เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาเื่อ้วนหรือผอมอยู่แล้วไหม
ชุยเยี่ยนกล่าวว่าจะกินเนื้อให้น้อยลงสองคำ นางรู้สึกได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการกินเป็ชีวิตจิตใจ เพื่อที่จะแต่งงานจึงยินยอมที่จะสละความอยากอาหาร ชุยเยี่ยนเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นอยู่
ชุยเยี่ยนกับพี่ใหญ่งั้นหรือ?
“เ้าคิดว่าตนเองคิดอย่างไรก่อน อย่าบอกนะว่าครั้งก่อนที่ไปกินปลาบ้านข้า เ้าจะเกิดรักแรกพบกับพี่ใหญ่ข้าแล้ว?”
ชุยเยี่ยนปฏิเสธ “ถึงอย่างไรข้าก็ถึงวัยที่ต้องหารือเื่แต่งงานแล้ว ถ้าต้องแต่งแม่นางน้อยแปลกหน้ากลับบ้าน ไม่สู้ข้าแต่งกับพี่สาวเ้า พวกเราก็สนิทกันจนสามารถใส่กางเกงตัวเดียวกัน หลังจากนี้ข้าก็ไม่กล้าทำไม่ดีต่อพี่สาวเ้า!”
เฉิงชิงไม่สนใจเขาแล้ว
“กางเกงของเ้าใหญ่ไป ข้าใส่ไม่ได้หรอก เื่แต่งงานใช่ว่าจะเป็เื่ที่พวกเราสองคนจะพูดกันก็ใช้ได้แล้ว ครอบครัวเ้าจะยินยอมหรือหากเ้าคิดจะแต่พี่ใหญ่ข้า? คดีฟ้องร้องของบิดาข้ายังไม่ได้ตัดสินนะ! ถึงครอบครัวเ้าจะตกลงแล้ว แต่ก็ยังต้องดูว่าพี่ใหญ่ข้าชอบเ้าหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดคือหากเ้าเป็พี่เขยของข้า เ้าจะต้องรักเดียวใจเดียวกับพี่สาวของข้า ไม่อาจรับอนุ ไม่อาจมีนางข้างห้อง ไปเที่ยวหอคณิกาไม่ได้ มั่วกับหญิงรับใช้ก็ไม่ได้ อ้อ ไปหาเด็กรับใช้ชายก็ไม่ได้อีก… เงื่อนไขเหล่านี้เ้าสามารถทำได้หมดหรือไม่?”
ชุยเยี่ยนหลั่งเหงื่อเย็นทั่วร่าง
ในบ้านเขามีหญิงรับใช้หน้าตางดงามมากมาย แม้จะไม่เคยได้พบแต่ก็เป็การจัดการอย่างจงใจของมารดาของเขา รับใช้เขาั้แ่ยังเล็ก รู้เบื้องหน้าเื้ัรอบคอบ หลังจากนี้ยังต้องเลือกสองคนมาเป็อนุภรรยา
ชุยเยี่ยนรู้สึกว่าเป็เื่ปกตินัก เพราะนายน้อยตระกูลพ่อค้าร่ำรวยก็จัดแจงเช่นนี้
ก็เหมือนบิดาของเขาที่ก็รับอนุภรรยามาสิบคน ให้กำเนิดบุตรชายหญิงกองหนึ่ง
แต่บุตรชายภรรยาเอกมีแค่เขาเพียงผู้เดียว ดังนั้นบิดาของเขาจึงส่งเขามายังสถานศึกษาหนานอี๋ กล่าวว่าพี่ชายน้องชายที่เกิดจากอนุเ่าั้จะเป็แขนที่ช่วยเหลือเขาในอนาคต คำแก้ตัวเช่นนี้ตัวชุยเยี่ยนเองก็ยอมรับ
แววตาที่เขามองเฉิงชิงในยามนี้แปลกประหลาดเป็พิเศษ
“เฉิงชิง อย่างเ้านี่จะหาพี่เขยได้หรือ?”
