เดิมทีหลังจากที่อวิ๋นโส่วจงพาอวิ๋นฉี่เยว่กับอวิ๋นฉี่ซานไปคารวะและเชิญผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลแล้ว เขาก็ตั้งใจจะไปบ้านเก่าตระกูลอวิ๋นเพื่อเชิญพี่ใหญ่กับน้องสามพร้อมทั้งครอบครัวของพวกเขามาเช่นกัน
ในเมื่อเชิญพี่ใหญ่กับน้องสามแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชิญผู้เฒ่าอวิ๋น ผู้เฒ่าอวิ๋นนึกถึงเหตุการณ์วันที่อวิ๋นโส่วจงย้ายข้าวของออกไป ที่จริงในใจก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เดิมทีจึงไม่อยากมา แต่อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ไม่รู้ไปพูดอะไรกับเถาซื่อ เถาซื่อจึงขอตามผู้เฒ่าอวิ๋นมาด้วยให้ได้ คราวนี้แม้แต่อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ตามมาด้วย คนบ้านสี่จึงต้องตามมาเป็ธรรมดา
ในเมื่อทุกคนต่างก็ตามบิดาของเขามา อวิ๋นโส่วจงจะไล่พวกเขาออกไปได้อย่างไร
ตอนนี้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ยืนหลบอยู่ข้างหลังเถาซื่อ มองฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวที่สีหน้าบึ้งตึงด้วยแววตาท้าทาย โดยไม่มีทีท่าลุกลี้ลุกลนหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ฮูหยินเ้าค่ะ กล่องเครื่องประดับของคุณหนูหายไปแล้ว รวมทั้งชุดของคุณหนูด้วยเ้าค่ะ นอกจากนี้ผ้าห่มของคุณหนูก็ถูกตัดขาดหมดแล้ว เสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในตู้ก็ถูกตัดขาดเช่นกันเ้าค่ะ” ชุนเหมยเดินออกมาจากห้องของอวิ๋นเจียว เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตรวจสอบข้าวของเสร็จ
“เอาของของเจียวเอ๋อร์ออกมา!” ขโมยกล่องเครื่องประดับของอวิ๋นเจียวไปแล้วช่างเถิด ยังมาขโมยเสื้อผ้าของนางอีก
อวิ๋นเจียวยังไม่ถึงเจ็ดขวบ อวิ๋นเหมยเอ๋อร์เองก็ใส่เสื้อผ้าของนางไม่ได้เสียหน่อย ที่สำคัญคือ นางยังตัดเสื้อผ้าของอวิ๋นเจียวจนขาดหมด! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ทว่าทันทีที่ฟางซื่อพูดจบ เถาซื่อก็โวยวายขึ้น “ฟางซื่อ! เ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล! เอาอะไรออกมา? ตาข้างไหนของเ้าที่เห็นว่าเหมยเอ๋อร์ของพวกข้าเอาของของอวิ๋นเจียวไปหรือ? หึ! คงไม่อยากให้พวกข้ามาที่บ้าน เลยกุเื่ขึ้นมาใส่ร้ายเหมยเอ๋อร์! ครอบครัวพวกเ้ามันช่างไร้หัวใจนัก! นอกจากจะไม่รู้จักกตัญญูต่อผู้ใหญ่แล้ว ยังกล้าใส่ร้ายน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองอีก! สักวันระวังฟ้าผ่าตายกันทั้งบ้าน!”
เดิมทีผู้เฒ่าอวิ๋น อวิ๋นโส่วจง จางต้าไห่ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าตระกูลอวิ๋นที่กำลังสนทนากันอยู่ในห้องโถง พอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็พากันเดินออกมา
“คราวนี้เกิดเื่อันใดขึ้นอีก?” ผู้เฒ่าอวิ๋นกอดอก กวาดตามองรอบๆ ด้วยสายตาเฉียบคม
เถาซื่อพูดด้วยความเกลียดชัง “ยังต้องถามอีกหรือ? ก็เ้ารองไอ้ลูกชายไม่รักดีของเ้า กับลูกสะใภ้รองคนนี้น่ะสิ! รังเกียจคนในตระกูลอวิ๋น อยากจะไล่คนตระกูลอวิ๋นอย่างพวกเราทุกคนออกจากบ้านของพวกเขา!”
เดิมทีเถาซื่อแค่อยากมาดูว่าอวิ๋นโส่วจงและครอบครัวใช้ชีวิตอย่างไร แต่พอได้เห็นก็รู้สึกไม่พอใจ บ้านหลังนี้ไม่ได้ผุพังจนเมื่อลมพัดมาก็จะพังทลายอย่างที่นางคิด ในบ้านยังเลี้ยงลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆ ไว้อีกด้วย ในห้องครัวยังมีข้าวสารและแป้งสาลีครบครัน เนื่องจากค่ำคืนนี้มีการเลี้ยงรับรองแขก ในห้องครัวจึงเตรียมอาหารไว้มากมาย มีทั้งหมูสามชั้นชิ้นโต ไก่ เป็ด และอื่นๆ ทำเอาเถาซื่อโมโหจนตัวสั่น ทำไมเ้ารองถึงได้ใช้ชีวิตสุขสบายเช่นนี้?
