ั้แ่ที่ซีโหลวรั่วเมิ่งแต่งเข้าตระกูลจั๋ว นางก็เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บถ่อมเนื้อถ่อมตัวมาตลอด แทบจะไร้ตัวตน แต่วันนี้ซีโหลวรั่วเมิ่งปรากฏตัวที่นี่ เหมือนกลายเป็คนละคน ทำให้คนตระกูลจั๋วรู้สึกรับมือไม่ทัน
เมื่อเทียบกับพวกจั๋วอวี้หวั่นที่ตกตะลึง จั๋วอวิ๋นเซียนเหมือนไม่ได้ประหลาดใจเท่าใดนัก เพียงแค่มองการแสดงอันอวดดีของซีโหลวรั่วเมิ่งเงียบๆ ถึงแม้เขาไม่อยากใช้ความคิดลบไปตัดสินคนข้างกาย แต่เขาสงสัยเจตนาของตระกูลซีโหลวมาตลอดอยู่แล้ว
มิตรภาพระหว่างตระกูลเบาบางราวกับกระดาษ ทุกคนล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่เคยเชื่อว่าผู้นำตระกูลอย่างซีโหลวเหวินอวี่จะไม่สนใจความสุขและอนาคตของบุตรสาวตัวเอง เพื่อมิตรภาพและผลประโยชน์อันน้อยนิดของคนรุ่นบิดา ถึงขั้นให้บุตรสาวมาแต่งงานกับคนธรรมดาไร้พร์
สำหรับคำสั่งบิดามารดา หมั้นหมายตามคำมั่นสัญญา ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่!
สีเฟยเยียนมาหาเื่จั๋วอวิ๋นเซียนครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพื่อซีโหลวรั่วเมิ่ง...แสดงว่าซีโหลวรั่วเมิ่งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลสี สีเฟยเยียนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ถ้าซีโหลวรั่วเมิ่งไปขอร้องตระกูลสีจริงๆ ต่อให้เป็ซีโหลวเหวินอวี่ก็มิอาจบังคับให้บุตรสาวแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบได้ นอกจากเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็คงมีแต่แผนการชั่วร้าย
“นี่...เ้า...”
จั๋วอวี้หวั่นโมโหจนตัวสั่น นางชี้ไปที่ซีโหลวรั่วเมิ่งพลางก่นด่าว่า “คนสาระเลวเนรคุณ เลี้ยงเสียข้าวสุก! ั้แ่เ้าเข้ามาตระกูลจั๋วของข้า ท่านพ่อไม่เคยเอาเปรียบเ้า เวลาเ้าบำเพ็ญเซียน ถึงกับมอบทรัพยากรให้จำนวนมาก ทำให้ผู้คนในตระกูลต่างไม่พอใจ...แต่เ้าไม่รู้จักบุญคุณ ถึงกับสมคบคิดกับคนนอกทำร้ายตระกูลจั๋ว!”
ในที่สุดจั๋วอวี้หวั่นก็เข้าใจแล้ว เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซีโหลวรั่วเมิ่งกับตระกูลซีโหลวแน่ๆ!
“สมคบคิดหรือ? พี่หญิงอวี้หวั่นอย่าใส่ร้ายน้องสาวสิ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
ซีโหลวรั่วเมิ่งไม่ได้สนใจจั๋วอวี้หวั่นและเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
“ถุ้ย!” สายตาจั๋วอวี้หวั่นมีแต่ความรังเกียจ “ใครเป็พี่สาวเ้ากัน หยุดพูดให้ข้ารู้สึกขยะแขยงเสียที!”
“ขยะแขยงหรือ? เ้ารู้หรือว่าขยะแขยงมันเป็อย่างไร?”
ซีโหลวรั่วเมิ่งเอามือทาบอก นางกล่าวด้วยอารมณ์แปรปรวน “น้องชายของเ้าจั๋วอวิ๋นเซียนต่างหากทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง? ข้ากับเขาอยู่คนละโลกกัน...ไม่สิ เขาไม่ใช่คนด้วยซ้ำ เป็แค่สัตว์เดรัจฉานราวกับวัวกับม้า...เ้าให้คนคนหนึ่งอยู่กับสัตว์เดรัจฉาน จะไม่ให้รู้สึกขยะแขยงได้อย่างไร?”
“……”
ผู้คนรอบด้านเงียบกริบ แม้แต่คนนอกอย่างเหลียนเว่ยฉีก็ยังรู้สึกใมาก!
