อวี๋เจียวเพิ่งออกจากจวนก็เห็นเฉินโหรวยืนกางร่มอยู่ใต้ชายคาด้านนอกจวนสกุลอวี๋ มีสตรีนางหนึ่งเดินตามหลังนาง ในมือของคนทั้งสองถือกล่องใส่อาหาร พวกนางยื่นให้เด็กรับใช้สกุลเหอทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่นอกประตูจวนสกุลอวี๋
ดวงตาของอวี๋เจียวฉายแววเข้าใจทันใด คาดว่าตลอดหลายวันมานี้ เด็กรับใช้เฝ้าประตูทั้งสองคนนี้คงซื้อข้าวปลาอาหารจากจวนสกุลเฉิน
เมื่อหันกลับมาเห็นอวี๋เจียว หนึ่งในเด็กรับใช้สกุลเหอที่นิสัยปราดเปรียวได้เอ่ยทักทายทั้งรอยยิ้มว่า “แม่นางเมิ่งจะออกไปข้างนอกหรือขอรับ?”
อวี๋เจียวพยักหน้าและเอ่ยว่า "ข้าจะไปเก็บสมุนไพรบนูเา”
หลังจากได้รับแจ้งจากสารถีในเมื่อวาน เด็กรับใช้เฝ้าประตูต่างสุภาพกับอวี๋เจียวอย่างมาก พวกเขาไม่คิดจะขวางการเข้าออกจวนสกุลอวี๋ของนาง แย้มยิ้มเอ่ยอย่างเป็มิตรว่า “บนเขาฝนตก เกรงว่าคงจะเดินเหินไม่สะดวก แม่นางเมิ่งระวังตัวด้วย”
อวี๋เจียวกล่าวขอบคุณ นางกางร่มและกำลังจะเดินตรงไปที่ตีนเขา เฉินโหรวพลันร้องเรียกนางเอาไว้ เอ่ยวาจาโน้มน้าวเสียงอ่อนโยน "แม่นางเมิ่ง ฝนตกหนักถึงเพียงนี้ บนูเามีอันตราย สตรีบอบบางเช่นเ้า ทางที่ดีไม่ควรขึ้นไปบนูเาจะดีกว่า”
อวี๋เจียวชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมองเฉินโหรว "ขอบคุณแม่นางเฉินที่เป็ห่วง”
ใบหน้าอ่อนโยนรูปดอกบัวของเฉินโหรวแสดงความเห็นอกเห็นใจ เอ่ยด้วยความสงสารว่า "ควรจะหาบุรุษไปเป็เพื่อนเ้าถึงจะถูก ถ้าเกิดแม่นางบังเอิญพบอันตรายบนูเาคงจะไม่มีคนคอยช่วยเหลือ”
อวี๋เจียวยกยิ้ม ดวงตาผลซิ่งหรี่จ้องดวงตาของเฉินโหรวตรงๆ ไม่กล่าวสิ่งใด
เฉินโหรวถูกดวงตาใสกระจ่างของนางจดจ้องจนใจฝ่อ ไม่อาจเสความเห็นอกเห็นใจในดวงตาของนางไม่อาจเสแสร้งอีกต่อไป นางเม้มปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ร่างกายของพี่เจ๋อเป็อย่างไรบ้าง? เขาปล่อยให้เ้าขึ้นไปบนูเาคนเดียวได้อย่างไร?”
