“ต้าลี่ ส่งลูกมาให้ข้า ขอร้องล่ะ ข้ามีลูกอยู่แค่คนเดียว ในเมื่อมีคนบอกว่าช่วยเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะลองดูสักครั้ง”
“ฮุ่ยหยิง มีสติหน่อย คำพูดของคนสติเลอะเลือนจะเชื่อได้หรือ? เ้าอย่าทำให้เสียฤกษ์ฝังศพลูกเลย”
“ฤกษ์ฝังศพ?” ประโยคนี้เรียกสติหลิวซื่อ แต่สายตายังคงมองไปทางซูิเยว่ นางเองก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไม ดวงตาสีดำคู่นั้นที่มองกลับมาเหมือนกำลังรอการตัดสินใจของนางอยู่
“ต้าลี่ ให้ข้าลองได้หรือไม่? ขอร้องล่ะ ให้ข้าลองเถิด” หลิวซื่อยังยืนกรานที่จะลองดู แม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อคำพูดของซูิเยว่นัก ดวงตาของนางผู้นั้นมีจิติญญาขนาดนี้ จะเป็คนสติเลอะเลือนเหมือนที่คนอื่นว่าได้อย่างไร?
หลิวซื่อกลัวว่าต้าลี่ยังไม่ยินยอม นางจึงคุกเข่าลงก่อนจะกอดขาเขาและขอร้องทันที
ภรรยาไม่เคยขอร้องตนเช่นนี้มาก่อน หวังต้าลี่เริ่มไม่สนใจสายตาคนอื่นแล้ว เขากัดฟันวางศพลูกชายลงบนพื้น “เ้าบอกว่าจะช่วยให้เขาฟื้นกลับมาใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็จงช่วยเถิด หากเ้าช่วยไม่ได้ ข้า.....”
ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไป
คำพูดนี้เขาไม่ได้กล่าวออกไป เพราะสายตาของซูิเยว่ที่กวาดมองมา แค่ปราดเดียวก็ทำให้เขาหยุดปากได้
“พวกเ้าถอยไปหน่อย ต้องทำให้ตรงนี้มีอากาศถ่ายเท” ซูิเยว่พูดไป มือข้างหนึ่งก็แตะไปที่ชีพจรตรงคอของหวังเสี่ยวจู้
ลูบไปตอนแรกเหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าเมื่อตรวจอย่างละเอียดก็พบการเคลื่อนไหวอ่อนๆ ของชีพจรสายหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง เมื่อครู่นางมองข้อมือของหวังเสี่ยวจู้ก็พบว่าชีพจรเต้นอ่อนมาก แต่ว่าเขายังไม่ตาย
ตอนที่เรียนวิชาแพทย์กับอาจารย์เมื่อชาติก่อน ท่านอาจารย์มักชมว่านางตาดี มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นๆ มองไม่เห็น แม้จะอยู่ห่างกัน แม้คนอื่นๆ จะมองไม่เห็นก็ตาม แต่นางก็สามารถแยกแยะสิ่งนั้นออกอย่างชัดเจน
แกล้งตาย! นี่คือข้อสรุปของซูิเยว่เกี่ยวกับหวังเสี่ยวจู้
เมื่อถอดเสื้อของหวังเสี่ยวจู้ออกก็เห็นร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนเป็สีดำ พอเลื่อนลงมาอีก นางถอดกางเกงของเขาออกก็พบาแที่ถูกงูกัดอยู่ที่ขา หลิวซื่อปิดปากตัวเองก่อนจะร้องไห้ในอ้อมกอดของสามีทันที
หลังจากตรวจสอบแล้ว ซูิเยว่ก็ยืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนของตัวเอง
“นางจะไปไหน?” เมื่อเห็นซูิเยว่ตั้งใจคนในหมู่บ้านจึงเริ่มคิดว่านางเป็ผู้เป็คนขึ้นมา พอเห็นนางหมุนตัวเข้าเรือนไปตอนนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย
ตอนที่ซูิเยว่กลับมาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งถือมีดเล็กหนึ่งด้ามกับถ้วยหนึ่งใบ ส่วนมืออีกข้างก็ถือหญ้าหนามหลินชื่อแถวหนึ่งออกมา
“จะเอาของเล่นพวกนี้มาช่วยคนอย่างนั้นหรือ?” มีคนแสดงท่าทีสงสัยออกมาอย่างชัดเจน
พอคนหนึ่งพูดออกมา ทุกคนถึงคิดได้ว่านางผู้นี้ก็แค่คนสติเลอะเลือนเท่านั้น พวกเขาจะไปคาดหวังว่านางจะช่วยคนได้จริงๆ หรือ?