ยากจะจินตนาการได้ว่าคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ ออกมาจากปากของเด็กสาวที่อ่อนโยนคนหนึ่ง
มีคนไม่น้อยที่มองไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน อยากจะเห็นปฏิกิริยาของเขา...ทว่าจั๋วอวิ๋นเซียนสีหน้าสงบนิ่ง สงบนิ่งจนทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น
“หุบปากเสีย! เ้า...เ้า...ข้าจะตีคนสาระเลวชั่วร้ายอย่างเ้าให้ตาย”
ในที่สุดจั๋วอวี้หวั่นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางชักกระบี่พุ่งไปทางซีโหลวรั่วเมิ่ง!
ถ้าอีกฝ่ายสาปแช่งนางดูถูกนาง นางอาจจะไม่สนใจ แต่จั๋วอวิ๋นเซียนคือน้องชายที่นางรักมากที่สุด นางเคยรับปากมารดาที่ตายไปว่าจะดูแลน้องชายให้ดี ไม่ให้น้องชายถูกรังแก
“ฟิ้วๆ!”
พลังเหมันต์แหลมเล็กราวกับเข็ม หิมะน้ำแข็งกระจายออกมาตามสายลม
ขณะที่จั๋วอวี้หวั่นกำลังจะแทงซีโหลวรั่วเมิ่ง ก็มีเงาหนึ่งปรากฏตัวกะทันหัน คนผู้นั้นยกมือขึ้นโจมตีไปที่จุดตายของจั๋วอวี้หวั่น
“ตูม!”
คลื่นพลังะเิกระจายและสะท้อนขึ้นบนท้องฟ้า
จั๋วอวี้หวั่นชักกระบี่กลับมา นางหลบการลอบโจมตีของศัตรูได้อย่างหวุดหวิด...แต่การหยุดกระบวนท่ากลางคัน ทำให้พลังของนางปั่นป่วน
“เหอะเหอะ พี่หญิงอวี้หวั่นดุดันเพียงนี้ เกือบทำให้น้องใแล้ว”
ซีโหลวรั่วเมิ่งหัวเราะอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงด้วยความเยาะเย้ย และสะใจ เหมือนทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือหมดแล้ว
“ปล่อยให้คุณหนูใแล้ว”
มีเงาหญิงชราผมขาวคนหนึ่งปรากฏตัวข้างกายซีโหลวรั่วเมิ่ง นางหลังค่อมและถือไข่มุกสายฟ้าเอาไว้ในมือ สายตาที่ดุร้ายแฝงไปด้วยความอันตราย
“เ้าเป็ใคร?”
จั๋วอวี้หวั่นไม่ได้สนใจคำเยาะเย้ยของซีโหลวรั่วเมิ่ง เพียงแค่จับจ้องหญิงชราอย่างเ็า รู้สึกได้ถึงอันตรายเล็กน้อย...การปะทะของพวกนางสองคนก่อนหน้านี้ พลังของจั๋วอวี้หวั่นถึงกับถูกกดดันอย่างสิ้นเชิง แสดงว่าพลังของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องเป็ผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลัง
“ข้าคือป้าเหลยหลิง เป็ผู้ดูแลของตระกูลซีโหลว”
สายฟ้าในมือของหญิงชราสว่างวาบ เงาตั๊กแตนสายฟ้าปรากฏด้านหลังของนาง มันก็คือิญญาเซียนระดับขุนพล พลังของมันอยู่เหนือกระเรียนเหมันต์
“ลุงเยี่ยน ช่วยข้าดูแลน้องชายด้วย!”
จั๋วอวี้หวั่นกล่าวฝากฝังอย่างจริงจังแล้วจึงร่ายรำกระบี่รุกหน้าโจมตี
ตั๊กแตนสายฟ้าะเิพลังออกมาอย่างรุนแรง!
กระเรียนเหมันต์พุ่งตัวราวกับเข็ม ทั้งแหลมคมและอันตราย!
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้จนยากจะตัดสิน สถานการณ์เคร่งเครียดเป็อย่างมาก
……
“วิชาลูกศรเหมันต์!”
จั๋วอวี้หวั่นรวบรวมพลังิญญาเอาไว้ที่มือซ้ายจนกลายเป็ลูกศรเหมันต์ความยาวเก้าชุน จากนั้นยิงไปทางป้าเหลยหลิง!
“เกราะอัสนี!”
ป้าเหลยหลิงก็ไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอ สายฟ้าในมือขวาเปล่งแสงสว่างก่อเกิดเป็เกราะอัสนีปัดป้องลูกศรเหมันต์เอาไว้ได้
และในเวลาเดียวกันนี้จั๋วอวี้หวั่นรวมพลังิญญาอีกครั้ง แสดงวิทยายุทธ์สี่ชนิดซัดไปทางป้าเหลยหลิง!
