“สามี รีบไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวเถอะ” เมื่อเห็นว่าจางต้ากั๋วล่าสัตว์กลับมาได้มากขนาดนี้ หลิวเยวี่ยย่อมรู้สึกดีใจมากเช่นกัน
หลังจากขายสัตว์ที่ล่าออกไป จางต้ากั๋วได้เงินกลับมาไม่น้อย ไม่แปลกที่จะมีหมั่นโถวแป้งขาวให้กินทุกมื้อ แต่แน่นอนว่าจางเจียิก็ขายสัตว์ได้เงินมาไม่น้อยเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลถึงเื่เสบียงสำหรับฤดูหนาวแล้ว
“พี่สาว รีบตื่นเร็วเข้า หิมะตกแล้ว หิมะตกแล้ว” ฮั่วเสี่ยวเหวินถูกจางไป่ที่กำลังตื่นเต้นกับหิมะเขย่าตัวให้ตื่น จางเจียิซึ่งนอนอยู่เตียงเดียวกันก็พลอยตื่นขึ้นมาด้วย
“หิมะตกแล้วหรือ?” ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนจางไป่ เธอเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านนอกมีเกล็ดหิมะโปรยปราย ดูแล้วช่างงดงามนัก
ฮั่วเสี่ยวเหวินถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ ต้องกลับไปแล้ว”
“สามีดูสิ หิมะตกแล้ว” หลังจากตื่นนอนหลิวเยวี่ยรู้สึกหนาวกว่าปกติ เมื่อหล่อนเปิดประตูออกดู หิมะสีขาวโพลนก็ถูกลมพัดปลิวเข้ามาในห้อง
“หิมะตกแล้ว?” จางต้ากั๋วไม่แปลกใจนัก ถึงเวลาที่หิมะต้องตกแล้ว ดูท่าว่าเขาคงต้องไปเก็บกับดัก และเตรียมลงเขาได้แล้ว
“ฮั่วเสี่ยวเหวิน พวกเราต้องกลับไปแล้ว เมื่อกลับไปพวกเราจะใช้เงินพวกนี้ซื้อเสบียงตุนไว้ รอจนเข้าฤดูใบไม้ผลิ พี่จะเรียนเพาะปลูกกับคุณอาต้ากั๋ว วันหน้าพวกเราจะได้ไม่ต้องอดอยากอีก”
จางเจียิตั้งตารอคอยเล็กน้อย กลับไปครั้งนี้ เขาจะไม่มีทางยอมให้ฮั่วต้าซานพาฮั่วเสี่ยวเหวินกลับไปเด็ดขาด
กำชับง่ายๆ เพียงสองสามประโยค จางต้ากั๋วก็พาจางเจียิขึ้นเขาไป และภายใต้การเกลี้ยกล่อมของจางเจียิ ทำให้ฮั่วเสี่ยวเหวินยอมไม่ตามขึ้นไปด้วย และยอมอยู่ที่บ้านถ้ำเป็เวลาหนึ่งวันแต่โดยดี
ฟ้ายังไม่ทันมืด พวกจางต้ากั๋วก็พากันกลับลงมาแล้ว เมื่อฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นจางเจียิก็อดรู้สึกใไม่ได้ เธอพูดด้วยท่าทางตื่นตูมว่าเหตุใดหน้าพี่เจียิจึงแดงเช่นนี้ เขาเย็นเท้าหรือไม่? ประหนึ่งว่าตัวเองเป็ภรรยาตัวน้อยอย่างไรอย่างนั้น
มื้อเย็นของวันนี้จัดเต็มเป็พิเศษ หลิวเยวี่ยกล่าวว่า “วันสุดท้ายแล้ว กินดีหน่อยไม่ได้หรือ?”
