เดิมทีในจวนว่างเปล่าแต่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน แสงไฟจากคบเพลิงที่ทุกคนถือในมือส่องสว่างทั่วทุกพื้นที่สะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าตื่นเต้นของทุกคนที่เตรียมพร้อมรับมือ
เสียงแหลมของแม่นมเถียนดังที่หน้าประตู
“ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าฮูหยิน คุณหนูใหญ่รวมถึงบุตรชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ติดโรคร้ายทั้งหมดข้าได้รับคำสั่งจากนายท่านให้จุดไฟเผา”
โรคร้าย!ใช้ไฟเผา!
สุดท้ายต้วนชิงิก็ไม่ถามเหตุผลว่าทำไมอีกต่อไป
“ฮ่าๆๆๆ”
ต้วนอวี้หรานเ้าเชื่อเวรกรรมหรือไม่? ถ้าชาติหน้ามีจริงข้าจะเอาคืนเ้าเป็ร้อยเท่าพันทวี ชาตินี้เป็ตาของเ้า ชาติหน้าต้องเป็ข้าข้าไม่มีวันให้อภัย!
แม้ข้ากลายเป็ผีและต่อให้ต้องอยู่ในนรกอเวจีข้า... ต้วนชิงิ ต้องแก้แค้นให้ถึงที่สุด
นางกอดสยาเอ๋อร์ที่สลบไสลไว้ในอ้อมอกพยายามมองไปยังประตูที่ถูกปิดไว้สองแม่ลูกถูกล้อมไปด้วยไฟ เืพลันหลั่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น
เปลวไฟขนาดใหญ่ถาโถมเข้ามาจากหน้าต่างเพียงครู่เดียวก็โอบล้อมห้องนี้ไว้ทั้งหมด
ควันไฟตลบฟุ้งเต็มห้องเพลิงอัคคีลุกโชนเสมือนถูกงูล้อมไว้ ไม่นานเสียงร้องของเด็กหญิงและเสียงคำสาปแช่งทั้งหมดก็จมอยู่ในทะเลเพลิงจนไม่เหลือเสียงร้องใดๆ
ไฟที่แผดเผาทำให้ดวงตาแสบร้อนนางสำลักควัน หายใจไม่ออกแทบจนสิ้นหวัง
ไม่นานเปลวเพลิงก็ห้อมล้อมจนแทบกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างต้วนชิงิใช้แรงฝืนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ท้องฟ้าใกล้รุ่งสางพอดีสายลมเย็นๆ พัดจากหน้าต่างมากระทบใบหน้านางจึงได้สติและรู้ว่าเสื้อของนางนั้นเปียกชุ่มไปหมด
ต้วนชิงิค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น ฝันร้ายเมื่อครู่ทำให้นางปากคอแห้งผาก นางยกมือมาจับที่หน้า
นางกลับมาเกิดใหม่ได้สามวันแล้วภาพเหตุการณ์ในชาติที่แล้วกลับปรากฏในฝันนับครั้งมิถ้วน การตายด้วยความเคียดแค้นและสิ้นหวังทำให้นางแยกไม่ออกว่าอันไหนคือความฝัน อันไหนคือความจริง
ด้านนอกของม่านเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ยังคงง่วงเหงาหาวนอนพูดขึ้น “คุณหนูฝันร้ายอีกแล้วหรือเ้าคะ?”
ต้วนชิงิเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกม่านอย่างช้าๆพูดอย่างอิดโรย “ใช่ ่นี้ข้ามักจะฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง”
มันเป็ฝันที่เลวร้ายมาก
เป็ฝันร้ายที่จะคงอยู่และเตือนสติข้าตลอดไปคนพวกนั้นที่ทำชั่วกับข้าและลูก ข้าไม่มีวันให้อภัย!
เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ยกถ้วยน้ำเก่าไปให้ต้วนชิงิเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วง “คุณหนูดื่มน้ำเสียก่อนประเดี๋ยวฟ้าก็สว่างแล้วเ้าค่ะ”
ต้วนชิงิรับมาแต่ยังไม่ยอมดื่มความอุ่นชื้นจากถ้วยส่งผ่านมาที่มือไม่ต่างกับน้ำตาที่อยากหาข้ออ้างในการระบายผ่านไปสักพักจนลมหายใจกลับมาเป็ปกติ นางเงยหน้าขึ้นพูดนิ่งๆ “เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ หาแม่นมหนิงเจอหรือยัง?”
แม่นมหนิงเป็แม่นมของต้วนชิงิที่เข้ามาพร้อมกับฮูหยินติงโหรวตอนแต่งเข้าจวนต้วน นางเป็คนซื่อสัตย์จงรักภักดีมองต้วนชิงิเหมือนลูกของนางเอง แต่หลังจากที่ฮูหยินติงโหรวจากไปหลิวหรงก็ไล่คนที่เคยอยู่ข้างกายติงโหรวไปหมด แม่นมหนิงที่ไม่รู้เื่ก็ถูกหลิวหรงหมายหัวและขับออกจากจวนไป
ต้วนชิงิยังจำได้ว่าชาติที่แล้วตอนแต่งเข้ามาก็พอจะได้ยินเื่ของแม่นมหนิงว่ายังคอยคิดถึงนางอยู่ตลอดแต่โชคร้ายที่นางอายุไม่ยืนรวมทั้งมีโรคประจำตัวนางจึงด่วนจากไปก่อนต้วนชิงิแต่งงานเพียงหนึ่งปี
เื่นี้เองทำให้ต้วนชิงิในชาติที่แล้วยังคงนึกเสียดายอยู่ในใจเสมอชาตินี้นางจะต้องตามหาแม่นมหนิงซึ่งเป็คนที่ดีต่อนางจริงๆ ให้เจอ
ปัญหาหลักคือนางไม่รู้จะเริ่มตามหาแม่นมหนิงจากที่ไหน?
ทว่าโชคยังดีที่ต้วนชิงิยังมีความทรงจำในอดีตชาติหลงเหลืออยู่นางจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหลังจากที่แม่นมหนิงออกจากจวนต้วนก็เดินทางไปยังสถานที่หนึ่งชื่อว่า ‘หย่งเซี่ยง’ ที่นั่นนางรับซักผ้าเลี้ยงปากท้องโดยไม่ยอมกลับไปบ้านเดิมเพราะอยากจะรู้ข่าวคราวของต้วนชิงิมากกว่านี้
นางจะต้องตามแม่นมหนิงให้พบจนได้!
เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์เมื่อได้ฟังคำพูดต้วนชิงิอยู่นอกม่านก็คิดถึงแม่นมหนิงขึ้นมาเช่นกัน จึงถามเบาๆ ขึ้นว่า “คุณหนูวางใจได้เ้าค่ะบ่าวได้กำชับบ่าวชายหญิงให้สืบหาแล้ว อีกสองวันคงได้รู้เบาะแส”
ต้วนชิงิพยักหน้ารับรู้วางถ้วยน้ำไว้ข้างเตียงและลุกจากเตียงนอน
เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยเก็บม่านและรับต้วนชิงินางมีเื่ที่อึดอัดใจจึงถามขึ้นว่า “ฟ้ายังไม่สางเลยคุณหนูพักผ่อนอีกสักครู่เถอะเ้าค่ะ”
ภายในห้องของต้วนชิงินอกจากเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์แล้วยังมีต้าชุ่ยและสาวใช้คนอื่นๆแต่สาวใช้เหล่านี้เป็คนของหลิวหรงทั้งหมด ยกเว้นเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ที่โตมากับนาง ชาติที่แล้วต้วนชิงิไม่ค่อยจะชอบเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์เสียเท่าไรเพราะรู้สึกว่าทำอะไรวุ่นวายเสียงดังจึงค่อยๆ เอาตัวออกห่าง ด้วยเหตุนี้ทำให้เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ไม่รอดจากน้ำมือต้วนอวี้หรานในเมื่อนางกลับมาเกิดใหม่แล้ว นางจะปกป้องคนที่ดีต่อนางและหนึ่งในนั้นคือเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์
