“จี๊ดๆ! จี๊ด!”
ในค่ำคืนที่เงียบสงบพลันบังเกิดเสียงร้องที่แปลกประหลาดดังขึ้นมา ูเาด้านหลังค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวบรรยากาศกำลังคุกรุ่นไปด้วยไฟปรารถนาจนยากจะถอนตัว เย่ชิงหานกำลังเตรียมที่จะหุงข้าวสารให้เป็ข้าวสุก ทันใดนั้นราวกับถูกคนราดด้วยน้ำเย็นั้แ่ศีรษะจรดเท้าลงมา ไฟราคะที่คุกรุ่นอยู่พลันมอดดับลงอย่างทันทีทันใด
“เอ่ออ...” เยว่ชิงเฉิงเองก็ได้สติกลับมา มองค้อนเย่ชิงหานไปครั้งหนึ่ง รีบจัดแต่งเสื้อผ้าร่างกายท่อนบนที่เปิดโล่งอยู่นั้น จากนั้นมองดูเย่ชิงหานอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นรัวมากกว่าเดิม
“เสี่ยวเฮย รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!” เมื่อเห็นว่าเยว่ชิงเฉิงจัดแต่งเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เย่ชิงหานมองดูอย่างเสียดาย ในเวลาเดียวกันก็ร้องะโออกไปอย่างขุนเคืองเพื่อเรียกเสี่ยวเฮยที่กล้ามาทำลาย่เวลาดีงามของตนเองให้ออกมา
“จี๊ดๆ!” เสี่ยวเฮยส่งเสียงตอบรับแล้วะโออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ ดวงตาสีดำแวววาวทั้งสองข้างของมันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองน้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม จากนั้นส่งกระแสเสียงมาหาเย่ชิงหาน “ลูกพี่ ไม่ใช่ข้าอยากจะรบกวนท่าน พวกเย่ชิงอู่อยากพบท่านบอกว่ามีเื่จะพูดคุยด้วย!”
“ฮึ! ยังจะมีเื่อะไรอีก? มีเื่ไหนที่สำคัญกว่า “เื่ของลูกพี่” เ้าอีกรึ?” มองเห็นเสี่ยวเฮยทำหน้าตาน่าสงสาร เย่ชิงหานพูดออกมาอย่างขุ่นเคืองและเสียดาย ทำเอาเยว่ชิงเฉิงที่อยู่ข้างๆ มองกลอกตาขาวอีกครั้ง
“จี๊ดๆ”
เสี่ยวเฮยดวงตากลอกกลิ้งไปมาแล้วก็ะโหายเข้าไปในพุ่มไม้อีกครั้ง เสี่ยวเฮยหลังจากที่ข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอและพลังฝีมือพัฒนาขึ้นมาเป็อย่างมาก มันก็ไม่ค่อยชอบเข้าไปอยู่ในมิติสัตว์อสูรสักเท่าไร ทุกวันๆ ไม่มีอะไรทำมันก็จะออกวิ่งเล่นไปรอบๆ บริเวณค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว ระยะนี้สถานการณ์สงบปลอดภัยและยอดฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบทั่วๆ ไปไม่สามารถที่จะทำอะไรมันได้ เย่ชิงหานจึงวางใจปล่อยให้มันออกไปเล่นตามที่้า
“หาน ไปกันเถอะ! เดี๋ยวให้ทุกคนคอยนานจะไม่ดี!” หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่งอารมณ์ของเยว่ชิงเฉิงจึงกลับคืนสู่ปกติ เพียงแต่ดวงตาที่พราวไปด้วยเสน่ห์ของนางยังคงน่าลุ่มหลงอยู่เช่นเดิม
“แหะๆ!” เย่ชิงหานเกาหัวแกรกๆ หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นโอบเอวของเยว่ชิงเฉิงแล้วทะยานออกไป
.................................
บริเวณไหล่เขา ภายในห้องประชุมค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว หลงไซ้หนานและเหล่าผู้นำตระกูลต่างๆ ล้วนนั่งรอกันอยู่บนตำแหน่งที่นั่งเป็ที่เรียบร้อย มองเห็นเย่ชิงหานและเยว่ชิงเฉิงเดินจับมือกันเข้ามาจึงต่างอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเบาๆ กันออกมา
หลายวันมานี้เย่ชิงหานและเยว่ชิงเฉิงไปไหนมาไหนและเข้าออกที่พักพร้อมกันพวกเขาล้วนมองเห็นด้วยกันทั้งหมด แน่นอนว่าทุกคนนั้นอิจฉาแต่ว่าไม่มีใครคิดที่จะริษยาหรือขุ่นเคืองใดๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเย่ชิงหานตอนนี้เป็ผู้นำคนสำคัญของเขตปกครองเทพา เอาแค่ที่นั่งกันอยู่ภายในห้องนี้ล้วนถูกเขาช่วยชีวิตไว้แทบทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ชิงหานและเยว่ชิงเฉิงถูกกำหนดให้เป็คู่กันไว้แล้วั้แ่ตอนที่อยู่ตระกูลเยว่ วีรบุรุษคู่สาวงามก็สมเหตุสมผลดี เพียงแต่เห็นว่าเย่ชิงหานอายุยังน้อยพวกเขาเลยหยอกล้อเล่นบ้างก็เท่านั้นเอง
สำหรับเสียงหยอกล้อของทุกคนเย่ชิงหานไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด เดินตรงไปนั่งลงยังตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ส่วนเยว่ชิงเฉิงเดินตรงไปนั่งลงข้างๆ หลงไซ้หนาน เย่ชิงหานจิบชาไปคำหนึ่งก่อนจะหันไปทางหลงไซ้หนานแล้วเอ่ยถามขึ้น
“วันนี้ทุกคนมารวมตัวประชุมกันอีกครั้ง หรือว่ามีสถานการณ์พิเศษอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ?”
