเดินเข้ามาต้อนรับทันที
ซ่งอวี้ยิ้มแล้วพยักหน้า เดินตามนายช่างหันเข้าไปในร้านตีเหล็ก
"ข้าทำพลั่วเสร็จแล้ว แค่ไม่รู้ว่าพลั่วที่ข้าทำขึ้นมานั้นใช่แบบที่น้องซ่ง้าหรือไม่? " เพราะถึงอย่างไรนายช่างหันก็ทำตามภาพวาด เป็การยากที่จะเลี่ยงหากเกิดรายละเอียดเล็กๆ แตกต่างจากที่ซ่งอวี้ตั้งใจไว้
ทว่าซ่งอวี้ไม่ได้สนใจเื่นี้ พลั่วไม่ใช่อุปกรณ์ที่้าความประณีตอยู่แล้ว ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันก็ไม่เป็ไร
นายช่างหันพาทั้งสองเข้าไปในห้องโถง ส่งสายตาให้ภรรยาของเขา อีกฝ่ายพยักหน้า แล้วเดินเข้ามาในห้องโถงเช่นกัน เพียงไม่นานนางก็นำบางสิ่งยาวๆ ที่ห่อด้วยผ้าสีแดงขึ้นมา
นี่...นี่มันเกินไปแล้วกระมัง? แค่เพียงพลั่วหนึ่งเล่มเท่านั้น ต้องยิ่งใหญ่ถึงขั้นนี้เชียวหรือ? ซ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะบ่น ภายใต้สายตาของนายช่างหัน ภรรยาของเขาเปิดผ้าสีแดงที่ห่อพลั่วเอาไว้ออก
การที่ซ่งอวี้จะคิดเช่นนี้ก็ไม่แปลก เพราะในยุคปัจจุบันมีสิ่งใดบ้างที่ไม่มี? พลั่วหนึ่งเล่ม สำหรับนางแล้วไม่ใช่เื่ใหญ่ เป็เื่ที่ธรรมดาสามัญยิ่งนัก ดังนั้นแม้จะเห็นพลั่วในยุคสมัยนี้ด้วยตาตนเอง สีหน้าของนางก็ยังคงนิ่งสงบ
แต่นายช่างหันไม่รู้ความในใจของซ่งอวี้ พอเห็นสีหน้านิ่งสงบของนาง เขาก็ประเมินนางสูงขึ้นถึงขั้นต้องแหงนมอง
หลี่เฉิงมองสิ่งที่อยู่ในมือของซ่งอวี้ ซ่งอวี้เคยอธิบายให้เขาฟัง มองดูแล้วคล้ายตะหลิวจริงๆ แต่ไม่รู้ว่ายามใช้งานจะเป็เช่นไร
ดูเหมือนว่านายช่างหันจะอ่านใจหลี่เฉิงออก เขาจึงพูดเสนอ "ั้แ่ข้าทำเสร็จ ก็ไม่เคยลองใช้มาก่อน ทุกคนดูไปพร้อมกันดีหรือไม่?"
ร้านตีเหล็กมีขนาดใหญ่ มีดินแปลงหนึ่งใช้สำหรับปลูกผักเพื่อนำมาใช้ในครัวเรือนโดยเฉพาะ เวลานี้สามารถนำพลั่วไปลองขุดดินแปลงนั้นได้พอดี
คำพูดนี้ตรงใจทุกคนอย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดคัดค้าน พวกเขาเดินไปที่แปลงผักอย่างยิ่งใหญ่ ดูว่าพลั่วจะถูกนำไปใช้อย่างไร
"น้องซ่ง นี่คือสิ่งที่เ้าคิดค้น เ้าลองใช้เป็คนแรกเถิด" นายช่างหันยิ้มแล้วยื่นพลั่วให้ซ่งอวี้ เขาคิดว่าผู้ที่สมควรลองใช้เป็คนแรก นอกจากซ่งอวี้แล้ว คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์
แม้ว่าการที่เขาร่วมงานกับซ่งอวี้ก็เพื่อที่จะหาเงิน แต่พูดตามความจริง รอให้ทุกคนรับรู้ถึงประโยชน์ของพลั่วแล้ว ชื่อหันจินของเขาก็จะแพร่สะพัดไปด้วย ถือเป็ความสำเร็จอีกรูปแบบหนึ่ง
ซ่งอวี้ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นางยื่นมือไปรับพลั่ว ใช้พลั่วขุดดินก้อนใหญ่ขึ้นมาด้วยความชำนาญ แก้มไม่แดงและไม่หายใจหืดหอบ ดูเหมือนไม่ได้ใช้แรงเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ชาวนาที่ทำงานจนเก่งแล้วก็ยังไม่อาจขุดดินก้อนใหญ่ได้ง่ายเช่นนาง
"ความเป็จริงของสิ่งนี้ใช้ง่าย อาศัยแรงที่เท้าเท่านั้น การออกแบบตรงนี้ ก็เพื่อให้คนใช้แรงที่เท้า หลังจากนั้นกดลงไปเล็กน้อยก็พอแล้ว"
ซ่งอวี้สาธิตการใช้พลั่วให้ดูหนึ่งรอบ ทุกคนก็เข้าใจหลักการใช้แล้ว
หันจินมองพลั่วด้วยดวงตาทอประกายแวววับ คล้ายเห็นแม่ไก่ออกไข่เป็ทองคำ "น้องซ่ง ไม่เคยมีอุปกรณ์เช่นนี้มาก่อน เ้าคิดว่าควรจะขายที่ราคาเท่าใด? อีกเื่หนึ่ง พวกเราต่างก็รู้ถึงคุณสมบัติของพลั่ว แต่ใช่ว่าผู้อื่นจะรู้ หากขายไม่ออก..."
