ขณะนี้ภายในวังหลวงของจักรวรรดิเทียนอวี่มีราชองครักษ์คนหนึ่งกำลังรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับถังเหล่ย แต่การกลับมาของพวกเขาไม่มีถังเหล่ยกลับมาด้วย สิ่งที่ได้มามีเพียงศพของมือสังหารสิบสองคนแทน
มือสังหารเหล่านี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ชุดเกราะที่พวกเขาสวมเป็ถึงชุดเกราะระดับสูง และจากการตรวจสอบของผู้พิทักษ์อวี่ ศพของมือสังหารเหล่านี้บ่งบอกได้ชัดเจนว่ามาจากกองทัพอวี่หลิน
“เอาล่ะ เ้ากลับไปได้!”
ราชองครักษ์รายงานสถานการณ์โดยรวมเสร็จก็แสดงความเคารพต่อกลุ่มคนที่นั่งเล่นหมากล้อมอยู่กลางห้องโถงและถอยกลับไปอย่างนอบน้อม
หลังจากที่ราชองครักษ์จากไป ทั้งสามคนที่กำลังเดินหมากก็มองหน้ากันเล็กน้อย เหล่าไป๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างาาอวี่จับตามองการเปลี่ยนแปลงบนกระดานหมาก ส่วนาาอวี่ที่ถือหมากเอาไว้ ก็วางหมากลงบนกระดานอย่างช้าๆ
“กองทัพอวี่หลินแอบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าสังหารหน่วยผู้คุมกฎ?” ตรงข้ามของาาอวี่มีชายชราสวมชุดสีม่วงทองกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
แม้ว่าชายชราผู้นั้นจะมีเคราเป็สีขาว แต่ในดวงตายังคงเปล่งประกายสดใสต่างจากชายชราทั่วไปโดยสิ้นเชิง และเขากล่าวต่อว่า
“กระหม่อมเคยคิดจะลงมือกับกองทัพอวี่หลินเมื่อนานมาแล้ว กองทัพอวี่หลินทำเื่สกปรกมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ชายชราที่อยู่ตรงข้ามาาอวี่ก็คือผู้บัญชาการหน่วยผู้คุมกฎแห่งจักรวรรดิอวี่หลิน ‘ฉินหลัว’ หรือก็คือปู่ของฉินเฮ่า
“ข้าเห็นด้วยกับเ้า ข้าไม่คิดเลยว่าจะถูกสุนัขที่เลี้ยงไว้แว้งกัด” าาอวี่กล่าวขณะก้มมองกระดานหมากและส่ายหัวเบาๆ
“กระหม่อมคิดว่าเราควรลงมือโดยเร็วที่สุด เรามีกองทัพตะวันตกและใต้ เมื่อบวกกับหน่วยผู้คุมกฎ กระหม่อมเชื่อว่าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แน่นอน” ฉินหลัวกล่าวด้วยความร้อนใจ
“ช้าก่อน! ข้าเลี้ยงดูกองทัพอวี่หลินมานานหลายปีแล้ว ทหารเ่าั้ไม่รู้เื่อะไรด้วย เป้าหมายในใจของข้ามีเพียงเยียนหลิงเทียนเท่านั้น” าาอวี่วางหมากลง และแสดงการตัดสินใจอันแน่วแน่
“ในเมื่อฝ่าาตัดสินใจแล้ว กระหม่อมจะดำเนินการไปตามนี้” ใบหน้าของฉินหลัวเผยให้เห็นถึงความยินดี
“แต่เหตุใดหลานชายของเ้าถึงไปอยู่กับถังเหล่ยได้?” าาอวี่กล่าวอย่างเรียบเฉย
จากที่ผู้พิทักษ์อวี่รายงาน ฉินเฮ่ากับถังเหล่ยเข้าไปในด่านซิวหลัวด้วยกัน
“กระหม่อมก็ไม่ทราบ เ้าหลานชายตัวดีคนนี้พอออกจากบ้านก็มักจะหายตัวไปเป็เวลานาน หากเขากลับมาเมื่อใดกระหม่อมจะลงโทษอย่างหนัก!”