จากนั้นไม่รู้เป็มาอย่างไร ทุกคนถึงได้คุยเื่บ้านถ้ำแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้จางต้ากั๋วมีอารมณ์เล่าถึงประวัติของบ้านถ้ำแล้ว “พวกเธอเคยถามไม่ใช่หรือว่าบ้านถ้ำแห่งนี้เป็มาอย่างไร? วันนี้ฉันจะเล่าให้ฟัง”
หลิวเยวี่ยเท้าแขนกับโต๊ะ มุมปากที่ชอบซุบซิบนินทายกยิ้มขึ้น พร้อมกับพูดเร่งเร้าว่า “เลิกอุบได้แล้ว รีบเล่ามา”
“บ้านถ้ำแห่งนี้อยู่มานานั้แ่สมัยพ่อของฉันแล้ว” จางต้ากั๋วเริ่มเล่าเื่ราวในอดีตอย่างออกรสออกชาติ ทำให้ทุกคนฟังแล้วรู้สึกคล้อยตามไปด้วย
ที่แท้คุณปู่ของจางต้ากั๋วก็เป็เ้าของที่ดินที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน ชีวิตครึ่งแรกสุขสบาย แต่หลังจากสถาปนาประเทศจีน เขาก็ถูกประณาม และถูกส่งไปทำงานล้างห้องน้ำ
คนแก่อายุหกสิบเจ็ดสิบปีไม่มีทางทนงานเหล่านี้ไหว เขาจากโลกนี้ไปภายในเวลาไม่ถึงสองปี แต่ถึงจะเป็อย่างนั้นลูกยังคงต้องชดใช้หนี้แทนพ่อ พ่อของจางต้ากั๋วจึงกลายเป็เป้าถูกประณามแทน
โดยเฉพาะใน่ปี 60 การประณามมีความรุนแรงมาก ไม่รู้เช่นกันว่าพ่อของจางต้ากั๋วไปรู้มาจากที่ใดว่าบนเขามีบ้านถ้ำอยู่หลังหนึ่ง เขาจึงส่งภรรยากับลูกขึ้นมาอาศัยอยู่้านี้
ต่อมาพวกเขาก็ย้ายกลับไป โชคดีที่มีคนในหมู่บ้านรู้จักที่นี่ไม่มากนักจึงไม่มีใครมายุ่งวุ่นวาย จางต้ากั๋วได้เรียนรู้การล่าสัตว์มาจากพ่อ เมื่อขึ้นเขามาล่าสัตว์จึงใช้บ้านถ้ำแห่งนี้เป็ที่ค้างคืนชั่วคราว
“ฉันจะบอกให้นะ แม้ที่นี่จะเก่าไปหน่อย แต่เมื่อใดที่ได้มาอยู่ ฉันจะรู้สึกสบายใจทุกครั้ง” จางต้ากั๋วพูดอย่างภูมิใจ
อาจมีเพียงจางต้ากั๋วคนเดียวที่รู้ว่าเหตุใดตัวเองถึงต้องดีกับเด็กทั้งสองคนขนาดนี้ คงเป็เพราะตอนเด็กเขาเคยโดนคนในหมู่บ้านดูถูกมาก่อน เมื่อเขาเห็นจางเจียิแล้วก็อดนึกถึงตัวเองในวัยเด็กไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนเดินทางลงจากเขา จางต้ากั๋วแบกกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ เหมือนกับอูฐ ส่วนหลิวเยวี่ยเดินถือกระเป๋าใบเล็กแค่หนึ่งใบ และแบกจางไป่ที่ตาโตคิ้วเข้มไว้บนหลัง
“พี่เจียิ ระวังด้วย พื้นมันลื่น” ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินตามหลังจางเจียิ เธอคอยเตือนเขาที่แบกกระเป๋าใบใหญ่เป็ระยะๆ
“ไม่เป็ไร เธออย่าล้มก็พอ” จางเจียิตอบอย่างไม่ใส่ใจ หลิวเยวี่ยพูดหยอกล้ออยู่ด้านข้าง “เด็กสองคนนี้ช่างเหมือนคู่รักกันจริงๆ”
จางเจียิหน้าแดงทันที ไม่รู้เหยียบอะไรเข้า พลันลื่นไถลลงพื้นทันที
“พี่เจียิ เป็อย่างไรบ้าง? าเ็หรือไม่?” ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบวิ่งเข้าไปหา เธอทิ้งกระเป๋าในมือแล้วช่วยปัดหิมะบนตัวของจางเจียิออก พร้อมกับถามด้วยความเป็ห่วงไปด้วย
“ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?” จางต้ากั๋วเดินมาถามเช่นกัน คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเป็ห่วง
“ไม่เป็ไรครับ คุณอาต้ากั๋ว” จางเจียิแบกกระเป๋าที่มีคราบหิมะขึ้นหลังทันที แม้เขาจะเจ็บไปทั้งตัวแต่ก็ไม่ร้องออกมาสักคำ