กาน้ำชาใบหนึ่งยังต้องมีถ้วยชามากมาย ยิ่งเป็ผู้ที่มีความสามารถย่อมไม่มีทางผูกมัดตัวเองอยู่กับหญิงสาวเพียงผู้เดียว ภรรยาหลวงมีศักดิ์ศรีและเกียรติของภรรยาหลวง อนุภรรยาอื่นนั้นถือว่าเป็ของเล่นแก้เบื่อ ไม่ให้รับอนุนั้นยังได้ แต่กระทั่งสาวใช้ข้างห้องก็ไม่อาจมีได้ ถือว่าข้อเรียกร้องเข้มงวดไปแล้ว
ความคิดของชุยเยี่ยนที่จะให้เฉิงชิงเป็น้องภรรยาแตกสลายไปในพริบตา
ความจริงเขาสามารถสาบานส่งเดชได้ แต่งพี่สาวเฉิงชิงกลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แต่ตามนิสัยของเฉิงชิงแล้ว หากเขานอกใจ เฉิงชิงจะไม่บดเขาไปเลี้ยงสุนัขหรือ?
ช่างเถอะ เป็พี่เขยเฉิงชิงดูจะเสี่ยงอันตรายเกินไป หากสุดท้ายแล้วเป็ญาติกันไม่สำเร็จ ความเป็สหายก็จะหายไปด้วย!
เฉิงชิงไม่สนใจ “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไม่ได้ เ้าไม่เหมาะสมจะเป็พี่เขยข้า พวกเราสองคนเป็เพียงสหายกันต่อไปเถอะ”
ชุยเยี่ยนเหมือนนกกระทาที่หดคอกลับไป ไม่กล้าเอ่ยถึงเื่แต่งงานกับพี่สาวเฉิงชิงอีก เขาไม่อาจเป็พี่เขยเฉิงชิง หันศีรษะไปก็ทิ้งความคิดนี้ไปไว้ด้านหลังสมองแล้ว แต่ผู้อื่นกลับใจกว้างไม่เท่าชุยเยี่ยน ตระกูลเฉิงและตระกูลฉีฟ้องร้องคดีถอนหมั้นไปถึงที่ว่าการอำเภอ แม้ตระกูลเฉิงชนะคดี แต่ก็ยังมีผลสืบเนื่องตามมา
คนนอกต่างรู้แล้วว่าบุตรสาวคนโตออกเรือนโดยมีสินเดิมห้าพันตำลึงเป็อย่างน้อย มีชิ้นเนื้อขนาดใหญ่แขวนเอาไว้ พร้อมกับที่ฮูหยินาุโอวี๋ลอบสั่งคนให้กระพือข่าว ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเพียงใดที่จะมาสร้างปัญหา
แต่งบุตรสาวคนโตตระกูลเฉิงกลับบ้านก็จะมีเงินเข้าบัญชีหลายพันตำลึงเงินทันที
เฉิงจือหย่วนตายไปแล้ว บุรุษผู้เป็ที่พึ่งของตระกูลเฉิงเพียงหนึ่งเดียวก็ยังอายุน้อย พวกที่ละโมบเงินสินเดิมก้อนนี้ย่อมไม่เกรงกลัวเฉิงชิง
ทว่าที่พวกเขาหวั่นเกรงคือตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋
บังคับให้แต่งงานย่อมไม่ได้ แต่หากครอบครัวเฉิงชิงยินยอมที่จะแต่งบุตรสาวเอง ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็รั้งไม่ได้
