เพราะว่าการตายของหลี๋หยู่เสวียน ชั้นเรียนจึงได้หยุดเรียนตลอดทั้งบ่าย คุณครูก็ยุ่งอยู่กับการประสานกับผู้ปกครอง มีการเล่าต่อกันตลอดทางเดินอย่างต่อเนื่อง มีเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บของผู้ปกครองของหลี๋หยู๋เสวียน
ตำรวจก็เรียกคนมาสอบถามอย่างต่อเนื่อง พวกเราทุกคนล้วนนั่งอยู่ในห้องเรียน ต่างก็ถูกตำรวจเรียกไป หลังจากนั้นก็กลับมาอีกคน พวกเราคล้ายกับว่าเป็นักโทษปะาที่รอความตาย ทุกนาทีและทุกวินาทียากที่จะทนไหวเป็อย่างยิ่ง
ไม่นานก็ถึงคิวฉัน ในห้องทำงานที่ว่างเปล่า ตำรวจ 2 นายนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ตำรวจร่างผอมนายหนึ่งกำลังสูบบุหรี่ ตำรวจอีกนายที่อ้วนท้วมสอบถามฉันที่อยู่ตรงหน้าว่า “ไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว เข้าประเด็นเลยแล้วกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับหลี๋หยู่เสวียนเป็อย่างไรบ้าง”
“ไม่ได้เป็อะไร ก็แค่เพื่อนร่วมห้องธรรมดา” ฉันพูดอย่างระมัดระวัง
“่สองสามวันมานี้ผู้ตายได้แสดงอาการที่ผิดปกติอะไรไหม? เช่นเกิดการโต้แย้ง ผูกพยาบาท หรือว่ามีความรู้สึกผิดหวังกับใครบางคน” ตำรวจถาม
“สิ่งเหล่าฉันก็ไม่ชัดเจน ฉันไม่ได้สนิทกับหลี๋หยู่เสวียน” ฉันส่ายหน้าพลางพูด หลี๋หยู่เสวียนเป็ดาวของชั้น ฉันกับเธออยู่กันคนละโลกเลย ปกติก็จะไม่พูดคุยกัน
“ถ้าเช่นนั้น่นี้ เธอเคยได้ยินว่าเขาอยากจะฆ่าตัวตายบ้างไหม?”
“ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นเธอรู้สึกว่าการฆ่าตัวตายของเขามีความแปลกประหลาดอะไรไหม”
“ไม่มีอะไร”
ตำรวจที่อ้วนท้วมถามคำถามฉันต่อเนื่อง 2-3 คำถาม ฉันก็ตอบตามความเป็จริง
“่นี้ชั้นเรียนของพวกเธอไม่ได้เกิดเื่ประหลาดอะไรเลยเหรอ” ทันใดนั้นตำรวจที่อ้วนท้วมนายนี้ก็ถามขึ้น ฉันชายตามองข้างๆ ปราดเดียวเขาได้สูบบุหรี่หมดไปแล้ว 1 มวนซึ่งเร็วมาก และกำลังจะสูบมวนที่ 2 หลังจากนั้นก็รีบตอบไปว่า “เื่ประหลาดอะไรไม่มีทั้งนั้น”
“โอ้ เป็อย่างนี้เหรอ งั้นเธอก็ออกไปก่อน” ตำรวจที่อ้วนท้วมพูดอย่างผิดหวัง ฉันพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป หลังจากที่ประตูห้องทำงานปิดลง แค่ครู่เดียวฉันก็เหงื่อตกแล้ว
กลับมาที่ห้องเรียน ห้องเรียนได้เงียบสงัด เพื่อนทุกคนล้วนเงียบกริบ และอยู่ในอาการกลัว มีเสียงร้องไห้ของนักเรียนหญิงออกมาอยู่เรื่อยๆ
“ทุกคนเงียบก่อน” กวานเหยาขึ้นไปบนแทนพูดหน้าชั้นเรียน
“ตอนนี้พวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่า ชั้นเรียนของพวกเราต้องคำสาปแล้ว” กวานเหยาแบมือออกพลางพูด หลังจากนั้นั์ตาที่งดงามคู่นั้นได้มองมาที่พวกเรา “ดังนั้นพวกเราจะต้องสามัคคีกันเพื่อหาทางแก้ไข มิฉะนั้นคนที่จะต้องตายเป็รายต่อไปอาจจะเป็พวกเราคนใดคนหนึ่ง”
หวางอู่ที่อยู่ด้านล่างอาละวาดขึ้นมาว่า “เธอพูดอะไรไร้สาระอย่างนี้ พูดถึงวิธีการแก้ไขโดยตรงไปเลยก็ไม่ใช่ว่าดีกว่าเหรอ”