“เธอช่วยเจียิหน่อยไม่ได้หรือ?” จางต้ากั๋วไม่พอใจหลิวเยวี่ยที่นิ่งเฉย ทว่าอีกฝ่ายฟังสิ่งที่จางต้ากั๋วพูดแล้วกลับไม่สะทกสะท้าน
“ก็ฉันแบกไป่เอ๋อร์อยู่ไม่ใช่หรือ? ถนนเช่นนี้ หากลูกล้มขึ้นมาจะทำอย่างไร?” หลิวเยวี่ยเบ้ปาก ไม่มีท่าทีว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของจางเจียิเลยสักนิด
จางเจียิเป็ใคร จางต้ากั๋วอาจไม่รู้ แต่เธอรู้ เขาคือตัวซวยประจำหมู่บ้าน ผู้ใดเข้าใกล้เขา ผู้นั้นมีอันโชคร้าย
“เห็นหรือไม่? ไอ้หนูบ้านจางยังไม่ตาย ซ้ำยังแบกกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่กลับมาด้วย” เมื่อพวกเขาเดินกลับลงมาถึงที่หมู่บ้าน พวกสตรีที่ชอบนินทาชาวบ้านก็พากันชี้ไม้ชี้มือพลางกระซิบกระซาบกัน
ั้แ่ที่จางเจียิกับฮั่วเสี่ยวเหวิน ‘หายตัวไป’ ก็มีข่าวลือต่างๆ นานาแพร่กระจายไปทั่วในหมู่บ้าน บ้างก็บอกว่าคุณลุงของฮั่วเสี่ยวเหวินส่งคนมารับตัวไปแล้ว บ้างก็บอกว่าทั้งสองไปผูกคอตายทีู่เาหนานซานหลังจากถูกฮั่วต้าซานทุบตีเมื่อวันนั้น พวกเขาลือกันเป็เื่เป็ราว ซึ่งคนในหมู่บ้านย่อมเชื่ออย่างหลังมากกว่า
“อะไรนะ ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่ได้ถูกลุงรับตัวไป แต่กลับมาพร้อมกับเ้าตัวซวยนั่นแล้ว” ยายแก่ฮั่วดีใจเมื่อได้ยินเื่นี้ หน้าตาของนางสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แบบนี้นางจะได้เอาตัวเด็กนั่นไปขาย เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกหลายร้อยหยวน
“ต้าซาน ต้าซาน หยุดงานในมือก่อน แม่มีข่าวดีมาบอก” ยายแก่ฮั่วรีบวิ่งไปหาฮั่วต้าซาน แล้วบอก ‘ข่าวดี’ นี้กับเขา
“จริงหรือ? หล่อนกลับมาแล้ว” ฮั่วต้าซานรู้สึกดีใจเช่นกัน ประหนึ่งว่าลูกสาวของตัวเองกลับมาจริงๆ
แต่ต่อให้เป็ลูกสาวแท้ๆ ก็คงไม่ดีใจขนาดนี้ ฐานะครอบครัวไม่ได้มั่งคั่ง บางครั้งแค่จะกินให้อิ่มยังยาก ตอนนั้นถึงได้เอาฮั่วเสี่ยวเหวินที่หายใจรวยรินไปโยนทิ้งที่สุสานได้โดยไม่รู้สึกเสียใจสักนิด
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็ลูกสาวของเขา ในเมื่อไม่ตาย เช่นนั้นก็สามารถเอาไปขายเป็เงินได้
พวกจางเจียิไม่สนใจเสียงนินทาของผู้คนในหมู่บ้าน พวกเขาแยกกับจางต้ากั๋วแล้วเดินตรงกลับไปยังบ้านของจางเจียิทันที
ภายในบ้านยังคงเหมือนเดิม นอกจากโต๊ะหนึ่งตัวแล้ว จะกล่าวว่าไม่มีอะไรอีกเลยก็ว่าได้ จางเจียิพ่นลมหายใจเบาๆ “ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะได้กลับมาที่นี่อีก”
“อื้ม ฉันคิดว่าพวกเราจะใช้ชีวิตบนูเาตลอดชีวิตเสียอีก” ฮั่วเสี่ยวเหวินพูด
ทั้งสองเริ่มทำความสะอาดห้อง และเก็บเหยื่อที่ยังไม่ได้นำไปขายให้เรียบร้อย
“พรุ่งนี้พวกเรานำเงินไปซื้อเสบียงกันเถอะ เงินเยอะขนาดนี้ จะให้ถูกขโมยไปอีกไม่ได้” จางเจียินำเงินกองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าปรึกษากับฮั่วเสี่ยวเหวิน
ฮั่วเสี่ยวเหวินพยักหน้า ก่อนจะหันไปจัดเตียงนอน