เฟิ่งเฉี่ยนติดตามศิษย์คนนั้นไป เดินผ่านลานสนามจัตุรัส เดินผ่านบันไดหินนับพันขั้น และยังเดินผ่านห้องโถงใหญ่อีกสองห้อง จึงมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เงียบสงบยิ่ง
เมื่อเปรียบเทียบกับความวุ่นวายที่จัตุรัสแล้ว ที่นี่นับได้ว่าเป็อีกโลกหนึ่ง!
ศิษย์คนนั้นนำทางมาถึงเรือนไม้หลังหนึ่งที่สร้างด้วยไม้ เขาชี้ไปที่เรือนหลังนี้แล้วกล่าวว่า “แม่นางเฟิง ที่นี่ก็คือสถานที่สอบของท่าน ผู้ที่ไม่ได้เข้าสอบเข้าไปไม่ได้ ข้าได้แต่ส่งท่านที่นี่แล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นเพียงเรือนสูงสามชั้น ้าขื่อประตูเขียนว่า “หอดอกเหมย” ด้านหลังอักษรแถวนี้ยังแกะสลักดอกเหมยสีทองดอกหนึ่งด้วย
เคยได้ยินถังเจิ้นอวี่พูดว่า อาจารย์ใหญ่คนแรกของสำนักศึกษาเทียนหงเป็ผู้ชื่นชอบเหมยและไผ่ ดังนั้นจึงนำเหมยและไผ่มาแบ่งเป็ระดับของศิษย์และอาจารย์ ดอกเหมยสีทองเป็ขั้นที่สูงที่สุดในระดับของดอกเหมย แค่คิดก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้จะต้องแตกต่างจากที่อื่น
“ไม่ใช่บอกว่าจะไปเรือนจินเฟิงหรือ? เหตุใดจึงมา หอดอกเหมย เล่า?”
เฟิ่งเฉี่ยนถามศิษย์คนนั้น ปรากฏว่าเมื่อนางหันกลับไปจึงพบว่าศิษย์คนนั้นหายตัวไปนานแล้ว นางขมวดคิ้วด้วยรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง เมื่อมองไปเรือนด้านหน้าอีกครั้ง ได้แต่รู้สึกว่าเรือนหลังนี้ดูลึกลับและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความลี้ลับ
ด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น นางจึงเดินเข้าไปหาบานประตูใหญ่ ยื่นมือออกไปผลักประตู ทันทีที่มือของนางัับานประตูก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลดึงดูดร่างของนางผ่านประตูเข้าไป!
ไม่ไกลออกไปนัก หลันเยว่หรูและฉินมู่ชวนเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตา เห็นเฟิ่งเฉี่ยนก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น ใบหน้างดงามเ็าของหลันเยว่หรูปรากฏให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย
เฟิงเฉี่ยน อาศัยแค่เ้าก็คิดจะเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงหรือ? อย่าลืมว่าที่นี่น่ะเป็ถิ่นของข้า!
ฉินมู่ชวนหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้หลันเยว่หรู “ยังคงเป็ศิษย์น้องหญิงหลันที่มีวิธี เช่นนี้ก็ไม่จำเป็ให้พวกเราลงมือเอง นางย่อมต้องถูกขับออกจากสำนักศึกษาอยู่ดี”
“ผู้บุกรุกหอดอกเหมยถือว่ามีความผิดฐานไม่เคารพกฎ ไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องถูกขับออกจากสำนักศึกษา ครั้งนี้ดูว่าเฟิงเฉี่ยนยังจะอวดดีได้อีกหรือไม่!” หลันเยว่หรูแค่นหัวเราะเสียงเย็น สีหน้าโเี้ถึงขีดสุด
ในหอดอกเหมย ยังไม่ทันรอให้เฟิ่งเฉี่ยนตั้งตัวได้ เสียง ปัง ดังขึ้นด้านหลัง ประตูที่อยู่ด้านหลังกลับปิดสนิท ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าสายตานั้นสว่างขึ้น นางพบว่าตนเองได้ก้าวเข้ามาในห้องมหัศจรรย์ห้องหนึ่ง
ภายในห้องมีเพียงความว่างเปล่า กำแพงทั้งสี่ด้านรวมไปถึงเพดานล้วนวาดเป็ลวดลายดอกเหมยเต็มไปหมด ลวดลายหลากหลายสีสัน ที่ทำให้เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจยิ่งกว่าคือ นอกจากนางแล้วในห้องนั้นยังมีคนอีกสองคน!
พวกเขาหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี บุรุษสวมเครื่องแบบศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง บนหน้าอกปักลวดลายไผ่สีทองอ่อนๆ ชัดเจนยิ่งว่าเป็ศิษย์ขั้นสอง สตรีนางนั้นเฟิ่งเฉี่ยนรู้จัก ท่านหญิงชิงเสีย นางเคยมีวาสนาพบกันครั้งหนึ่งเคยได้ช่วยเหลือนาง และยังเกือบจะได้เป็พี่สะใภ้ใหญ่ของนาง
เหตุใดพวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่?
ขณะที่นางกำลังมองคนทั้งสองด้วยสายตาประเมินนั้น คนทั้งสองก็กำลังมองนางด้วยสายตาประเมินเช่นกัน
บุรุษเอ่ยปากขึ้นก่อน “มิใช่บอกว่าวันนี้มีผู้ร่วมเข้าสอบเพียงสองคนหรือ? เหตุใดจึงมีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน”
ท่านหญิงชิงเสียประหลาดใจยิ่งกว่าเขา ที่นางประหลาดใจมิใช่เพราะเหตุใดผู้เข้าร่วมสอบจึงมีมากขึ้นหนึ่งคน แต่เป็เพราะอีกฝ่ายเป็ถึงฮองเฮา ควรจะอยู่ในวังหลวง เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?
“พวกเราพบกันอีกแล้ว แม่นางเฟิง” ท่านหญิงชิงเสียเก็บงำสีหน้าท่าทางประหลาดใจอย่างรวดเร็ว แล้วยกยิ้มบางๆ
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นนาง จึงพยักหน้าให้นางอย่างประหลาดใจเช่นกัน “ท่านหญิงชิงเสีย สบายดีนะ”
ท่านหญิงชิงเสีย “เ้าก็มาเข้าร่วมสอบของอาจารย์เช่นกัน?”
“การสอบของอาจารย์?” เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้างงงัน “มิใช่การสอบของศิษย์หรือ?”
ท่านหญิงชิงเสียตะลึงงันในคราแรก ต่อมาจึงหัวเราะ “ดูท่าแล้ว เ้าคงมาผิดที่”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว คิดถึงศิษย์ที่นำทางมาที่นี่ มากกว่าครึ่งต้องเป็อริของนางส่งมาแน่นอน คนที่คิดจะทำร้ายนางจะเป็ใครกันนะ?
ขณะที่กำลังใคร่ครวญ บุรุษคนนั้นพูดขึ้นอย่างสิ้นความอดทน “มิได้มาสอบ ก็รีบไสหัวไปซะอย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา!”
เฟิ่งเฉี่ยนปรายตามองเขาปราดหนึ่ง คนผู้นี้ดูภายนอกแล้วไม่มีอะไร แต่ท่าทีกลับหยิ่งยโส คนลักษณะเช่นนี้ก็คิดจะเข้าร่วมสอบเป็อาจารย์ เป็อาจารย์ที่จะเป็เยี่ยงอย่างหรือ? นางไม่กล้านับถือ!
แต่ทว่า เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนาง
ยามนี้ต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดจึงจะดีต่อตัวนางเอง
“เช่นนั้นข้าไปก่อนละ ขอให้ท่านหญิงประสบความสำเร็จโดยไว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหมุนกายยื่นมือออกไปดึงประตู ทั้งที่ออกแรงแล้วแต่กลับเปิดประตูไม่ได้ นางเพิ่มกำลังขึ้นอีกพร้อมกับดึงประตูอย่างเอาเป็เอาตาย แต่ประตูใหญ่กลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ไม่มีประโยชน์ เข้ามาในหอดอกเหมยแล้ว นอกจากประกาศว่าตนเองสละสิทธิ์ หาไม่แล้วประตูใหญ่ไม่มีทางเปิดออก!” ท่านหญิงชิงเสียทักท้วงด้วยความปรารถนาดี
เฟิ่งเฉี่ยนตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด “เช่นนั้นข้าขอสละสิทธิ์”
ท่านหญิงชิงเสียขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นช้าๆ “เ้าต้องใคร่ครวญให้ดี กฎของสำนักศึกษาเทียนหง ทันทีที่ก้าวเข้ามาในหอดอกเหมยแล้วเลือกสละสิทธิ์ ภายในระยะเวลาสิบปีก็ไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาได้ ซึ่งการสอบเข้ามาเป็ศิษย์ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย”
“อะไรนะ?” เฟิ่งเฉี่ยนหงุดหงิด นางกระจ่างแจ้งในที่สุดว่าเหตุใดอริจึงหาคนหลอกนางให้เข้ามาที่นี่ ชัดเจนเหลือเกินว่าไม่้าให้นางรั้งอยู่ในสำนักศึกษาเทียนหง!
