อาจเป็เพราะเสี่ยวเฉียวเยว่น่าเอ็นดูเกินไป ฮูหยินผู้เฒ่าิ่จึงแทบไม่อยากปล่อยมือ
แม้แต่ไท่ไท่สามก็ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวเฉียวเยว่ของบ้านตนจะชอบฮูหยินผู้เฒ่าถึงเพียงนี้ แต่เมื่อพิจารณาไตร่ตรองดูดีๆ แล้ว เสี่ยวเฉียวเยว่ของนางช่างคล้ายคลึงกับซานหลางยิ่งนัก
เป็มือตบสะโพกม้า [1] น้อยตัวยง!
"ไม่เห็นท่านแม่จะชอบรุ่ยเอ๋อร์ของพวกเราเช่นนี้บ้างเลย"
น้ำเสียงตัดพ้อแฝงแววประชดประชันเรียบๆ ดังขึ้น
ผู้พูดหาใช่ใครอื่น แต่เป็สตรีต่างเชื้อชาติผู้นั้น นางกล่าวอีกว่า "ท่านแม่จะไม่แนะนำท่านนี้ให้ข้ารู้จักหน่อยหรือ?"
แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ก็เห็นแจ้งอยู่แล้วว่านางรู้ ว่าไท่ไท่สามคือใคร
เสี่ยวเฉียวเยว่กะพริบตาปริบๆ พินิจสตรีต่างเชื้อชาติคนนี้อย่างละเอียด นางสวมชุดกระโปรงต่างชนเผ่า ไม่เปลี่ยนทรงผม แขวนห่วงจำนวนมากทั่วร่างกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง มีกลิ่นอายเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน
เป็ความงามที่ดูแปลกตา
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ตอบเสียงเรียบ "นี่คือภรรยาของซูซานหลางบ้านสามของจวนซู่เฉิงโหว เ้าเรียกนางว่าน้องสะใภ้สามก็ได้"
หลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ราวกับว่าไม่มีความจำเป็ต้องคุยอะไรมากมายกับสะใภ้คนนี้
สตรีต่างเชื้อชาติเชิดหน้าขึ้น แสดงความเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน "ข้าคือภรรยาของิ่หวาย ชื่ออูเอ่อร์จู ที่แท้เ้าก็เป็สตรีที่ไปแต่งกับคนอื่นนี่เอง"
คำกล่าวนี้คล้ายแฝงแววเหยียดหยันอยู่หลายส่วน
ทว่าไท่ไท่สามก็ไม่ได้มีโทสะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เื่ราวปีนั้นเกิดจากความผิดพลาด แต่บางครานี่อาจเป็ลิขิตจาก์ก็เป็ได้ พี่ิ่หวายได้พบกับเ้า ย่อมเป็สิ่งที่ดียิ่ง"
อูเอ่อร์จูมุ่นคิ้ว "ข้าไม่รู้ว่าที่เ้าพูดหมายความว่าอย่างไร แต่ข้าไม่ชอบผู้หญิงเสแสร้งจอมปลอมอย่างเ้า"
"เอาล่ะ" ฮูหยินผู้เฒ่าิ่มองอูเอ่อร์จูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเอ่ยว่า "เื่ในอดีต ไม่มีผู้ใดเก็บมาใส่ใจ เ้าจะพูดเหลวไหลอันใดก็ควรรู้ขอบเขตว่าสิ่งใดควรไม่ควร"
สตรีต่างเชื้อชาติผู้นี้หยาบคายไร้มารยาท ิ่หวายก็เอาแต่ตามใจนาง นึกถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ก้มหน้าเล่นกับเด็กน้อยต่อ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวังและไม่คาดฝัน
คนอื่นอาจรู้สึกไม่ชัดเจนมากนัก แต่เสี่ยวเฉียวเยว่ต่างออกไป
นางอยู่ใกล้เพียงนั้น สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายเยียบเย็นที่กระจายออกมาจากตัวของฮูหยินผู้เฒ่าได้ในชั่วพริบตา
เนื่องจากมีคนมอบกำไลเนื้อดีให้ ฝีปากน้อยๆ ของนางจึงคลี่ออกเป็รอยยิ้ม ส่งเสียงร้อง "ต้ะ ต้ะ"
นางโคลงศีรษะซ้ายทีขวาที ปากก็ร้องอ้อแอ้เป็ภาษาทารกที่ไม่มีผู้ใดฟังรู้เื่
ท่าทางไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของเด็กน้อยทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเบิกบานใจขึ้น สีหน้ายิ้มแย้ม "แม่หนูน้อยทำอะไรเนี่ย"
เฉียวเยว่น้อยงุนงง นางกำลังร้องเพลงเต้นรำอยู่ชัดๆ
หรือว่า... ดูไม่ออกเหรอ?