ในตอนนี้เองพวกเขาพลันเห็นซูิเยว่หยิบหญ้าหนามขึ้นมาปักลงบนศพของหวังเสี่ยวจู้อย่างรวดเร็ว
หญ้าหนามยาวเท่านิ้วมือผู้ใหญ่ พอปักลงไปก็น่ากลัวเหลือใจ ทุกคนพากันถอยหลังไปสองก้าวด้วยความใ
คนตายก็ตายไปแล้ว มาถูกรังแกเช่นนี้ใครจะไปทนได้
หลิวซื่อใจนหน้าขาวซีด ส่วนหวังต้าลี่ก็โกรธจนแทบจะยกเท้าขึ้นถีบซูิเยว่ให้ออกไป
ซูิเยว่ที่นั่งอยู่กับพื้นเหมือนรู้ความคิดของสองสามีภรรยา ั์ตาสีดำจึงเหลือบมองเขาแล้วพูดเสียงเรียบ “เขายังไม่ตาย หากเชื่อข้าก็รอดูต่อไป”
เพียงแค่ประโยคเดียว แต่กลับเหมือนยาสงบจิตใจทำให้ทั้งสองยังคงมองดูต่อไป
พอทำให้จุดฝังเข็มและเส้นเืไหลเวียนดีเรียบร้อยแล้ว ซูิเยว่ก็เลื่อนสายตาไปที่ปากแผลก่อนจะใช้มีดกรีดให้เืไหลออกมา
เืสีดำไหลทะลักออกมา คนที่มุงดูอยู่ก็ใกันไปครู่หนึ่ง เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากเป็ศพที่ตายมาแล้วหลายวันเืจะแข็ง ไม่มีทางเป็แบบนี้แน่
หลังจากที่เืไหลออกมาหนึ่งถ้วย “ศพ” ก็ลืมตาขึ้น ริมฝีปากแห้งผากร้องเรียกเสียงอ่อนแรง “ท่านพ่อ ท่านแม่”
“กรี๊ด พวกเ้ารีบมาดูเร็ว หวังเสี่ยวจู้ฟื้นแล้ว!”
“์ ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงรอบๆ ทำให้หวังเสี่ยวจู้หวาดกลัวเล็กน้อย เขาอยากยันตัวขึ้นแต่ก็ขยับตัวไม่ได้จึงพูดเสียงแหบ “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น ข้าขยับไม่ได้”
หวังต้าลี่กับหลิวซื่อตะลึงค้างไป พอได้ยินเสียงลูกชายเอ่ยถาม หลิวซื่อถึงได้พุ่งเข้าไปกอดร้องไห้โฮ “ลูก ลูกข้า เ้าหายดีแล้วหรือ? เ้าไม่เป็อะไรแล้วใช่หรือไม่?” สองมือยกขึ้นลูบหน้าลูกชาย กลัวว่าจะเป็เพียงแค่ความฝัน
“ท่านแม่ ข้าเจ็บขามากเลย บนตัวก็ชาไปหมด ข้าเป็อะไรกันแน่ขอรับ?” หวังเสี่ยวจู้กะพริบตา จากนั้นน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมา
หลิวซื่อยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของลูกชาย ตอนนี้ตัวอุ่นขึ้นแล้ว ไม่เย็นอีกต่อไป นางดึงลูกชายมากอดแล้วร้องไห้ออกมาดังลั่น “ลูกเอ๋ย ดวงใจของแม่ ในที่สุดเ้าก็ไม่เป็อะไร”
หวังต้าลี่เองก็คุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาจับมือของลูกเอาไว้ด้วยความซาบซึ้งโดยไม่พูดอะไรออกมา
พอปล่อยเืสีดำออกมาจนหมดแล้ว ซูิเยว่ก็ใช้ผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาพันขาของหวังเสี่ยวจู้ ตอนที่กำลังจะยืนขึ้น หลิวซื่อก็พลันจับนางเอาไว้แล้วคุกเข่าเอาหัวคำนับที่พื้น “แม่นาง ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกข้า บุญคุณยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ครอบครัวเราไม่มีวันลืม”
“แค่เด็กคนนี้ไม่เป็อะไรก็พอแล้ว เขาเพิ่งระบายเืออกมา จำเป็ต้องพักฟื้นร่างกายอีกสักพัก” ชาติก่อนซูิเยว่เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร
นางเก็บของอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับเข้าเรือนตัวเองไป
ด้านหลังมีเสียงที่เต็มไปด้วยความฉงนสงสัยดังตามมา “นางเป็คนสติเลอะเลือนไม่ใช่หรือ จะมาช่วยคนได้อย่างไร?”
