หรงซิวขยับเข้ามาชิด ย่นระยะห่างของทั้งสอง มองนางด้วยรอยยิ้ม ถามเสียงต่ำว่า “มิไหวแล้วหรือ?”
เขาขยับนิ้วอย่างคลุมเครือ ปลายนิ้วไล่ลงมาจากใบหน้านาง ตอนที่อยากจะทำต่อ กลับถูกนางจับมือไว้
นางลืมตามองมาที่เขา เม้มปากแล้วพูดว่า "อย่าคิดว่าพูดคำหวานกล่อมข้าแล้วข้าจะให้อภัยนะเพคะ!"
"กระนั้นต้องทำอย่างไรเ้าจึงจะให้อภัย?" หรงซิวยังไม่หยุดขยับ เอามือข้างหนึ่งจับข้างลำตัวนาง ลุกขึ้นมองจากข้างบนลงมา ถามต่อ “หือ?”
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันเกินไป ลมหายใจของทั้งสองแลกเปลี่ยนกัน ประชิดเสียจนทำให้หน้าหูแดงไปหมด
อวิ๋นอี้แก้มร้อนผ่าว ผลักเขาก่อนพูดว่า “ฝ่าาคิดอย่างไรกับหว่านฉือ?”
“กระไรคิดอย่างไร?” หรงซิวงงกับคำถามของนาง
อวิ๋นอี้คิดว่าเขาจงใจแกล้งทำเป็โง่ จึงเอ็ดเสียงเตือนเขา “ฝ่าาคิดอย่างไรกับนาง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่าน...”
“ั้แ่ข้าแต่งกับเ้า ข้านับนางเป็น้องสาวมาตลอด” หรงซิวเม้มปากพูด
ได้ยินคำว่าน้องสาว ริมฝีปากของอวิ๋นอี้พลันยกขึ้น พูดเสียดสี “เหอะ น้องสาวอย่างไรกันเพคะ? น้องสาวที่ชอบกันได้แบบบุรุษสตรีหรือ?”
“อย่าพูดไร้สาระ" หรงซิวพูด “ใจของข้ามีเพียงเ้าคนเดียว”
อวิ๋นอี้เอนตัวไปด้านหลัง บังเอิญไปพิงเข้ากับโต๊ะกลมพอดี นางเปิดปากพูดอีกครา “เหตุใดพวกท่านถึงเลิกกันเพคะ? เมื่อก่อนความสัมพันธ์ลึกซึ้งเสียเช่นนั้น เหตุใดถึงเลิกกันเล่าเพคะ?”
จู่ๆ ในห้องก็พลันเงียบลง
ค่ำคืนอันหนักหน่วงกำลังใกล้เข้ามา ปกคลุมทุกสิ่งด้วยความมืดมน
คนสองคนนั่งตรงข้ามกัน โครงหน้าสะท้อนแสงใต้ชายคา คนหนึ่งสงบ อีกคนเ็า
ความอ่อนโยนของหรงซิว ลดลงฮวบอย่างมองเห็นได้ชัด
เขาเปลี่ยนไปเป็เ็าและน่าเกรงขาม
อวิ๋นอี้เอาแขนกอดอกรอคำตอบ ไม่เร่งไม่รีบ
จากนั้นไม่นาน บุรุษหนุ่มก็เปิดปากขึ้นช้าๆ “เพลานั้นนางสุขภาพไม่ดี หมอหลวงบอกว่านางจะอยู่ได้อีกไม่นาน นางอยากจะออกไปข้างนอก จึงทิ้งข้าไป”
“เช่นนั้นแสดงว่าพวกท่านมิได้มีการเลิกกันอย่างเป็ทางการหรือเพคะ?” การได้รับรู้เื่นี้ทำให้อวิ๋นอี้ไม่พอใจ
นางนึกว่านางคือตัวจริง เป็ความรักที่เกิดจากทั้งสองฝ่าย ทว่าที่แท้นางกลับเป็บุคคลที่สามที่เข้ามาแทรกงั้นหรือ?
หรงซิวมิรู้ว่าอวิ๋นอี้พยายามจะถามกระไร หรือบางทีนางอาจจะรู้กระไรบ้างแล้ว ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ เขาทำได้เพียงซ่อนมันไว้ต่อไป
เขามิอยากจะต้องยอมรับต่อหน้านางว่าการอภิเษกกับนางเมื่อสามปีก่อนเป็เพียงแผนการของเขา
เพราะหากพูดออกไปแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่มีวันหวนกลับ
อย่างที่เขาพูด ตอนนี้เขารักนางและมิอยากเสียนางไป
หรงซิวเงียบไปนาน จนทำให้อวิ๋นอี้รู้สึกแย่ต่อเขา
นางจ้องไปที่เขาเป็เวลานาน จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อคิดถึงการสนทนาของทั้งสองในวันที่ไปเล่นว่าว
เมื่อก่อนเป็เพราะหว่านฉือสุขภาพไม่ดี ้าออกจากเมืองหลวงจึงเลิกรากันไป ทว่าตอนนี้หว่านฉือกลับมาแล้ว นางช่างอ่อนแอและน่าสงสารเหลือเกิน ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวอีกครั้งได้ใช่หรือไม่?