ไท่ไท่สามเดินเข้ามา "เ้าเด็กซุกซน คอยดูเถอะ กลับบ้านไปจะตีเ้าให้หนัก"
เฉียวเยว่รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงมายามอากาศแจ่มใส นางนางนาง... นางถูกปรักปรำ
นางแค่อยากสอพลอเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าิ่เท่านั้นเอง เหตุไฉนกลายเป็ซุกซนไปได้เล่า!
เพลียจิต!
พอได้รับสัญญาณเตือนว่าตนเองจะถูกตี นางก็หงอยลงในพริบตา
ท่าก้มหน้าเซื่องซึมของนางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าิ่หัวเราะขบขันไม่หยุด "โถๆ ดูสิ แม่หนูน้อยของพวกเราดูเหมือนจะฟังเข้าใจอยู่นะ มารดาเ้าจะตี ก็เลยคับข้องใจมากใช่หรือไม่"
เสี่ยวเฉียวเยว่อยากพยักหน้า แต่จำเป็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกผู้อื่นหาว่าเป็ตัวประหลาด นางเฉลียวฉลาดมากแล้ว ไม่อาจทำตัวฉลาดมากไปกว่านี้ได้ จึงออกแรงซบเข้าหาอ้อมอกของฮูหยินผู้เฒ่าิ่
"ท่านแม่ ท่านแม่!"
เด็กชายวัยสี่ห้าขวบคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องะโ
เสี่ยวเฉียวเยว่ได้ยินเสียง ศีรษะน้อยๆ ก็ชะเง้อมองทันที เห็นเด็กผู้ชายดูแข็งแรงผิวค่อนข้างเข้มวิ่งเข้ามา
เขากำยำล่ำสันน่าเอ็นดู แม้ว่าจะดำไปหน่อย แต่ก็ดูออกว่าเมื่อเติบโตขึ้นจะต้องเป็หนุ่มหล่อคมเข้มคนหนึ่งแน่
เด็กสามขวบสามารถส่อพฤติกรรมไปถึงตอนโต นี่คือหลักการที่มีเหตุผล
อูเอ่อร์จูโบกมือ "มานี่ มาข้างแม่"
ที่แท้ก็บุตรชายของแม่ทัพิ่กับอูเอ่อร์จู แต่นึกๆ ดูแล้วก็ไม่แปลก สีผิวของเขาค่อนข้างละม้ายคล้ายิ่ฮูหยิน เฉียวเยว่น้อยดูดนิ้วมือพลางวิเคราะห์ในใจ
พอเด็กชายสังเกตเห็นเด็กทารกที่ฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มอยู่ เขาก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น ชี้นิ้วถามออกมาตรงๆ "นางเป็ใครหรือขอรับ?"
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าิ่ชอบหลานชายคนนี้ นางยิ้มตอบว่า "รุ่ยเอ๋อร์มาดูน้องสาวสิ นี่คือเสี่ยวเฉียวเยว่"
ที่แท้เด็กชายตัวล่ำชื่อรุ่ยเอ๋อร์
รุ่ยเอ๋อร์วิ่งตึงๆๆ เข้าไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า มองซาลาเปาน้อยที่จ้องเขาตาปริบๆ ริมฝีปากแดง อวบอ้วนจ้ำม่ำ ดูไร้เดียงสาและน่ารักยิ่งนัก
เขาเอื้อมมือออกไป...