แม่สื่อหลายคนก่อนหน้าเป็ผู้ที่ได้รับการไหว้วานให้ลองมาเสี่ยงดวงดู มารยาทเลวทราม ต่างมาทำหน้าที่แม่สื่อโดยไม่สนว่าบุตรสาวคนโตยังไม่ออกจากการไว้ทุกข์ แม่สื่อปากก็กล่าวชมยกยอฝ่ายชายเกินจริง นางหลิ่วจึงปฏิเสธไปทั้งหมด
เฉิงชิงอยู่ที่สถานศึกษา นางหลิ่วจึงคิดจะไปหาอาสะใภ้บ้านห้าเพื่อปรึกษา บ้านห้าก็ประกาศว่า้าจะเลือกสามีให้เฉิงหรงพอดี
สองเื่ดันชนกัน นางหลิ่วจึงไม่อาจไปทำให้อาสะใภ้ล่าช้าแล้ว
เฉิงชิงรู้สึกว่านางหลิ่วทำถูกต้องแล้ว ไล่พวกที่มาเป็แม่สื่อ่ไว้ทุกข์ออกไปก็ได้แล้ว คนเ่าั้ย่อมไม่กล้ามาลักตัวคนไปถึงที่
พริบตาเดียวก็ถึงเดือนสิบสอง
ลำดับที่ในการสอบประจำเดือนของนางอยู่ที่สิบอันดับแรกเป็ครั้งแรก นางได้อันดับที่เก้า อาจารย์ก็เคยเรียกหานางเพื่อคุยตัวต่อตัว เมื่อได้รู้ว่าปีหน้าเฉิงชิงคิดจะลงสนามเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ พวกเขาเองก็สนับสนุนให้นางไปลองดู
สอบไม่ผ่านก็ไม่เป็ไร ที่สำคัญคือัับรรยากาศการสอบเข้ารับราชการ
นี่ถือเป็ข่าวดีเื่หนึ่ง
วันที่เก้าเดือนสิบสองคือวันครบรอบการจากไปของเฉิงจือหย่วน เฉิงชิงลาพักที่สถานศึกษาและไปคารวะเฉิงจือหย่วนที่บ้านโลงศพด้วยกันกับนางหลิ่วพร้อมพี่สาวทั้งสาม ผ่านวันนี้ไปตระกูลเฉิงก็จะถือว่าออกทุกข์แล้ว
ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เฉิงจือหย่วนก็ยังไม่อาจถูกฝัง ถึงออกทุกข์แล้วก็ยังไม่อาจเรียกว่าเป็ข่าวดีอะไรได้
บ้านห้าให้คนมาส่งของเซ่นไหว้ ชุยเยี่ยนก็มีน้ำใจ เมื่อมาถึงบ้านโลงศพก็จุดธูปให้เฉิงจือหย่วนหนึ่งดอก
ทางบ้านรองซึ่งเป็บ้านเดิมยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเช่นเดิม
ที่ทำให้นางหลิ่วแปลกใจคือนอกจากบ้านห้าแล้ว คนในตระกูลเฉิงบ้านอื่นก็ยังทยอยส่งของเซ่นไหว้มาด้วย
“นี่ นี่คือ…”
คนตระกูลเฉิงล้วนหลีกเลี่ยงการไปมาหาสู่กับครอบครัวพวกนางมาโดยตลอด เหตุใดจู่ๆ จึงมีท่าทีอ่อนลงเช่นนี้?
เฉิงชิงหรี่ตาลง “ท่านแม่วางใจเถอะขอรับ ไม่ใช่เื่ไม่ดีอะไร ข้าได้ไปมาหาสู่กับพี่น้องในตระกูล คนในตระกูลย่อมค่อยๆ ขจัดอคติที่มีต่อพวกเราไป”
เป็เช่นนี้เองหรือ?