อวี๋เจียวเลิกคิ้วงาม ไฝสีแดงอ่อนแลดูชีวิตชีวาเป็พิเศษ นางเอ่ยคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มว่า “ร่างกายของพี่ห้าบำรุงรักษาอีกสักระยะก็จะหายดีแล้ว ถ้าคุณหนูเฉินยังคิดถึงเขา รอกระทั่งพี่ห้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บแล้วก็เข้าจวนสกุลอวี๋ได้โดยไม่ต้องรีรอให้ล่าช้า”
ใบหน้าของเฉินโหรวซีดลงเล็กน้อย เอ่ยอย่างแข็งทื่อว่า “แม่นางเมิ่งเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับพี่เจ๋อไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว ข้าเพียงแต่เป็ห่วงร่างกายเขาเท่านั้น ทำไมเ้าถึงต้องพูดเช่นนี้ด้วย”
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เห็นเฉินโหรวเผยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจจึงเอ่ยตำหนิอย่างโกรธเคืองว่า "เ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? พี่อาโหรวของข้าหมั้นหมายแล้ว เขาก็คือซิ่วไฉแซ่หลี่ในเมือง! อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางแค่ถามถึงร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋อเท่านั้น เ้าอย่าได้โยงเข้าเื่ไร้สาระ”
เมื่อเอ่ยออกมาว่าคู่หมั้นของเฉินโหรวคือซิ่วไฉในเมือง ใบหน้าของแม่นางผู้นั้นฉายแววลำพองใจ คล้ายจะสื่อความหมายว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะไปเทียบกับซิ่วไฉหลี่ได้อย่างไรกัน
สีหน้าของอวี๋เจียวราบเรียบ นางไม่ขุ่นเคือง เพียงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “ที่แท้แม่นางเฉินหมั้นหมายแล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ ภายหน้ายามแม่นางเฉินเอ่ยถึงบุรุษอื่นก็อย่าได้เรียกอย่างสนิทสนมเช่นนี้อีก จะได้ไม่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด”
ใบหน้าของเฉินโหรวฉายแววอับอาย นางขมวดคิ้วงามดั่งใบหลิว ดวงตาผลซิ่งคลอไปด้วยหยาดน้ำ “เป็เพราะอาโหรวไม่รู้ความ ขอแม่นางเมิ่งอย่าได้ถือสา ภายหน้าอาโหรวจะไม่เรียกเช่นนี้แล้ว”
“เ้า... เ้าทำเกินไปแล้ว!” ลูกพี่ลูกน้องของเฉินโหรวนามเฉินอิ๋งเห็นนางถูกรังแกเช่นนี้จึงออกหน้าแทน “พี่อาโหรวของข้ากับอวี๋ฉี่เจ๋อเติบโตมาด้วยกัน เรียกเขาว่าพี่เจ๋อแล้วจะเป็อะไร? นางเรียกเขาเช่นนี้มาตลอด! พี่อาโหรวของข้านิสัยใจคออ่อนโยน เ้ารังแกนางให้น้อยสักหน่อย!”
มุมปากของอวี๋เจียวกระตุก ขณะมองท่าทางอ่อนแอคล้ายกำลังจะร้องไห้ของเฉินโหรว นางอดคิดไม่ได้ว่านางพูดอะไรออกไปกันแน่? ดูจากท่าทางของเด็กสาวสองคนนี้แล้ว ราวกับนางเป็บุรุษยโสสตรีโอหังเสียแล้ว
นางจ้องมองท่าทางเสแสร้งอ่อนแอของเฉินโหรวแล้วจิ๊ปากส่ายหน้า พลันรู้สึกว่ารสนิยมของอวี๋ฉี่เจ๋อไม่ค่อยดีนัก เหตุใดจึงชมชอบสตรีเช่นนี้ได้?
คนคุยไม่ถูกคอ วาจาเพียงครึ่งประโยคก็เสียเวลา อวี๋เจียวไม่สนใจเด็กสาวทั้งสองอีก นางหันไปกางร่มและเดินเข้าไปในม่านฝน
เด็กรับใช้เฝ้าประตูทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างต่างยืนดูอยู่ข้างกำแพงั้แ่ต้นจนจบ หลังจากชมเื่น่าสนุกเสร็จ พวกเขาลอบชื่นชมแม่นางเมิ่งผู้นี้ที่ไม่เพียงมีวิชาหมอที่ร้ายกาจ กระทั่งวาจาก็ยังร้ายกาจเช่นกัน ดูท่าแม่นางน้อยในจวนผู้อื่นถูกรังแกจนเกือบจะร้องไห้เสียแล้ว
อวี๋ฉี่เจ๋อที่ลอบฟังบทสนทนาพร้อมกับเด็กรับใช้ทั้งสองลอบยินดีภายในใจ นางไม่ยอมให้อาโหรวเรียกตนว่า ''พี่เจ๋อ'' เป็เพราะคิดเช่นเดียวกับที่เขาไม่ยอมให้นางใกล้ชิดกับจือโจวและจิ่นหยียนเกินไปใช่หรือไม่?