"แว้..." เสี่ยวเฉียวเยว่ร้องไห้ดังลั่นขึ้นมาทันที
มารดามันเถอะ เ้าเด็กโข่ง เด็กโข่งเด็กโข่งเด็กโข่ง!
มีใครเขาทำอย่างนี้กันบ้าง!
มาถึงก็ลงมือหยิกพวงแก้มน้อยนุ่มนิ่มของนาง ฮือๆๆ
ดวงหน้าน้อยขาวผ่องของเสี่ยวเฉียวเยว่ถูกหยิกจนเป็รอยแดง นางคับข้องใจยิ่ง ร้องไห้โฮเสียงดังทันที
ั้แ่ผู้อื่นข้ามภพมาก็เป็ที่รักใคร่โปรดปรานมาโดยตลอด ถูกตีก้นก็ไม่เจ็บ เ้ามาหยิกผู้อื่นได้อย่างไร เสียแรงที่ข้ารู้สึกว่าเ้าโตไปน่าจะเป็หนุ่มหล่อคมเข้ม
เ้าโตไปไม่มีทางดูดีแบบนั้น ไม่มีทาง!
แงๆ
เห็นนางร้องไห้ไม่หยุด ไท่ไท่สามก็รีบมาอุ้มบุตรไป แม้ในใจจะถือสา แต่ยังคงปลอบว่า "เด็กดี พี่ชายตัวน้อยไม่ได้ตั้งใจ เฉียวเยว่ไม่ร้องนะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ขมวดคิ้ว ใช้น้ำเสียงค่อนข้างเข้ม "อยู่ดีๆ ไปหยิกน้องสาวทำไม"
รุ่ยเอ๋อร์ชูคอโต้เถียง "หยิกแค่นี้ไม่ตายเสียหน่อย ทำเป็ร้องไปได้ ฮึ!"
เฮงซวย!
ไอ้เด็กบ้า!
เดิมทีเสี่ยวเฉียวเยว่ไม่คิดจะร้องไห้ต่อ แต่พอถูกเขาพูดแบบนี้ ก็ยิ่งตะเบ็งเสียงร้องต่อ ไม่รู้ว่าจิตใจของทารกส่งถึงกันหรือไม่ พอได้ยินนางร้องไห้ เสี่ยวฉีอันก็ร้องขึ้นมาบ้าง เด็กน้อยทั้งสองกลายเป็นักร้องคู่ไปชั่วขณะ
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธกริ้ว "ไปขอขมาอาสะใภ้สามของเ้าเสีย บอกนางว่าต่อไปจะไม่รังแกน้องสาวอีกแล้ว"
รุ่ยเอ๋อร์ไม่ยินยอม "ข้าไม่ได้รังแก"
อูเอ่อร์จูไม่พอใจ "เหตุใดท่านแม่ต้องทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ เด็กๆ แค่เล่นแรงไปหน่อย ไยต้องทำให้เป็เื่เป็ราวไม่จบไม่สิ้น"
ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันควัน "เ้าสอนบุตรเช่นนี้ แล้วจะอบรมเขาให้ดีได้อย่างไร?"
อูเอ่อร์จูหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายโทสะในคำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าิ่ จึงหยุดเสียงทันควัน ไม่ร้องไห้แล้ว
เมื่อนางหยุดร้อง เสี่ยวฉีอันก็หยุดร้องเช่นกัน
น้ำตายังเปรอะอยู่บนใบหน้า นางทำปากแจ๊บๆ จะทำไงดี?