“ลุกขึ้นเลยเพคะ!" อวิ๋นอี้ยืนขึ้นด้วยความโกรธ คว้าหรงซิวแล้วดึงแขนขึ้น "ออกไปเลยเพคะ!"
หรงซิวได้สติจากความใ เขาสับสนอย่างบอกไม่ถูก ทว่ามิกล้าขัดขืนสาวน้อย แต่มิอยากถูกผลักออก จึงต้องเดินออกไปข้างนอก พลางขอความเมตตา “เมียจ๋า เป็กระไรไป?”
“ออกไปให้พ้นเพคะ!”
หรงซิวทำกระไรไม่ถูก “เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว อย่าไล่ข้าไปเลยนะ!”
เขาจับประตูแน่นไม่ยอมออกไป พลันโดนอวิ๋นอี้ถีบจึงเริ่มแสดงทันที เบ้ปากะโร้อง “ข้าเจ็บเจ็บเจ็บ...เจ็บ! เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
ปลอม!
อวิ๋นอี้ดึงมือของเขาออก แล้วเหวี่ยงออกไป ตนเองพิงประตู แล้วพูดกับเขาด้วยใบหน้าเ็า "ข้าจะนอนแล้ว ฝ่าาออกไปเถิดเพคะ!"
“ไม่นะ!” เขารีบยื่นมือออกไปยื้อ “ข้าอยากนอนกับเ้า!"
"เช่นนั้นฝ่าาก็จัดการความสัมพันธ์กับหว่านฉือให้เด็ดขาด!"
"ข้ากับนางมิมีกระไรกันจริงๆ นี่!" หรงซิวถูกกล่าวหา จึงพูดด้วยใบหน้าเศร้า
อวิ๋นอี้กลอกตาขาว มิอยากฟังเื่ไร้สาระของเขา ปิดประตูดังปึง ลงกลอนอย่างดี แล้วกลับไปนอนลงบนเตียง
เสียงเคาะประตูดัง นางหรี่ตามองไปทางนั้น สมองไม่รับรู้กระไร
ใบหน้าของหรงซิวและหว่านฉือสลับกันไปมา มิรู้ว่าเพราะเหตุใด นางกลับจำได้ว่า ในตอนที่เขาพูดถึงสาเหตุของการเลิกรา แววตาของเขาราวกับมีสิ่งใดซ่อนอยู่
เขากำลังหลีกเลี่ยงบางอย่างหรือกำลังซ่อนกระไรบางอย่างจากนาง
อวิ๋นอี้คิดไม่ตก รู้สึกว่ามีกระไรแปลกๆ เสมอ ในที่สุดเสียงเคาะประตูด้านนอกก็หยุดลง สุดท้ายนางก็ผล็อยหลับไปในขณะที่คิดว้าวุ่น
วันรุ่งขึ้นนางถูกเซียงเหอปลุกขึ้น
ตอนเช้าในฤดูร้อนที่ดีถูกทำลายด้วยเสียงะโดัง
ที่แท้หรงซิวเฝ้าอยู่ที่ประตูทั้งคืนเมื่อคืนนี้ เซียงเหอมาปรนนิบัตินางในตอนเช้าพลันได้เห็นองค์ชายนอนนิ่งอยู่บนพื้น ใมาก จึงะโเสียงดัง
“......”
อวิ๋นอี้ลืมตาขึ้น พยักหน้าให้เข้ามา เซียงเหอหลังตึงขึ้น ค่อยๆ แต่งหน้าให้นาง
ข้างหลังพวกนาง หรงซิวยืนอยู่ด้วยใบหน้าห่อเหี่ยว มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองอวิ๋นอี้ตลอด
มิรู้ว่าเป็ความเข้าใจผิดของเขาเองหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาผ่านไป นางยิ่งดูงดงามขึ้นทุกวัน
เช่นนางในขณะนี้ ผิวสวยขาวราวหิมะ ปากแดง ฟันขาว ตอนที่ไม่แต่งหน้าดูน่ารักสดใส ทว่าพอแต่งหน้ากลับงามสะกดใจในทันใด
หรงซิวเสียงแหบ ถามอย่างระมัดระวังว่า "เ้า... วันนี้เ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?"