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยสิ่งใดอีก กลับเป็เสียงของเฉินอิ๋งดังขึ้นว่า “พี่อาโหรว ท่านนิสัยดีเกินไปแล้ว ถ้าเป็ข้า จะต้องทำให้นางได้เห็นดีแน่นอน! ท่านคงไม่ได้กำลังคิดถึงอวี๋ฉี่เจ๋ออยู่กระมัง? โรคภัยที่ติดตัวมาั้แ่ในท้องมารดาเช่นนั้นไม่อาจรักษาให้หาย ท่านอย่าไปฟังเมิ่งอวี๋เจียวพูดจาเหลวไหล นางพูดเช่นนั้นก็เพื่อหลอกล่อท่านเ้าค่ะ! หลังจากนี้หากท่านแต่งงานกับซิ่วไฉหลี่ ท่านก็จะเป็ฮูหยินของซิ่วไฉ เมิ่งอวี๋เจียวไม่คู่ควรถือรองเท้าให้ท่านเสียด้วยซ้ำ นางจะเทียบกับท่านได้อย่างไร”
เฉินโหรวส่ายหน้า “เ้าหยุดพูดได้แล้ว คำกล่าวของแม่นางเมิ่งมีเหตุผล ข้าหมั้นหมายแล้ว ไม่ควรเรียกพี่เจ๋อ... สองคำนั้นอีก”
ทันทีที่นางกล่าวจบ อวี๋ฉี่เจ๋อพลันเปิดประตูเดินออกไป
เฉินโหรวและเฉินอิ๋งที่กำลังจะกางร่มจากไปชะงักฝีเท้าหันกลับมามอง
เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อ เฉินอิ๋งเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ท่านมาพอดี ภรรยาเสริมมงคลของท่านเพิ่งรังแกพี่อาโหรว ไม่ยอมให้นางเรียกท่านว่าพี่เจ๋ออีก ช่างเป็สตรีขี้อิจฉาเสียจริง พี่อาโหรวถูกนางรังแกจนเกือบจะร้องไห้ ท่านต้องระบายความขุ่นเคืองให้พี่อาโหรวให้ได้!”
เฉินโหรวเงยดวงหน้าเล็กดังดอกบัว ดวงตาผลซิ่งมีหยาดน้ำเอ่อคลออีกครั้ง นางทอดมองอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างน่าสงสาร เอ่ยเสียงเบาว่า “เฉินอิ๋ง เ้าห้ามฟ้อง พี่เจ๋อ..."
นางชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับรู้ว่าตนเองไม่ควรเอ่ยสองคำนี้อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเม้มปากยกยิ้มเจื่อน “ท่านอย่าไปฟังเฉินอิ๋งพูดเหลวไหล แม่นางเมิ่งหวังดี ข้าไม่ควรเรียกท่านเช่นนี้อีกจริงๆ”
ขณะคนทั้งสองกำลังพูดออกมา อวี๋ฉี่เจ๋อไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ครั้นเฉินโหรวกล่าวจบ เขาถึงชำเลืองมองนางอย่างสุขุม ดวงตาดอกท้อเปี่ยมไปด้วยความเ็า “ข้าแต่งงานแล้ว เ้าก็หมั้นหมายแล้วเช่นกัน คำกล่าวของอวี๋เจียวไม่ผิด นางแค่เตือนเ้าด้วยความหวังดี จะนับว่ารังแกได้อย่างไร?”
ครั้นอวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยออกมา ใบหน้าของเฉินโหรวซีดเผือดลงกว่าเดิม นางไม่อยากเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเขา
เฉินอิ๋งก็ใเช่นกัน อวี๋ฉี่เจ๋อชอบพอพี่อาโหรวมาตลอดมิใช่หรือ เหตุใดจึงพูดจาเช่นนี้?
เมื่อเห็นใบหน้าเ็าของอวี๋ฉี่เจ๋อ ดวงตาผลซิ่งของเฉินโหรวเปี่ยมด้วยความโศกเศร้า ความหมายของเขาก็คือเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกนางกับเมิ่งอวี๋เจียวพอดี นางหลับตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่เจ๋อกล่าวได้ถูกต้อง แม่นางเมิ่งไม่ผิด เป็ความผิดของข้ากับเฉินอิ๋ง”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองไปทางตีนเขา เมื่อเห็นว่าร่างของอวี๋เจียวใกล้จะเลือนหายไปท่ามกลางม่านสายฝน เขาหันไปเอ่ยกับเฉินโหรวเสียงเรียบ “ต่อไปอย่าได้เรียกข้าว่าพี่เจ๋ออีก นางได้ยินแล้วจะไม่พอใจ”
กล่าวจบ เขาก็หันกายไล่ตามอวี๋เจียวไป ทั้งยังหันกลับมาเอ่ยกับเฉินโหรวและเฉินอิ๋งโดยไม่หยุดฝีเท้าว่า “ในใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดสามารถสั่งให้อวี๋เจียวถือรองเท้า แค่เพียงซิ่วไฉ ยิ่งไม่มีทางมีเกียรติถึงเพียงนั้น กระทั่งผู้ที่เป็สามีของนางเช่นข้าก็ยังไม่อาจหักใจให้นางถือรองเท้า วาจาเช่นนี้อย่าให้ข้าได้ยินอีกเป็ครั้งที่สอง”