“เอ่ออ...” หลงไซ้หนานคิ้วขมวดขึ้นในทันที สีหน้าอาการมองมาที่เย่ชิงหานอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
“นายน้อยหาน เ้าชมดอกไม้ใต้แสงจันทร์ทุกๆ วันจนลืมแม้กระทั่งวันเวลาแล้วไปสินะ...” เฟิงจื่อหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ยักคิ้วหลิ่วตาพูดขึ้นต่อ “พรุ่งนี้ก็คือวันที่พวกเราจะอยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดเป็เดือนสุดท้ายแล้ว!”
“หืม?” เย่ชิงหานคิ้วกระตุกขึ้นมองดูใบหน้าที่กำลังหัวเราะของทุกคนอดไม่ได้จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “อืม แล้วทำไมเล่า?”
“ฮ่าๆ...” ในที่สุดทุกคนอดทนต่อไปไม่ไหวจึงต่างปล่อยเสียงหัวเราะกันออกมา
“พรุ่งนี้ก็คือวันศึกใหญ่ต่อสู้ตัดสินสุดท้ายแล้ว นักรบระดับธรรมดาทั่วไปทั้งหมดจะถูกส่งขึ้นมาบนเกาะแห่งความมืดมิดนี้” เย่สือซานเองก็อดไม่ได้จึงแอบยิ้มออกมา ก้มหน้าลงแล้วส่งกระแสเสียงมาหาเขา
“เอ่ออ...” เย่ชิงหานตะลึงอยู่ชั่วครู่ ภายในใจแอบคิดว่าครั้งนี้ตนเองปล่อยไก่เสียแล้วลืมเื่เช่นนี้ไปได้อย่างไร ดูท่าคำกล่าวที่ว่าสภาพแวดล้อมที่สุขสบายจะทำให้วีรบุรุษอ่อนแอนั้นคงเป็ความจริง แน่นอนว่าใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าอาการใดๆ ออกมาให้เห็น เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดออกไป
“พวกเ้าพูดว่าพรุ่งนี้เป็วันศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายสินะ มันก็แค่เื่ใหญ่หน่อยหนึ่งที่ไม่เห็นจะมีอะไร ควรค่าแก่การที่ต้องให้ความสนใจขนาดนี้เชียวรึ?”
“เอ่ออ...”
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็ทุกคนที่ตะลึงขึ้นมาแทน ต่างพากันคิดอยู่ภายในใจ สำหรับเ้าแล้วย่อมไม่ใช่เื่ใหญ่สำคัญอะไร ศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายถือว่าเป็่ที่สำคัญที่สุดของงานประลองทุกๆ ครั้ง เขตปกครองทั้งสามแต่ละเขตปกครองมีทหารนักรบระดับธรรมดาทั่วไปที่ไม่ใช่ระดับหัวกะทิอยู่กันเขตปกครองละเก้าหมื่นคน รวมแล้วทั้งสองแสนเจ็ดหมื่นคนสู้รบตะลุมบอนกันบนทุ่งหญ้าสีเืเพื่อแย่งชิงฐานที่มั่นเทพแห่งความตายและฐานที่มั่นเทพแห่งิญญา สุดท้ายเขตปกครองที่ยึดฐานที่มั่นเทพแห่งความตายได้จะเป็ฝ่ายชนะ จะได้รับตำแหน่งชื่อเสียงให้เป็เขตปกครองระดับสูง มีอภิสิทธิ์ได้รับทรัพย์สมบัติและของล้ำค่าต่างๆ ที่เป็เครื่องบรรณาการจากเขตปกครองระดับต่ำทุกๆ ปี ส่วนเขตปกครองที่แย่งชิงฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาได้จะได้รับตำแหน่งชื่อเสียงเป็เขตปกครองระดับกลาง ไม่ต้องส่งเครื่องบรรณาการและไม่สามารถรับเครื่องบรรณาการได้
กฎกติกานี้นครแห่งเทพเป็ผู้ตั้งขึ้นมา และแน่นอนว่าทั้งสามเขตปกครองเห็นด้วยกับกฎกติกาของเกมนี้ รวมถึงการนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังหลังการแข่งขันสิ้นสุดลงด้วย หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกอีกสองเขตปกครองและนครแห่งเทพร่วมกันบุกโจมตี ดังนั้นศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายจึงสำคัญเป็อย่างมาก การสู้รบฆ่าฟันจึงดุเดือดเืพล่านเป็อย่างยิ่ง งานประลองทุกครั้งที่ผ่านมาทั้งสามเขตปกครองเพื่อที่จะยึดครองฐานที่มั่นเทพแห่งความตายแล้ว ต่างสู้รบกันจนซากศพกองพะเนินเป็ูเาเกลื่อนกลาดไปทั่ว โลหิตไหลนองดั่งสายน้ำไหล
“เอ่อคือ...นายน้อยหาน!” หลงไซ้หนานกระแอมออกมาเบาๆ มองกลอกตาขาวใส่เย่ชิงหานไปครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่องอาจห้าวหาญของนางปรากฏแววงดงามของอิสตรีขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น “ศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ปกติแล้วนักรบระดับหัวกะทิที่ถูกส่งขึ้นมายังเกาะแห่งความมืดมิดก่อนหน้าล้วนไม่เข้าร่วมศึก ดังนั้น...”