เมื่อเห็นต้วนชิงิลงจากเตียงเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์จึงรีบช่วยแต่งองค์ทรงเครื่องระหว่างนั้นต้วนชิงิมองไปที่กระจกพลางหรี่ตาลงเหมือนในใจกำลังวางแผนขณะที่เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์หยิบอ่างน้ำกำลังจะออกไป นางได้เอ่ยถามขึ้น “วันนี้วันอะไรแล้ว? ”
เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ตอบ “เรียนคุณหนู วันนี้เป็วันที่สิบสี่เดือนแปดเ้าค่ะ”
ต้วนชิงิใวันที่สิบสี่เดือนแปดแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เป็วันไหว้พระจันทร์แล้วสิ
ทุกคนในจวนต้วนต่างรู้ว่าวันไหว้พระจันทร์ของทุกปีเป็วันพิเศษที่สุดซึ่งทุกคนจะต้องมาร่วมงานไม่สามารถขาดได้แม้แต่คนเดียว
กลับชาติมาเกิดได้เพียงสามวันต้วนชิงิไม่ได้ออกจากห้องเลยดูท่าแล้วพรุ่งนี้จะต้องออกไปเจอหน้าหลิวหรงเสียหน่อย
ผ่านไปแค่พริบตาเดียวก็ถึงวันไหว้พระจันทร์
ดวงจันทร์ในวันนี้ลอยเด่นสูงเหนือต้นหลิวถือเป็่สว่างที่สุดในปี สวนหลังจวนต้วนได้จัดเตรียมขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้รวมถึงอาหารเลิศรสเต็มไปหมด
ศาลาเหลียงถิงตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้จากจุดนี้สามารถมองเห็นดอกไม้ผลิบานได้สุดลูกหูลูกตาทั้งยังมองเห็นพระจันทร์ลอยเคลื่อนเหนือต้นหลิวได้อย่างชัดเจน ตอนนี้ในศาลาเหลียงถิงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กๆหญิงสาวและชายหนุ่มต่างรวมกันอยู่ที่นี่
พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยเหนือต้นหลิวพลันสว่างไสวจับใจ เมื่อแสงจันทร์สาดส่องมายังคนทั้งสามที่อยู่ในศาลาเหลียงถิงทำให้คนที่มองมาดวงตาเป็ประกาย
ตรงหน้ามีชายหนุ่มรูปงามอายุราวสามสิบคิ้วหนาเข้ม ท่าทางสง่าผ่าเผย สวมเสื้อแขนยาวสีอ่อนที่เอวผูกด้วยหยกประจำกายดูแล้วสง่างามโดดเด่นไม่เหมือนใคร
บุรุษที่นั่งถัดลงมาอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดส่วนฮูหยินนั้นมีดวงตาวาววับ ฟันเรียงตัวขาว ใบหน้างดงาม ผิวเรียบเนียนเหมือนหยกสะท้อนแสงปากรูปกระจับสีแดงธรรมชาติ แต่งหน้าอ่อนๆเมื่อกระทบแสงจันทร์นวลทำให้ดึงดูดคนที่พบเห็น
ฮูหยินสวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีขาวดูกลมกลืนกันแก้มสีแดงระเรื่อ สังเกตให้ดีจะรู้ได้ว่าชุดที่สวมอยู่นั้นราคาไม่น้อยโดยเฉพาะบริเวณแขนเสื้อและหน้าอกล้วนขลิบทองโดยรอบดูสูงส่ง เสื้อ้า ่เอวและกระโปรงล้วนปักรูปดอกเหมยสีแดงอย่างสลับซับซ้อนเป็ชั้นอย่างสวยงามทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกเบิกบานใจ
สตรีนางนี้คืออี๋เหนียงหลิวหรงแห่งจวนต้วนและเป็คนที่ต้วนเจิ้งโปรดปรานที่สุด แม้ว่ายังไม่ได้ตบแต่งเป็ฮูหยินใหญ่ในจวนต้วนแต่ได้ดูแลจวนมาหลายปีจนเหมือนเป็ฮูหยินใหญ่โดยปริยาย