บุตรสาวคนโตรู้สึกว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการที่น้องชายสอบได้อันดับที่เก้าของห้องเรียนตัวอักษรติง
สิบอันดับแรกของห้องเรียนตัวอักษรติง น้องชายถือว่ามีโอกาสสอบซิ่วไฉได้แน่นอนแล้ว คนในตระกูลจึงคอยดูอยู่ข้างๆ อย่างสนับสนุน คอยดูว่าครอบครัวของนางจะล้มไม่ลุกเช่นนี้หรือไม่
การแลกเปลี่ยนของเฉิงชิงและเยี่ยอ๋องซื่อจื่อยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน
นางไม่คิดว่าพวกนางหลิ่วจะมีหวังหรือหมดหวัง เื่ที่จะชำระมลทินให้เฉิงจือหย่วนรอให้เป็ที่แน่นอนแล้วค่อยเอ่ยจะดีกว่า
นางหลิ่วหลั่งน้ำตาหน้าโลงศพโดยมีเฉิงชิงปลอบประโลมอยู่ข้างๆ
“พวกเรารอมาหนึ่งปีแล้ว ไม่กลัวว่าจะต้องรอนานกว่านี้ โลงศพของท่านพ่อจะต้องได้ฝังเข้าสุสานบรรพชนอย่างมีเกียรติแน่นอนขอรับ”
คนทั้งครอบครัวประคองกันและกันออกจากบ้านโลงศพ เพิ่งเดินถึงประตูทางเข้าก็มีเ้าหน้าที่กลุ่มใหญ่วิ่งเหยาะๆ มา
เกี้ยวขุนนางสองหลังลงถึงพื้น หลังหนึ่งคือเ้าเมืองอวี๋ ส่วนอีกหลังคือนายอำเภอหลี่
“ข้าได้รับราชโองการ ให้มาช่วยเหลือศาลต้าหลี่ในการตรวจสอบคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ อดีตนายอำเภอเจียงหนิงเฉิงจือหย่วนยังคงเป็ผู้เกี่ยวข้องสำคัญในคดีนี้ พวกเ้าที่เป็ภรรยาและบุตรของเฉิงจือหย่วนก็ย่อมต้องให้ความร่วมมือในการตรวจสอบด้วย พวกเ้าทำได้เพียงรออยู่ที่บ้าน ไม่อาจออกไปข้างนอก ไม่อาจติดต่อกับผู้อื่น”
นายอำเภอหลี่มีความคิดแย้ง “ใต้เท้า ครอบครัวที่มีแต่เด็กกับสตรีจะสามารถหนีไปไหนได้ ไม่สู้ให้คนมาป้องกันโลงศพของเฉิงจือหย่วน สั่งให้คนจับตาดูที่อยู่อาศัยของทั้งครอบครัวก็ได้แล้ว โดยเฉพาะเฉิงชิง การเรียนไม่อาจทิ้งได้——”
เ้าเมืองอวี๋ปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ข้ารู้ว่าเ้าชื่นชมผู้ที่มีความสามารถ แต่เมื่อเป็เช่นนี้ ก่อนหน้าที่ความจริงของคดีนี้จะเป็ที่ประจักษ์ ก็ยิ่งต้องกันเฉิงชิงออกจากคนนอก หากคดียังมีส่วนเล็กๆ ที่ยังไม่ไขกระจ่างก็ล้วนจะส่งผลถึงชื่อเสียงของเฉิงชิงในอนาคตได้”
นายอำเภอหลี่หมดหนทางจะตอบโต้
เขาสงสัยอยู่เล็กน้อยว่าเ้าเมืองอวี๋ใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตน บุตรชายของตนเองไม่อาจไปสถานศึกษาได้แล้ว จึงขังเฉิงชิงไว้ในบ้านด้วยเช่นกัน
ไม่อาจออกไปข้างนอก ไม่อาจติดต่อกับคนนอก นั่นคือการกักบริเวณภายในบ้าน!
แต่เ้าเมืองอวี๋ดูไม่เหมือนจะเป็ผู้ที่มีนิสัยของคนถ่อยเช่นนี้
บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดไป เ้าเมืองอวี๋อาจคิดจะปกป้องเฉิงชิงจริงๆ
แต่น่าเสียดาย ปีหน้าเด็กคนนี้ก็สามารถลงสนามสอบได้ บัดนี้กลับไม่อาจไปสถานศึกษา คงจะพลาดการเรียนหลายคาบเป็แน่!