นางออกมาจากวังหลวงอย่างมิง่ายดาย สำนักศึกษาเทียนหงเป็สถานที่ที่นางคิดจะซ่อนตัวเป็อันดับแรก หากต้องไปจากที่นี่เช่นนี้ ในใจนางรู้สึกไม่ยินยอม อีกทั้งนางยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนได้อีก
สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับเฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจได้แล้ว สายตานั้นทอประกายกล้า “ข้าไม่สละสิทธิ์แล้ว อย่างไรล้วนเป็การสอบทั้งสิ้น จะอาจารย์หรือศิษย์ก็ไม่ได้แตกต่างกัน”
ได้ยินแล้วบุรุษคนนั้นถึงกับกลอกตาขาวใส่ “เ้าคิดว่าการสอบเป็อาจารย์เป็เื่เด็กเล่นหรือ? ข้าขอเตือนเ้าให้สละสิทธิ์แต่เนิ่นๆ หาไม่แล้วอีกประเดี๋ยวหากเกิดเื่ไม่คาดฝัน ข้าไม่ช่วยเ้าหรอกนะ”
ท่านหญิงชิงเสียโน้มน้าวนางเช่นกัน “ข้าว่าเ้าใคร่ครวญให้ถี่ถ้วนอีกครั้งจะดีกว่า หอดอกเหมยไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เ้าคิด”
เฟิ่งเฉี่ยนกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการต้องเสียสิทธิ์ในการเข้ามาในสำนักศึกษาเทียนหงแล้ว ความท้าทายในหอดอกเหมยในสายตานางกลับเป็ทางเลือกที่ดีกว่า นางมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้พวกเราต้องหากลไกที่จะผ่านด่านนี้ไปให้ได้ เพื่อที่จะขึ้นไปบนชั้นสองของหอดอกเหมยใช่หรือไม่?”
นางชี้ไปที่กำแพงทั้งสี่ด้านและเพดานที่เป็ลวดลายดอกเหมยแล้วพูดอีกว่า “ตามประสบการณ์ของข้า กลไกที่ว่านี้น่าจะอยู่ในภาพวาดดอกเหมยเหล่านี้ หากลไกนั้นให้พบ อาจจะเป็ดอกใดดอกหนึ่งก็ได้ ก็สามารถหากลไกพบแล้ว!”
ไม่มีใครตอบรับ นางหันกลับไปมองกลับพบว่าคนทั้งสองมองนางด้วยสายตาราวกับเห็นสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
“อย่างไรเล่า? ข้าพูดอะไรผิดหรือ?” เฟิ่งเฉี่ยนงงงัน
ท่านหญิงชิงเสียหัวเราะ “เ้าไม่ได้พูดอะไรผิด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเ้าจะแตกฉานเกี่ยวกับเื่กลไกเช่นนี้ เมื่อสักครู่พวกเราได้แต่เดาส่งเดช ไม่ได้สังเกตหรือวิเคราะห์ให้ละเอียด เ้าทักท้วงถูกต้องแล้ว ไม่แน่ว่ากลไกอาจจะอยู่ในนี้”
พูดจบนางก็พุ่งความสนใจไปบนภาพวาดดอกเหมย และเริ่มสังเกตอย่างจริงจัง
บุรุษผู้นั้นไม่พูดอะไร สายตากลับยิ่งร้อนรน เห็นได้ชัดว่าเขาก็ได้รับการชี้แนะเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างความจริงจังของคนหนึ่งและความร้อนรนของอีกคนหนึ่ง เฟิ่งเฉี่ยนกลับหันเหความสนใจไปที่ลูกแก้วสีขาวลูกหนึ่งที่อยู่มุมหนึ่งของเพดาน ในศตวรรษที่ 21 นางเคยเห็นคริสตัลมาไม่น้อย แต่นี่เป็ครั้งแรกที่นางเห็นคริสตัลลูกใหญ่ปานนี้ ไม่ว่าจะเป็สีสันและคุณภาพล้วนเป็ของชั้นเยี่ยม อยากจะยื่นมือไปลูบไล้ น่าเสียดายที่มันถูกวางอยู่สูงเกินไป นางััไม่ถึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้