ชีวิตที่ดีเช่นนี้ควรจะเป็ของเหมยเอ๋อร์และโส่วหลี่ของนางเท่านั้น! ที่น่าโมโหที่สุดคือ เ้ารองกลับมาแล้วแต่นางกลับไม่สามารถควบคุมเขาได้ มิเช่นนั้นเงินทองและทรัพย์สมบัติเหล่านี้ คงตกเป็ของนางทั้งหมดแล้ว พอเถาซื่อเห็นบ้านหลังนี้ เห็นข้าวของทุกอย่างในบ้านหลังนี้ หัวใจของนางก็เ็ปราวกับโดนมีดกรีด อยากจะขนย้ายทุกอย่างกลับบ้านเสียให้หมด
ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่คิดเลยว่าภรรยาของตนจะทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าหัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านเช่นนี้ ในใจจึงตำหนิฟางซื่อที่ไม่รู้จักประมาณ เื่แค่นี้เหตุใดต้องโวยวาย รอให้หัวหน้าตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านกลับไปแล้วค่อยพูดไม่ได้หรืออย่างไร?
ในแคว้นต้าเยี่ย โดยปกติแล้วผู้ใหญ่บ้านหนึ่งคนต้องดูแลหลายหมู่บ้าน แต่แถบูเาไป๋อวิ๋นนั้นพิเศษกว่าที่อื่น หมู่บ้านที่นี่กว้างใหญ่มาก ดังนั้นในแถบูเาไป๋อวิ๋นจึงมีผู้ใหญ่บ้านหนึ่งคนต่อหนึ่งหมู่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านจึงทำหน้าที่เป็หัวหน้าหมู่บ้านด้วย และด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านไหวซู่จึงเคารพยำเกรงผู้ใหญ่บ้านเป็อย่างมาก
แม้ผู้เฒ่าอวิ๋นจะไม่พอใจ แต่เขาก็เป็พ่อสามี ต่อหน้าคนนอกจึงไม่กล้าต่อว่าลูกสะใภ้ ทำได้เพียงหันไปตำหนิเถาซื่อกับอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ “บ้านกว้างขวางขนาดนี้ พวกเ้าไม่มีที่ไปหรือไง? ไปวุ่นวายในห้องของอวิ๋นเจียวทำไม?”
เถาซื่อ “ถุ้ย! ไปทำไมหรือ? เ้าลองไปถามทั่วทั้งหมู่บ้านดูสิ มีบ้านไหนบ้างเวลารับรองแขกแล้วไม่เปิดทุกห้องให้แขกได้เข้าไปนั่ง? หรือพวกเ้าจะยึดเอาห้องโถงไปหมด แล้วปล่อยให้ยายเฒ่าเช่นข้าต้องยืนตากลมหนาวอยู่กลางลานบ้าน? แบบนี้ไม่ใช่เชิญข้ามากินข้าวแล้ว แต่จะเอาชีวิตยายแก่เช่นข้าต่างหาก!”
ว่ากันตามตรง คำพูดของเถาซื่อก็มีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นเถียงไม่ออก แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลยังมองฟางซื่อกับอวิ๋นโส่วจงด้วยสายตาแปลกๆ
“แค่นั่งอยู่แป๊บเดียว ต้องถึงขั้นตัดเสื้อผ้าของเจียวเอ๋อร์จนขาดทั้งหมดเลยหรือ? แค่นั่งอยู่แป๊บเดียว ต้องถึงขั้นขโมยของของเจียวเอ๋อร์ไปเลยหรือ?” ฟางซื่อโกรธจนตัวสั่น แต่ก็จนปัญญา ไม่ว่าอย่างไรเถาซื่อก็มีฐานะเป็ผู้ใหญ่ นางยังปกป้องอวิ๋นเหมยเอ๋อร์...
“ของในบ้านเ้าพัง กลับมาโทษข้า! พวกเ้ามันไร้หัวใจทั้งครอบครัว! ที่แท้ก็้าใส่ร้ายยายเฒ่าเช่นข้าสินะ ถึงได้เชิญพวกเรามากินข้าว?”