ปกติในวันที่อยู่บ้าน นางจะไม่ตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวเช่นนี้
อวิ๋นอี้ได้ยินเสียงเขาก็ลืมตาขึ้นหันไปมองพลันมุ่ยปากพูด "เหตุใดยังมิออกไปอีกเพคะ?"
"เ้าอยู่ที่นี่ ข้ามิไปที่ใดทั้งนั้น" หรงซิวพูดอย่างน่าสงสาร "เมียจ๋า เ้าจะไปที่ใดหรือ ไปกับผู้ใด?”
อวิ๋นอี้หยุด แล้วตอบไปตามตรงว่า “จะไปตงเฉิง [1] กับท่านมหาเสนาบดีลู่เพคะ”
“ลู่จงเฉิง?” สัญญาณเตือนภัยในใจหรงซิวทำงาน “มีแค่พวกเ้าสองคนหรือ?”
“......” อวิ๋นอี้ยิ้มพูด “ใช่สิเพคะ มีปัญหากระไรหรือ?”
“มิได้! ข้าไม่ยอม!" ท่าทีอิดโรยของหรงซิว หายวับไปทันที เขาก้าวไปข้างหน้า มองดูสาวงามตัวน้อยแล้วถามว่า “สตรีบุรุษอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เหมาะสมหรือ?”
“แล้วฝ่าากลับจวนไปกับหว่านฉือ มิคิดหรือเพคะว่าสตรีบุรุษสองต่อสองไม่เหมาะสม?”
“......” หรงซิวพูดไม่ออกกับคำพูดของนาง ตอกกลับคอแข็ง “มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นนางป่วย!”
“ฝ่าามิใช่หมอหลวงเสียหน่อย ไปแล้วช่วยการใดได้เพคะ? จะช่วยต่อชีวิตนางหรือ?” นางเอ่ยปากอย่างเฉียบขาด ทำให้เขาพูดไม่ออก “อีกอย่าง ที่ข้าไปตงเฉิงครานี้เพราะมีเื่เร่งด่วนต้องทำ”
“เื่เร่งด่วนกระไร?”
“เปิดสาขาน่ะสิเพคะ!" อวิ๋นอี้มองตนเองในกระจก รู้สึกว่าแต่งหน้าพอแล้วก็โบกมือให้เซียงเหอถอยออกไป ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ หัวของนางถึงแค่คางของหรงซิวเท่านั้น
เขาก้มหน้าลงด้วยความเข้าใจดี "เกี่ยวกับโรงเตี๊ยมหรือ เช่นนั้นก็มิได้ ข้ามิวางใจ ข้าจะไปด้วย”
อวิ๋นอี้พูดไม่ออก “ฝ่าาจะไปด้วยทำไมเพคะ? โรงเตี๊ยมเป็เื่ของข้ากับเขา มิเกี่ยวกระไรกับฝ่าาสักหน่อย!"
"ผู้ใดบอกว่ามิเกี่ยวกับข้า เ้าเป็ชายาข้า เ้าไปที่ใด ข้าต้องตามไปด้วย” หรงซิวโต้กลับ เขามองสตรีตรงหน้าอีกคราแล้วพูดว่า “ไปเจอเขาก็เจอสิ จะแต่งตัวให้งามเช่นนี้ทำไม...”
“เช่นนั้นหว่านฉือป่วย ฝ่าาจะร้อนรนเข้าไปยุ่งทำไมเพคะ?” อวิ๋นอี้โกรธมาก นางผลักเขาออกไปแล้วเดินผ่านไป "ฝ่าา เื่ที่ข้าให้ท่านอธิบาย ท่านยังอธิบายไม่ชัดเจนเลยนะเพคะ ฝ่าาจัดการเื่ความสัมพันธ์กับหว่านฉือได้เด็ดขาดแล้ว ค่อยมายุ่งเื่ข้าเถิดเพคะ!”
มิได้
หรงซิวรู้ตัวดีว่าเขามิใช่สุภาพบุรุษกระไร เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะเถียงกับสาวน้อย ไปๆ มาๆ ก็วกเข้าเื่หว่านฉือ เพียงแค่รอให้นางขึ้นรถ แล้วตามไปก็เท่านั้น
อย่างไรเสียเขาจะหน้าด้านหน้าทนตัวติดนาง จะไม่ให้ลู่จงเฉิงได้โอกาสแม้แต่น้อย!
ใช่!
เท่านั้นแหละ!
เชิงอรรถ
[1] ตงเฉิง 东城 ชื่อสถานที่ในเื่ ตง 东 แปลว่าทิศตะวันออก เฉิง城 แปลว่าเมือง อนุมานได้ว่าตงเฉิงน่าจะเป็สถานที่ที่อยู่ทางตะวันออก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้