“หืม? ยังมีเื่เช่นนี้ด้วยรึ?” เย่ชิงหานเอานิ้วถูจมูกพลางหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา สำหรับเื่พวกนี้เขาเรียกได้ว่าโง่ชนิดไม่รู้อะไรเลยและไม่เคยมีใครบอกกับเขาด้วย หลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพักจึงพูดขึ้น “ถ้าหากมีนักรบระดับหัวกะทิของเขตปกครองใดเขตปกครองหนึ่งเข้าร่วมสู้ศึกด้วยล่ะ เขตปกครองอื่นๆ จะทำอย่างไร?”
“เมื่อก่อนถ้าพบว่าเขตปกครองใดมีนักรบระดับหัวกะทิเข้าร่วมด้วย นักรบระดับหัวกะทิของอีกสองเขตปกครองที่เหลือก็จะเข้าร่วมด้วยทันที และร่วมมือกันรุมโจมตีเขตปกครองที่เริ่มก่อน” หลงไซ้หนานพูดอธิบายให้เย่ชิงหานฟังอย่างไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด
“อืม...ร่วมมือกัน เพียงเท่านี้เองรึ? เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนก็ไม่ใช่ว่าร่วมมือกันแล้วรึ? พวกเรายังจะกลัวอะไรอีก แย่งชิงฐานที่มั่นเทพแห่งความตายโดยตรงไปเลย ดูสิว่าพวกมันใครกล้าบุกมาโจมตี?” เย่ชิงหานพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ ธรรมเนียมปฏิบัติครั้งก่อนๆ สำหรับเขาตอนนี้ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“เป็ความคิดที่ดี! เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนถูกสังหารกลัวจนขี้ขึ้นหัวกันหมดแล้ว นายน้อยหานออกไปยืนอยู่ที่นั่นใครจะกล้าเอาชีวิตมาทิ้ง?” เฟิงจื่อลุกขึ้นเอามือตบหน้าผากแสดงสีหน้าอาการของคนที่เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาในทันที
“อืม...”
ทุกคนดวงตาเป็ประกายต่างกำลังครุ่นคิดถึงความเป็ไปได้ของข้อเสนอที่ได้ยิน นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ยอดเขาขาด ตอนที่เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมองเย่ชิงหานด้วยความหวาดกลัวราวกับเห็นผี ทุกคนต่างเริ่มรู้สึกว่าข้อเสนอนี้น่าจะนำไปใช้ได้จริง!
“ไม่!” เย่ชิงหานราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ลุกขึ้นยืนหัวเราะแหะๆ ออกมาแล้วพูดขึ้น “ไม่ แรกเริ่มพวกเราไม่แย่งฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย แต่แย่งฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาก่อน ให้เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนไปแย่งฐานที่มั่นเทพแห่งความตายกันก่อน จากนั้นสุดท้ายพวกเราค่อยแทงพวกมันจากข้างหลัง! แหะๆ”
มองดูรอยยิ้มที่แฝงแววชั่วร้ายของเย่ชิงหาน ทุกคนพลันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาบริเวณกลางแผ่นหลังทันที ไม่คิดว่าเย่ชิงหานเวลาปกติที่ดูสุภาพอ่อนโยนจะหน้าซื่อใจเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้! ส่วนเย่สือซานและพวกเย่ชิงอู่กระตุกจมูกเล็กน้อยอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะเย่ชิงหานอยู่ที่ตระกูลเย่มีฉายาว่า...าาแห่งการลอบกัดอยู่แล้ว
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เอาตามที่นายน้อยหานว่า พรุ่งนี้พอทัพใหญ่มาถึงพวกเราสั่งให้มุ่งตรงเข้าไปทุ่งหญ้าสีเืโดยตรง เข้าไปยึดฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาก่อน อย่างน้อยก็มีตำแหน่งชื่อเสียงเขตปกครองระดับกลางไว้ในมือ...” หลงไซ้หนานพยักหน้าเห็นชอบด้วย จากนั้นเริ่มกล่าวสรุปครั้งสุดท้ายออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้