“ฟางซื่อ! ไม่ว่าอย่างไรเถาซื่อก็คือแม่ของเ้า! เหมยเอ๋อร์ก็คือน้องสาวของเ้า!” คราวนี้ผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจริงๆ การที่ลูกสะใภ้ไม่ยอมลดละทำให้เื่ใหญ่โตเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติเขาเลย
สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลอวิ๋นก็ไม่สู้ดีนัก ต่างก็รู้สึกว่าฟางซื่อทำเกินไปแล้ว เถาซื่อพูดถูก ชาวบ้านอย่างพวกเขา เวลาที่บ้านอื่นมีแขก พวกเขาก็เปิดทุกห้องให้แขกเข้าไปนั่งกันทั้งนั้น
“โส่วจง แม่ของเ้าพูดถูก”
“ใช่ๆ เป็ครอบครัวเดียวกัน อย่าทำให้บาดหมางกันเลย”
เมื่อได้ยินผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลเอ่ยปาก ท่าทางของเถาซื่อก็ยิ่งหยิ่งผยองขึ้นไปอีก ส่วนอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ก็ยิ้มเยาะอย่างดูถูก ท่าทางภาคภูมิใจยิ่งนัก ต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูล ฟางซื่อจะกล้าค้นตัวนางได้อย่างไร?
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์คิดถูก ฟางซื่อไม่กล้าค้นตัวนางจริงๆ แถมยังไม่กล้าสั่งให้ชุนเหมยค้นตัวนาง ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีใครเห็น... หรือว่าจะต้องยอมให้สองแม่ลูกนี้เอาเปรียบจริงๆ?
อวิ๋นเจียวส่งสายตาปลอบใจพี่ชายทั้งสองคน นางรู้สึกว่าหากนางไม่ออกไปจัดการด้วยตัวเอง อวิ๋นฉี่ซานคงทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปตีคนเป็แน่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางกำหมัดแน่นของเขา กับสีหน้าที่เ็าลงเรื่อยๆ ของอวิ๋นฉี่เยว่ อวิ๋นเจียวจึงรู้สึกว่านางควรออกโรงจัดการเองจะดีกว่า
เพราะนางอายุยังน้อย! เด็กๆ โวยวายอะไรก็ไม่น่าแปลกใจ! อวิ๋นเจียวก้าวออกมา เดินตรงไปเบื้องหน้าอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ จ้องมองนางนิ่งๆ จากนั้นก็เบะปาก แล้วยืนร้องไห้โฮด้วยความน้อยใจ
“ร้องไห้ทำไม? ไปไกลๆ เลยนะ!” อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ใกับท่าทางร้องไห้อย่างกะทันหันของอวิ๋นเจียว จึงรีบไล่นางไปด้วยความรังเกียจ
เถาซื่อเองก็รีบเดินมาบังอวิ๋นเหมยเอ๋อร์โดยสัญชาตญาณ จ้องมองอวิ๋นเจียวด้วยสายตาไม่เป็มิตร พอเห็นอวิ๋นเจียวร้องไห้ หัวใจของฟางซื่อก็แทบจะแหลกสลาย
แม้ครอบครัวของพี่ใหญ่จะเห็นเื่ราวนี้และโกรธแค้น แต่พวกเขาก็ถูกเถาซื่อข่มเหงจนเคยชิน จึงไม่กล้าทำอะไร ครอบครัวของน้องสามก็ลำบากใจไม่แพ้กัน แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อฟางซื่อ แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าร้ายใส่แม่และน้องสาวของตนเองต่อหน้าผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูล
ฟางซื่อกำลังจะเข้าไปกอดปลอบอวิ๋นเจียว แต่ไม่ทันได้ตั้งตัวอวิ๋นเจียวก็วิ่งไปยืนข้างอวิ๋นเหมยเอ๋อร์ แล้วจับแขนเสื้อของนางแน่นพลางร้องไห้ขอร้องว่า “ท่านอา ท่านคืนตั๋วเงินยี่สิบตำลึงที่ข้าซ่อนไว้ใต้หมอนให้ข้าเถอะนะเ้าคะ นั่นเป็เงินอั่งเปาที่ข้าเก็บออมเอาไว้หลายปี”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์สะบัดมืออวิ๋นเจียวออก แล้วเบิกตากว้างพูดโดยไม่ทันคิด “พูดจาเพ้อเจ้อ! ในหมอนของเ้าไม่มี...”
เพิ่งพูดออกไปก็รู้สึกตัวว่าตนเองพูดผิด จึงรีบแก้ตัว “ข้าไม่ได้แตะต้องหมอนของเ้าเสียหน่อย ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าข้างในมีตั๋วเงิน เ้าต้องหลอกใส่ร้ายข้าแน่ๆ!”
แต่ว่าแก้ตัวตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรเล่า?
อวิ๋นเจียว: ... เพิ่งมารู้ตัวหรือไงว่าข้าหลอกใส่ร้าย!
ใบหน้าของผู้เฒ่าอวิ๋นพลันดำคล้ำ ส่วนผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลก็เข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว ที่แท้อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ขโมยของของหลานสาวจริงๆ มิเช่นนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่าในหมอนใบนั้นไม่มีตั๋วเงิน?