“วิชามีดเหมันต์!”
“วิชาวังวนเหมันต์!”
“วิชาอสรพิษเหมันต์!”
“วิชาเหมันต์เยือกแข็ง!”
“ตูม ตูม ตูม...”
เหมันต์เยือกแข็งะเิะเืทั่วฟ้าดิน
ป้าเหลยหลิงถือไข่มุกสายฟ้ายืนนิ่งไม่ขยับ!
จากนั้นเหมันต์ทั่วท้องฟ้าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังสายฟ้าก็สลายกลายเป็หมอก
……
“เอ๊ะ? คุณหนูใหญ่ตระกูลจั๋วถึงกับหลอมจิตห้ารอบแล้ว มีพร์ระดับสูง แต่น่าเสียดายที่เกิดในตระกูลจั๋วนางถูกกำหนดให้เป็คนธรรมดา”
บนหลังคาเหลียนเว่ยฉีมองการต่อสู้ด้านล่างด้วยความสนใจและเอ่ยคำวิจารณ์เป็บางครั้ง ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าใครชนะใครแพ้
ในเวลานี้มีองครักษ์เกราะทมิฬคนหนึ่งเดินมาด้านหลังเหลียนเว่ยฉี เขาโค้งคำนับพร้อมถามว่า “ใต้เท้า พวกเขาต่อสู้กันเช่นนี้จะดีหรือ? พวกเราต้องหยุดหรือไม่?”
“หยุดหรือ? หยุดทำไมกัน?”
เหลียนเว่ยฉีหัวเราะอย่างเรียบเฉย เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “นี่เป็เื่ของคนในตระกูล คนนอกอย่างพวกเรามิอาจแทรกแซงได้!”
องครักษ์เกราะทมิฬกล่าวอย่างลังเล “แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกเราคุ้มกันซีโหลวรั่วเมิ่งให้ดี”
“ซีโหลวรั่วเมิ่งตกอยู่ในอันตรายหรืออย่างไร?”
เหลียนเว่ยฉีกล่าวอย่างดูแคลน “ขอแค่ซีโหลวรั่วเมิ่งไม่ตาย ใครจะสนว่าพวกเขาก่อเื่อันใด...ภารกิจของพวกเราก็คือเฝ้าที่นี่เอาไว้ให้ดี สำหรับเื่อื่นๆ นั้น ให้คนอื่นไปจัดการ”
“ใต้เท้ามองการณ์ไกลยิ่งนัก”
องครักษ์เกราะทมิฬคำนับ จากนั้นถอยออกไป
……
“ตูม!”
เกิดเสียงดังะเืแก้วหู
พวกเขาเห็นป้าเหลยหลิงโยนไข่มุกสายฟ้าขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นสายฟ้าผ่าลงมาที่จั๋วอวี้หวั่นราวกับเป็ใบมีดนับพันนับหมื่น ฉีกเฉือนร่างของนาง
“คุณหนูใหญ่!”
ลุงเยี่ยนจิตใจหนักอึ้งเผยสีหน้ากังวลออกมา
และในเวลานี้เองเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น...
“วิ๊ด!”
เสียงกู่ร้องก้องยาว กระเรียนเหมันต์สยายปีกปกป้องจั๋วอวี้หวั่นเอาไว้!
มันเงยหน้าอย่างหยิ่งทะนง ปล่อยให้สายฟ้าผ่าลงมาโดยไม่ก้มหมอบ!
สิ่งใดที่ทำให้เ้าไม่ยินยอม?
สิ่งใดที่ทำให้เ้ายืนหยัด?
จั๋วอวี้หวั่นถือกระบี่ยืนขึ้น มองบนฟ้าด้วยสายตายึดมั่น ปณิธานบริสุทธิ์พุ่งทะยานออกมา ราวกับเป็อัญมณีที่บริสุทธิ์ที่สุดในดินแดนหิมะอันหนาวเหน็บ ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับิญญาเซียน
เพียงชั่วพริบตาใต้เท้าของกระเรียนเหมันต์ที่เดิมทีเป็แสงสีเขียว กลับมีแสงสีฟ้าส่องแสงออกมา
กระเรียนเหมันต์นิพพาน ิญญาเซียนเกิดการวิวัฒนาการ!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ผู้คนรอบด้านล้วนตกตะลึง!
ไม่มีใครคาดคิดว่าจั๋วอวี้หวั่นจะใช้พลังสายฟ้าทำให้ิญญาเซียนวิวัฒนาการภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้!