เมื่อพูดถึงฉินเฮ่า ฉินหลัวก็รู้สึกระอาใจเล็กน้อย วันๆ เด็กคนนี้เอาแต่ทำภารกิจอยู่ด้านนอก แม้แต่เมืองเทียนอวี่ก็แทบจะไม่เคยกลับมา ในอนาคตเขาจะมีที่ยืนในเมืองนี้ได้อย่างไร
“เด็กหนุ่มออกไปหาประสบการณ์นับว่าดี หม่าเทียนเจิ้งจะต้องปกป้องฉินเฮ่าแน่ เ้าไม่ต้องกังวล” าาอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
…
เยียนหลิงเทียนได้รับข่าวว่ากลุ่มมือสังหารที่เขาส่งไปสามกลุ่มนั้นสามารถรอดกลับมาได้เพียงหนึ่งกลุ่มเท่านั้น กองทัพอวี่หลินทุ่มทรัพยากรมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาทำภารกิจไม่เคยพลาด ครั้งนี้ความสูญเสียนั้นเกินความคาดหมายของเขาอย่างมาก
“ใครกันที่ฆ่ามือสังหารของข้า แล้วเ้าถังเหล่ยมันหายหัวไปไหน?” เยียนหลิงเทียนโมโหมาก เขาเป็รองผู้บัญชาการกองทัพอวี่หลิน
“ท่านแม่ทัพ ในขณะที่มือสังหารของเรากำลังทำภารกิจพวกเขาได้ลงมือฆ่าหน่วยผู้คุมกฎไปหน่วยหนึ่ง และข้ายังได้รับรายงานว่าหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎนั้นคือหลานชายของฉินหลัว ข้าน้อยเกรงว่า...” ทหารคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเยียนหลิงเทียนกล่าวด้วยความกลัว
แม้ว่าทหารที่รายงานจะยังพูดไม่จบแต่เยียนหลิงเทียนก็พอจะรู้ความนัยแล้ว ไม่ว่าเยียนหลิงเทียนที่เป็รองผู้บัญชาการกองทัพอวี่หลินจะยิ่งใหญ่มากเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับฉินหลัว เขายังเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ใครสั่งให้พวกมันลงมือกับหน่วยผู้คุมกฎ ่นี้ข้ากำลังถูกจับตามองอยู่ บอกมือสังหารของเราว่า่นี้อย่าเพิ่งทำอะไร แต่ให้ไปสืบหาตำแหน่งของถังเหล่ยพร้อมกับรายงานไปยังเยียนหลิงชวนแทน”
แม้ว่าอำนาจของเยียนหลิงเทียนจะล้นฟ้า แต่หากทิ้งหลักฐานไว้ก็จะกลายเป็หายนะครั้งใหญ่ของเขา อย่างไรก็ตามเยียนหลิงเทียนยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาตกเป็เป้าหมายของผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิแล้ว
ตรงกันข้ามเยียนหลิงชวนคือผู้าุโของนิกายอวี่เสิน การเคลื่อนไหวของนิกายอวี่เสินไม่สามารถนำมาเชื่อมโยงกับาภายในจักรวรรดิได้ ดังนั้นเยียนหลิงชวนสามารถลอบสังหารถังเหล่ยได้ทุกเมื่อ
…
เยียนหลิงชวนได้รับข่าวว่าเยียนหลิงซานถูกสังหารนานแล้ว ในความเป็จริงเขาได้รับข่าวนี้ก่อนเยียนหลิงเทียนด้วยซ้ำ เขาถือว่าเป็ผู้ที่มีสถานะสูงส่งมากในจักรวรรดิเทียนอวี่ เขารู้แม้กระทั่งว่าถังเหล่ยกำลังจะหลบหนีไปที่ใด
“ออกคำสั่งให้คนของเราจับตามองขบวนลำเลียงสินค้าเอาไว้ หรือหากผู้ใดสามารถสังหารถังเหล่ยได้ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม”
เยียนหลิงชวนมีศิษย์อยู่ทั่วทุกที่ นิกายอวี่เสินถือว่าเป็หนึ่งในมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิเทียนอวี่ บางครั้งาาอวี่ก็ไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของนิกายอวี่เสินได้ แม้ว่านิกายอวี่เสินจะตั้งอยู่ในจักรวรรดิเทียนอวี่ แต่อำนาจของนิกายแห่งนี้กลับแพร่กระจายออกนอกจักรวรรดิไปแล้ว
การคงอยู่ของนิกายอวี่เสินและจักรวรรดิเรียกได้ว่าเป็การอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ความมั่นคงของจักรวรรดิเทียนอวี่ส่วนหนึ่งมาจากความช่วยเหลือของนิกายอวี่เสิน
แม้ว่าถังเหล่ยจะหนีออกจากจักรวรรดิเทียนอวี่ไปแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าศิษย์ของนิกายอวี่เสินมีอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่เว้นแม้แต่นอกจักรวรรดิเทียนอวี่ ดังนั้นเขาจึงละเลยเื่ความปลอดภัยไปโดยสิ้นเชิง
…
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจักรวรรดิซือฉีเป็ทะเลทราย ผู้คนภายในขบวนลำเลียงสินค้าจึงพากันใช้ผ้าปิดหน้าเอาไว้ ถังเหล่ยสวมชุดคลุมสีเทานั่งอยู่บนหลังม้า เขาใช้ผ้าปกปิดใบหน้าคล้ายกับผู้อื่น
จากการบ่มเพาะเคล็ดวิชาัคชสารในเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบวันก็ส่งผลให้ถังเหล่ยมีร่างกายที่สูงขึ้นพร้อมกับมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็เื่ยากที่จะคาดเดาอายุที่แท้จริงของเขาได้
………