“จริงๆ แล้วฉันก็ไม่มีวิธีการที่ดีอะไร” กวานเหยาเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดว่า “งั้นก็ออกจากกลุ่ม”
พอเธอพูดขึ้น ก็ทำให้เพื่อนๆ ตาลุกเป็ประกาย ไม่เลวเลย เพราะคำสาปเริ่มต้นมาจากแบบสอบถามในกลุ่ม ถ้าออกจากกลุ่ม ไม่แน่ว่าทุกอย่างอาจจะสิ้นสุดลง
แต่ทว่าประโยคต่อมาของกวานเหยา ทำให้ทุกคนต้องยกเลิกความคิดที่จะออกจากกลุ่ม
“แน่นอนว่าไม่รู้ว่าหลังจากออกจากกลุ่มแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่กล้าลอง เพื่อนคนไหนยินยอมที่จะลองดูบ้าง?” กวานเหยามองไปรอบๆ สีหน้าของเพื่อนทุกคนค่อยๆ เปลี่ยนไป ต่างคนต่างก็เงียบกริบไม่ส่งเสียง
ใครจะรู้ว่าหลังจากออกจากกลุ่มแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากตายขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ไม่มีใครจะโง่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้ร่างของหลี๋หยู่เสวียนยังอยู่ด้านล่างตึก ซึ่งก็ไม่มีใครอยากที่จะเป็รายต่อไป
หวางอู่ได้ยินแบบนี้แล้ว สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยน ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก เดินออกมาจากที่นั่ง หลังจากนั้นก็เดินไปที่หลังห้องเรียน ในทุกห้องเรียน ที่นั่งที่อยู่หลังห้องเรียนล้วนเอาไว้ให้ของนักเรียนที่เรียนไม่เก่งโดยที่ไม่ถามแม้แต่น้อย ฉันก็เป็หนึ่งในนั้น
มองดูหวางอู่เดินมาข้างหลัง ฉันรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร รีบก้มหัวลง แต่ทว่าโชคดียิ่งคือ หวางอู่ไม่ได้สนใจฉัน แต่เดินไปที่ด้านหน้าของเพื่อนคนที่ผอมและอ่อนแอ
คนนี้ก็คือจ้าวิิ ในชั้นเรียนเขาคือคนที่มักจะถูกแกล้งคนหนึ่ง รูปร่างผอมและอ่อนแอ หน้าตาไม่น่าดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดาเสียแล้ว มารดายังเป็ชาวนา จากม.4 ถึงม.5 เขาถูกแกล้งมาไม่น้อย
จริงๆ แล้วหลังจากที่หวางอู่เดินไปหาจ้าวิิแล้วก็พูดกับเขา จ้าวิิส่ายหน้าตาม หวางอู่เดือดเป็ฟืนเป็ไฟ และได้ตบเข้าที่หน้าของจ้าวิิโหดร้าย
“แม่งเอ้ย ก็แค่ให้แกออกจากกลุ่มเองไม่ใช่เหรอ? มันจะอะไรกันเชียว”
“เห้อ คิดไม่ถึงว่าแกจะต่อต้านฉันแล้ว ฉันว่าแกอยากจะหาที่ตายแล้ว” หวางอู่หัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูด หลังจากนั้นก็ตบจ้าวิิอีกสองสามที พร้อมด้วยเสียงตบเผียะ แค่ครู่เดียวใบหน้าของจ้าวิิก็บวมขึ้นมาแล้ว แต่เขายังคงก้มหน้าและไม่ส่งเสียง กอดโทรศัพท์มือถือไว้อย่างแ่า
หวางอู่ก็เตะเขาต่ออีกสองสามที ยกเขาเข้าไปในมุม และก็กลับมาที่นั่งด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง
กวานเหยาขมวดคิ้วมองหวางอู่แวบหนึ่ง กลับไม่พูดอะไร จริงๆ เธอก็ทำอะไรหวางอู่ไม่ได้ เธอพูดต่อว่า “นอกจากวิธีนี้แล้ว ฉันก็คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว พวกเราทำได้แค่ต้องโหวตแบบสอบถามต่อไป ทุกคนคิดว่าพวกเราควรเลือกข้อไหน?”