จู่ๆ หลี่เฉิงก็พูดขึ้น "เื่นี้ไม่ยาก ท่านกลัวว่าจะไม่มีผู้ใดถามซื้อ เป็เพราะทุกคนยังไม่รู้คุณสมบัติของมัน เช่นนั้นท่านไปหาชาวนาที่สนิทสนม เอาพลั่วให้เขายืม ยามคนอื่นๆ ไปทำนานย่อมเห็นพลั่วเป็ธรรมดา"
แค่เพียงเห็น ไม่มีทางที่จะไม่หวั่นไหว
ขอเพียงมีพลั่ว สตรีก็สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับบุรุษ ในครอบครัวก็มีแรงงานเพิ่มขึ้นอีกแรง ผู้ที่รู้จักคิดย่อมยอมซื้อ
หันจินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความคิดของหลี่เฉิงช่างบรรเจิดยิ่งนัก ทั้งยังเป็วิธีที่ทำให้ผู้คนรู้จักพลั่วได้เร็วที่สุดด้วย
ขอเพียงตีพลั่วให้มากพอก่อน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก
"หากพวกเขารู้สึกว่าราคาแพง แล้วไม่ยอมซื้อเล่า?" หันจินเอ่ยถามอีกหนึ่งคำถาม เพราะถึงอย่างไรราคาเครื่องเหล็กไม่เคยถูกมาก่อน นี่คือเื่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
หลี่เฉิงพูด "ผู้ที่มีที่นามากที่สุดคือตระกูลที่มีฐานะมั่งคั่ง เ้าสามารถไปบอกข้อดีของพลั่วให้พวกเขาฟังได้ พวกเขาน่าจะยอมซื้อ" การรวมที่ดินเป็ปัญหาั้แ่โบราณ แม้แต่ในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวก็มีชาวบ้านเกือบครึ่งหนึ่งเช่าที่นาจากคนร่ำรวยเพื่อทำมาหากิน
ปัญหาที่เขากังวลในตอนแรก หลี่เฉิงคลี่คลายด้วยคำพูดเพียงสามสี่ประโยค หันจินรู้สึกว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก คนหนึ่งออกแบบคนหนึ่งขาย ฉลาดปราดเปรื่องทั้งคู่ เกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ
"เช่นนั้น...ราคาขายเล่า? พูดตามตรง ข้าเคยคิดหลายราคา แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม" หันจินถามคำถามพื้นฐานที่สุด ก่อนหน้านี้เขาคิดราคาด้วยตนเองหลายต่อหลายราคา ทั้งยังคิดคำนวณด้วยตนเองหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ให้ปรับใช้เลย
คำถามนี้ ซ่งอวี้และหลี่เฉิงไม่อาจตอบได้ในทันที เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ล้วนไม่คุ้นชินกับราคาของอุปกรณ์ทำนา
แม้หลี่เฉิงจะปิดบังชาติกำเนิดของตนเองไม่ให้ซ่งอวี้รับรู้ แต่จากความสง่าผ่าเผยที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าร่ำรวยยิ่งนัก คนเช่นนี้ จะเข้าใจเื่ราคาอุปกรณ์ทำนาเหมือนชาวนาได้อย่างไร
ทางด้านซ่งอวี้ยิ่งเป็ไปไม่ได้ ยุคสมัยแตกต่าง ราคาย่อมแตกต่าง ในยุคสมัยของนางเครื่องเหล็กราคาไม่แพง แน่นอนว่าไม่อาจนำมาเทียบกันได้
ซ่งอวี้ถามราคาอุปกรณ์ทำนากับหันจินก่อน พบว่ามีดหนึ่งเล่มก็สองร้อยอีแปะแล้ว กรรไกรหนึ่งด้ามก็หนึ่งร้อยอีแปะ ส่วนเครื่องเหล็กอื่นๆ ราคาถูกและแพงต่างกัน
ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้หันจินกลัวจะขายพลั่วไม่ออก ที่แท้ราคาเครื่องเหล็กแพงมากขนาดนี้เชียวหรือ?
ยุคสมัยนี้ แรงงานที่ออกไปทำงานนอกเรือน เดือนหนึ่งหาเงินได้เพียงสามร้อยอีแปะ หลังจากหักค่ากินและค่าอยู่ต่างๆ แล้ว เดือนหนึ่งสามารถเก็บเงินได้เพียงหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งก็คือราคามีดครึ่งเล่มเท่านั้น
หันจินและซ่งอวี้มองไปทางหลี่เฉิงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายด้วยแววตาที่แตกต่าง คำพูดของเขาเมื่อครู่ทำให้ทุกคนเห็นความสามารถในการทำการค้าของเขา เวลานี้ย่อมต้องฝากความหวังไว้ที่เขา หวังว่าเขาจะคิดอะไรออก