"ต้ะๆๆ" นางออกแรงหันไปทางฮูหยินผู้เฒ่าิ่ ดวงหน้าน้อยทอยิ้มพร่างพราย
ไท่ไท่สามรู้สึกละเหี่ยใจกับอารมณ์แปรปรวนของบุตรสาวเหลือเกิน แต่เป็เยี่ยงนี้ก็ดี อย่างน้อยก็สามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างฮูหยินผู้เฒ่าิ่กับอูเอ่อร์จูได้
"เสี่ยวเฉียวเยว่เด็กดี"
เห็นแม่หนูน้อยแสดงความกระตือรือร้นคล้ายกับอยากให้นางอุ้ม ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ก็เก็บสีหน้าไม่พอใจ แล้วรับเสี่ยวเฉียวเยว่มา ก่อนจะพูดว่า "เสี่ยวเฉียวเยว่ช่างรู้ความยิ่งนัก"
"อ้า!" ดวงหน้าน้อยเชิดขึ้น ทอยิ้มตาหยี
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น จึงเปลี่ยนเื่คุยไปเสีย "เสี่ยวเฉียวเยว่น่ารักอย่างนี้ อยากจะแย่งเ้ามาเลี้ยงเองจริงๆ"
เสี่ยวเฉียวเยว่ตบมือร้องอ้อแอ้
ไม่ได้นะ! ข้าเป็เด็กน้อยมีครอบครัวเป็ของตัวเอง ท่านจะแย่งไปไม่ได้
"ฮึ ยายขี้แย ยายเด็กเหม็น" รุ่ยเอ๋อร์หันไปเตะเก้าอี้หนึ่งที ก่อนจะเดินไปนั่งข้างกายมารดา
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่เม้มปาก "รุ่ยเอ๋อร์!"
น้ำเสียงเข้มดุขึ้นมาก
"อูว่ะ อียาลา!" เสี่ยวเฉียวเยว่รีบขายความน่ารัก ไม่อยากให้พวกเขาโกรธกันอีก
แต่ครานี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่ถูกนางดึงดูดความสนใจ "รุ่ยเอ๋อร์!"
รุ่ยเอ๋อร์เบะปาก
บรรยากาศเงียบลงทันควัน ไท่ไท่สามพลันรู้สึกกระอักกระอ่วน เดิมทีนางคิดว่าจะอยู่ในมุมของตนเองเงียบๆ ไม่อยากทำให้ผู้อื่นเกิดความเคืองใจ
นางละล่ำละลักเอ่ยว่า "ท่านป้า เด็กๆ ก็แค่เล่นกัน อย่างไรเสียก็ยังเป็เด็ก อย่าไปจริงจังเลยเ้าค่ะ ยายหนูของพวกเราเป็เด็กขี้แย ปรกติหากไม่สบอารมณ์นิดหน่อยก็ร้องไห้แล้ว คงจะไม่..."
"เ้าไม่ต้องมาเสแสร้ง พวกผู้ชายไม่อยู่ จะแสร้งมารยาสาไถยให้ใครดู"
อูเอ่อร์จูนึกดูแคลนไท่ไท่สาม จึงว่ากระทบอย่างเ็า
"พวกเ้าสองแม่ลูกไม่เห็นหญิงชราอย่างข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่หรือไม่ "ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ตบโต๊ะอย่างแรง
เสี่ยวเฉียวเยว่ไม่กล้าเปล่งเสียงอีก
ฮือ เมื่อครู่นี้นางไม่น่าร้องไห้เลย
ทำให้กลายเป็เื่ใหญ่แล้วหรือเปล่าเนี่ย?
หม่าม้าของนางต้องอึดอัดใจมากแน่เลย เด็กน้อยตกอยู่ในภวังค์ของการโทษตัวเอง
ตอนนี้บรรยากาศเงียบสนิท หากเข็มตกสักเล่มก็คงได้ยิน
ทันใดนั้น เสียงของบุรุษก็ลอยมา
เสี่ยวเฉียวเยว่ได้ยินเสียงของบิดา ก็ร้อง "วา" ออกมาทันที
แล้วก็เป็ดังคาด ไม่ช้าบุรุษสองสามคนก็เดินเรียงกันเข้ามา บุรุษคนที่นำหน้าคือิ่หวายที่ทุกคนต่างเอ่ยถึง เขาสูงใหญ่บึกบึนแข็งแรง ใบหน้าคมเข้มกร้าวแกร่ง แน่นอนว่ารูปโฉมสู้บิดาของนางไม่ได้อยู่แล้ว ดูด้อยกว่าหลายส่วนทีเดียว
แต่กลับมีกลิ่นอายของชายชาตรี นอกจากนี้ใบหน้าหยาบกร้านที่กรำลมและน้ำค้างมานานกลับมีความน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ดูก็รู้ว่าผ่านประสบการณ์มามาก
เสี่ยวเฉียวเยว่ดูดกำปั้นน้อยๆ นึกทอดถอนใจ คงมีเพียงบุรุษเช่นนี้ที่สามารถควบคุมหญิงงามผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราดฉุนเฉียวดั่งไฟคนนั้นได้
พอิ่หวายเดินเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปรกติ เขามุ่นคิ้วถามขึ้น "เกิดอะไรขึ้น?"