“ยังต้องคิดอะไรอีก? แน่นอนว่าต้องเลือกเซียวหนาน หรือว่าจะเลือกเฟิ๋งเฉินเฉินให้เธอฆ่าตัวตายเหรอ?” ฉีเจียเว่ยรีบพูด คำพูดของเขาทำให้คนที่รายล้อมอยู่ดวงตาลุกเป็ประกาย
แน่นอน รายการที่ต้องเลือกตอนนี้จะต้องเลือกเซียวหนานเพราะไม่มีความกดดัน หากเลือกเฟิ๋งเฉินเฉิน ก็เท่ากับให้เธอฆ่าตัวตายต่อหน้าพวกเรา
“ใช่ ทำได้แค่เลือกเซียวหนาน” นักเรียนชายที่อยู่ข้างๆ พูด
เซียวหนานฟังเช่นนี้แล้ว ก็พูดอย่างลังเลว่า “แต่ว่าฉันเต้นรำไม่เป็อ่ะ”
“งั้นเธอจะให้ฉันตายเหรอ” เฟิ๋งเฉินเฉินยืนขึ้นด้วยความโกรธพลางพูด เธอคือสาวห้าวในชั้นเรียนของพวกเรา ปกติจะมั่วอยู่กับนักเรียนชาย ในขณะเดียวกันยังรู้จักกับอันธพาลที่อยู่ข้างนอกอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็อันธพาลคนหนึ่งในกลุ่มผู้หญิง
“ไม่ใช่อย่างนี้ ก็แค่ฉัน” เซียวหนานพูดด้วยความขี้ขลาดตาขาว
“ยังพูดว่าไม่ใช่ ฉันว่าแกอยากโดนต่อยเสียแล้ว” เฟิ๋งเฉินเฉินจะกระโจนเข้ามาตบเซียวหนานด้วยท่าทางที่ดุดัน แต่ถูกนักเรียนที่อยู่ข้างๆ ดึงไว้
“ถ้าไม่มีวิธีอื่น ก็คงต้องเป็ไปตามนี้แล้ว” กวานเหยาเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูด เดิมทีเธอก็ไม่อยากให้เลือกเซียวหนาน แต่อีกตัวเลือกหนึ่งก็โหดร้ายเสียจริง เธอไร้ซึ่งความกล้าที่จะปริปากพูด
“ทุกคนยังรออะไร รีบโหวตกันสิ หรือว่าทุกคนอยากให้ฉันตายเหรอ?” เฟิ๋งเฉินเฉินะโ ในชั้นเรียนเธอเป็ที่นิยมมาก เธอเข้ากับผู้ชายจำนวนไม่น้อยได้เป็อย่างดี ดังนั้นเพื่อนที่รายล้อมก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง ทั้งหมดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมเริ่มโหวต
พร้อมกับเริ่มโหวตในกลุ่ม ในที่สุดเซียวหนานก็ชนะผลโหวต ทั้งชั้นเรียนจนถึงปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมด 52 คน แต่เซียวได้รับการโหวตทั้งหมด 34 เสียง นอกจากนักเรียนบางส่วนที่ไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือแล้ว คนอื่นๆ ทั้งหมดก็ล้วนโหวตกันแล้ว
เดิมทีการโหวตของกลุ่มยังเหลืออีก 4 ชั่วโมงถึงจะสิ้นสุดลง แต่หลังจากการโหวตของ 34 เสียงแล้ว การโหวตก็เริ่มสิ้นสุดลงทันที ซึ่งทำให้เพื่อนที่รายล้อมอยู่ล้วนงงงวยกัน
“การโหวตครั้งนี้ทำไมเสร็จสิ้นเร็วอย่างนี้ นี่เพิ่งจะ 2-3 นาทีเอง”
“ใช่ นี่เพิ่งจะ 2-3 นาทีเอง การโหวตครั้งก่อนก็ใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเต็มน่ะ”
“ฉันรู้ว่าทำไม” ฉันยืนขึ้นพูดทันที เพื่อนที่อยู่รอบๆ ต่างก็หันมามองฉัน และกวานเหยาที่อยู่บนแท่นพูดก็ถามฉันต่อว่า “จางเว่ย ฉันรู้ว่าเพราะอะไรเหรอ?”
“เพราะการโหวตถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ทุกคนลองคิดดู ชั้นเรียนของพวกเรามีทั้งหมด 54 คน นอกจากเฉินเฟิงกับหลี๋หยู่เสวียนที่ตายแล้วพวกเราทั้งหมดมี 52 คน และตอนนี้เสียงที่โหวตให้เซียวหนานก็สูงถึง 34 เสียง ถ้างั้นที่เหลือก็มี 18 เสียง ซึ่งถือว่าเสียงเหล่านี้ได้โหวตให้เฟิ๋งเฉินเฉินแล้ว และก็แก้ไขไม่ได้แล้ว ในที่สุดเซียวหนานก็ชนะผลโหวตด้วย 34 ต่อ 18 เสียง การโหวตที่เหลือก็ไม่มีความหมายแล้ว การโหวตจึงจะสิ้นสุดลงเอง”
“พูดอย่างนี้ก็ไม่ผิด เพราะผลโหวตก็มีครึ่งหนึ่งแล้ว” กวานเหยาส่ายหน้า สายตามองไปที่เซียวหนาน “เซียวหนาน เธอรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรไช่ไหม?”
เซียวหนานพยักหน้า และลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างเงอะงะ การตายของเฉินเฟิงและหลี๋หยู่เสวียนทั้งสองคนนี้ได้ยืนยันแล้วว่า ถ้าไม่ทำตามรายการที่เลือกในแบบสอบถามก็ต้องตาย
เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เธอก็ต้องทำอย่างนี้
เธอเดินขึ้นไปบนแทนพูดอย่างช้าๆ และเริ่มเต้นรำ การเต้นรำของเธอแข็งทื่อมาก ดูไปดูมาก็คล้ายกับโครงกระดูกสะบัดไปมา
แต่ทว่าไม่มีใครหัวเราะออกมา สีหน้าของทุกคนล้วนประหลาดมาก ครั้งนี้ถึงคราวของเซียวหนานแล้ว ไม่แน่ว่าครั้งหน้าอาจจะถึงคราวของพวกเขา ทุกคนล้วนมีโอกาสที่จะถูกโหวต ความกลัวการตายได้แผ่คลุมใบหน้าของทุกคน
หลังจากที่เซียวหนานเต้นเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่โต๊ะดั่งกับยกูเาออกจากอก และกวานเหยาได้เดินไปที่แท่นพูดหน้าชั้นเรียน พูดด้วยสีหน้าที่กลัดกลุ้มว่า “พวกเราไม่ควรจะนั่งงอมืองอเท้าอยู่อย่างนี้แล้ว มัวแต่พึ่งตำรวจฝ่ายเดียวก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราจักต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง ฉันตัดสินใจแล้ว ในชั้นเรียนทุกๆ 3 คนตั้งเป็หนึ่งกลุ่มสายสืบสาว มิฉะนั้นก็ตรวจสอบว่าโรงเรียนนี้เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ หลังจากนั้นก็ทำการโหวตเป็ปกติทุกวัน จนกระทั่งพบตัวคนร้าย”
“ดี งั้นก็ทำแบบนี้เถอะ”
“ได้ พวกเราคงทำได้แค่นี้แล้วสิ”
“ถ้าเช่นนั้นทุกคนก็ตั้งกลุ่มสายสืบสาวเถอะ จะต้องเป็ 3 คนหนึ่งกลุ่ม”
“งั้นก็ทำตามนี้เถอะ”