จนกระทั่งมีคนะโถามขึ้น “แม่นางซู เ้าทำอย่างไรให้คนฟื้นคืนชีพมาได้หรือ?”
เสียงดังมากจนกลบเสียงทุกคนไปหมด
ฝีเท้าของซูิเยว่ชะงักก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาก็เห็นบุรุษวัยรุ่นท่าทางภูมิฐาน แววตาที่มองนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พอเห็นนางหันกลับมา มุมปากของเขาก็เหมือนแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ช่างสดใสเป็อย่างยิ่ง
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ปกปิด
“ข้าไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดดึงคนตายให้กลับมามีชีวิตหรอก แต่เป็เพราะเด็กคนนี้ดวงแข็ง ก่อนที่จะถูกงูกัด เขาคงเคยกินผลเส่อหลินกั่ว [1] เข้าไปจึงทำให้พิษทั้งสองอย่างเข้าไปขัดแย้งกันในร่างจนทำให้เกิดสภาวะแกล้งตาย”
“อะไรนะ! เส่อหลินกั่ว? ์ กล้าหาญเกินไปแล้ว เ้าสิ่งนี้มีพิษทำให้วัวตายได้สิบตัวเชียวนะ”
ทุกคนต่างใแล้วมองไปทางหวังเสี่ยวจู้ ในชั่ววินาทีนั้นก็คิดว่าเด็กคนนี้ดวงแข็งมากจริงๆ โดนเข้าไปขนาดนี้ยังมีชีวิตรอดได้
โม่เหยียนเซินพูดต่อ “แต่ว่าพิษงูกับผลเส่อหลินกั่วต่างก็เป็ของมีพิษนะ เหตุใดถึงแค่แกล้งตายล่ะ?”
“พิษสองชนิดมาคานกันเอง บางครั้งพิษก็ไม่ทำให้ถึงตายเสมอไป แต่เป็ยาช่วยชีวิต พิษทั้งสองชนิดที่อยู่ในร่างกายของเด็กคนนี้เกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรงจึงไปช่วยชีวิตเขาเอาไว้ สิ่งที่ข้าทำก็เพียงเป็ผู้ปลดปล่อยเท่านั้น”
โม่เหยียนเซินครุ่นคิด “ดูเหมือนแม่นางจะเป็ผู้ที่เข้าใจวิชาแพทย์จริงๆ”
“ไม่ใช่ทุกคนที่ดวงแข็งขนาดนี้ ถึงเด็กคนนี้จะไม่ตายในทันที แต่ชีวิตก็ถือว่าแขวนอยู่บนเส้นด้าย” ซูิเยว่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม การอธิบายให้คนที่ไม่เชี่ยวชาญฟังค่อนข้างจะยุ่งยาก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญออกมา
โม่เหยียนเซินเหมือนจะเข้าใจแล้วจึงยิ้มแล้วพยักหน้า “พอวิเคราะห์กันถึงแก่นแล้วก็ยังเป็แม่นางนั้นที่มีฝีมือเก่งกาจ”
แม้จะรู้ความจริงแล้ว แต่เขาก็ยังชื่นชมนางอยู่ดี ซูิเยว่เหมือนจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจึงยิ้มรับน้ำใจนั้นไว้
เชิงอรรถ
[1] 蛇麟果 สละ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้