น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ไม่คิดจะปล่อยเื่นี้ให้ผ่านไปเฉยๆ จึงเอ่ยว่า "ภรรยากับบุตรชายเ้า ข้าควบคุมไม่ได้ พวกเ้าย้ายออกไปเถอะ ก่อนที่ข้าจะโมโหตายเสียก่อน"
พอคำกล่าวนี้เอ่ยออกมา ิ่หวายพลันหน้าถอดสี "ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้" จากนั้นก็หันไปมองอูเอ่อร์จูกับรุ่ยเอ๋อร์
แล้วถามเสียงแข็ง "พวกเ้าก่อเื่อะไร?"
อูเอ่อร์จูแค่นเสียงหึ นางไม่ยอมอ่อนข้อ "พอน้องหญิงอิ่งของท่านอยู่ ท่านก็ดุใส่ข้า พวกนางสองแม่ลูกล้วนไม่ใช่ของดีอันใด"
นางหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสริมอีกว่า "คนจงหยวน [2] อย่างพวกเ้า ไม่มีใครดีสักคน ดีแต่รังแกพวกเรา"
"พี่ิ่หวาย ข้าไม่รู้ว่าภรรยาและบุตรของข้าเคยไปล่วงเกินฮูหยินท่านนี้เมื่อใด หากพวกท่านเห็นเราเป็หนามยอกอก พวกเราไปก็ได้ แต่เื่ทำลายชื่อเสียงภรรยา ข้าซูจิ้งหรั่นคงต้องขอคำอธิบายจากพวกท่าน เหตุใดถึงเรียกน้องหญิงอิ่ง อย่างไรคือไม่ใช่ของดี ฮูหยินท่านนี้ได้โปรดชี้แจงให้แจ่มชัดด้วย"
แม้แต่คำว่าพี่สะใภ้ก็ไม่ยอมเรียกแล้ว
แม้ซูซานหลางจะเป็บัณฑิตอ่อนแอ แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจดีเช่นกัน เขาจ้องอูเอ่อร์จูเขม็ง เน้นคำพูดทุกคำทุกประโยค "คนจงหยวนอย่างพวกเราล้วนไม่มีคนดี แล้วเ้าจะแต่งงานมาที่นี่ทำไม! น่าขันสิ้นดี คนต่างเผ่าอย่างพวกเ้าล้วนแต่เป็คนดีทั้งนั้นเลยสิ? ที่มาแย่งชิงโคและแพะที่หัวเมืองชายแดนของพวกเราไม่ใช่ฝีมือของพวกเ้าหรอกหรือ ช่างเป็คนดีเสียจริง ที่แท้คำว่ากลับดำเป็ขาวสี่อักษรก็เขียนเช่นนี้นี่เอง"
ซูซานหลางไม่ใช่คนชอบหาเื่ แต่ถ้ารังแกมาถึงภรรยาของเขา เื่นี้ไม่จบง่ายๆ แน่
เขาแสดงสีหน้าเ็า "ขอเชิญท่านแม่ทัพิ่และฮูหยินของท่านให้คำอธิบายดีๆ แก่ข้าด้วย"
...
[1] มือตบสะโพกม้า หมายถึง คนที่ประจบสอพลอคนเก่ง
[2] จงหยวน หมายถึงที่ราบภาคกลาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้