หูของเขาแดงก่ำ แต่ใบหน้ากลับจริงจังมาก เซี่ยเจิงที่คุ้นเคยกับท่าทางยิ้มแย้มร่าเริงเป็ปกติของเขา เมื่อเห็นชวีเสี่ยวปอทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เขาจึงรู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่
ทว่าความเ็าที่แสร้งทำออกมาเช่นนี้มันช่างไม่เข้ากับนิสัยของตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับเผยให้เห็นความประหม่าและความเขินอายที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้เด่นชัดมากขึ้นไปอีก
เซี่ยเจิงถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงเดินเข้าไปปัดขี้ดินบนกางเกงให้ชวีเสี่ยวปอ
คิดไม่ถึงว่าชวีเสี่ยวปอจะรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เมื่อถูกเซี่ยเจิงตีเข้าที่ก้นเขาก็ะโไปด้านหน้าทันที ราวกับโดนไฟลวกอย่างไรอย่างนั้น แต่กลับไม่กล้าะโออกมาเสียงดัง : “นายจะทำอะไรเนี่ย !”
ในตอนนั้นเองเซี่ยเจิงถึงรู้ตัวว่า ภายใต้ความรู้สึกประหม่าเช่นนี้ของชวีเสี่ยวปอ ที่แท้แล้วเป็เพราะในหัวของเขามีแต่เื่สิบแปดบวกอยู่เต็มไปหมด
ว่าแต่ความสามารถแบบนี้ของเขาทำงานทุกวันเลยเหรอเนี่ย?
เซี่ยเจิงทำได้เพียงยกมือกางขึ้นมาอย่างไม่มีความผิด พยายามกลั้นขำเอาไว้แต่ก็ยังหลุดหัวเราะออกมาอยู่ดี : “ต้องถามนายมากกว่าไหม? นายคิดว่าฉันจะแต๊ะอั๋งนายกลางถนนแบบนี้เหรอ? ”
คราวนี้ใบหน้าของชวีเสี่ยวปอเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว คงจะเป็เพราะตัวเองก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป จนทำให้มีท่าทีตอบสนองที่เกินจริงออกมา กล่องถุงยางอนามัยนี้ทำให้เขารู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งยังดูขี้ขลาดเอามากๆ ชวีเสี่ยวปอรวบรวมและตั้งสติขึ้นมาพลางพูดไปว่า : “แล้วมันใช่หรือไง? ”
“ไม่ใช่ กางเกงนายเปื้อนขี้ดิน” เซี่ยเจิงตอบ “ไม่ให้ฉันปัด งั้นนายปัดเองก็แล้วกัน”
“ก็นายตีฉันนี่ !” ชวีเสี่ยวปอทำเสียงหึด้วยความไม่พอใจ ไม่มีทางเลือกเพราะในมือของเขาถือของเอาไว้อยู่ จึงทำได้เพียงพาลใส่เขาไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ทั้งสองคนเดินต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเดินไปถึงที่ที่มีคนน้อยลงแล้ว เซี่ยเจิงถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า : “ฉันซื้อไว้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้คืนนี้สักหน่อย”
ชวีเสี่ยวปอหยุดฝีเท้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อครู่เขายังครุ่นคิดอยู่เลยว่าจะปล่อยเื่นี้ให้เลยตามเลยไปดีหรือเปล่า แต่เมื่อเซี่ยเจิงเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ดูท่าคงจะทำไม่ได้แล้วละ
เซี่ยเจิงมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบนใบหน้าของชวีเสี่ยวปอ แล้วก็รู้สึกอยากแกล้งเขาขึ้นมา หลังจากพูดจบจึงเสริมไปอีกประโยคหนึ่งว่า : “แล้วก็ไม่แน่ด้วยว่าจะใช้กับนาย”
ชวีเสี่ยวปอมือไม้สั่นเครือขึ้นมาทันที อดกลั้นความคิดอันวู่วามที่อยากจะปาเค้กใส่หน้าของเซี่ยเจิง : “แล้วนายจะไปใช้กับใครฮะ !”
ผลปรากฏว่าทันทีที่ะโออกมาจบ เขาก็เห็นสีหน้าของเซี่ยเจิงแสดงขึ้นมาว่า “สำเร็จแล้ว”
ความโกรธของชวีเสี่ยวปอที่ยังไม่ทันได้จุดติดขึ้นมาก็ถูกทำให้ดับสนิทลงไปทันที ทั้งยังรู้สึกว่าตัวเองเป็เหมือนคนโง่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยเจิงอีกด้วย
ทำไมถึงถูกเขาคนนี้ทำให้ติดกับได้นะ น่าขายหน้าจริงๆ
ในตอนที่เขาสองคนกลับมาถึงบ้าน แม่ของเซี่ยเจิงก็วางชามและตะเกียบเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ชวีเสี่ยวปอที่ช่วยทำอะไรไม่ได้เลย จึงเปิดเค้กออกมาวางไว้บนโต๊ะแทน
“มานี่หน่อย”
เซี่ยเจิงกำลังจะขยับเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ชวีเสี่ยวปอกลับโบกมือเรียกเขาเอาไว้ก่อน
เซี่ยเจิงเองก็หยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง
“เ้าของวันเกิดต้องใส่นี่ก่อน” ชวีเสี่ยวปอหยิบมงกุฎวันเกิดขึ้นมาจัดให้เรียบร้อย... มงกุฎวันเกิดนี้เขาซื้อมาโดยจ่ายเงินเพิ่มไป อันที่จริงร้านเค้กมีแบบที่เป็ให้ฟรีอยู่ด้วยแต่เขาไม่เอา เพราะรู้สึกว่ามันคุณภาพต่ำเกินไป ผิดกับอันนี้ดูประณีตกว่ามาก นอกจากรูปทรงของมงกุฎจะสวยแล้ว ้ายังประดับด้วยสติ๊กเกอร์ตัดแต่งเป็คำว่าเ้าชายน้อยอีกด้วย ชวีเสี่ยวปอค่อยๆ สวมมงกุฎลงไปบนศีรษะของเซี่ยเจิงอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงมองดูแฟนหนุ่มของตัวเองอย่างละเอียด “หล่อมาก”
เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับยื่นริมฝีปากออกมาทำท่าจุ๊บเขากลางอากาศอย่างเงียบๆ แทน
ขณะนั้นชวีเสี่ยวปอรีบชำเลืองมองไปยังแม่ของเซี่ยเจิงด้วยความกังวลขึ้นมาทันที แต่แล้วก็เห็นว่าแม่เขากำลังหันหลังอยู่ไม่ได้มองมาที่พวกเขาสองคน ชวีเสี่ยวปอถึงได้ทำท่าทางจุ๊บกลับไปให้เซี่ยเจิงเช่นเดียวกัน
“กินข้าวกันๆ กินข้าวกันๆ !” แม่ของเซี่ยเจิงยกอาหารจานสุดท้ายออกมาวางไว้ แล้วจึงตบมือขึ้นมาสองสามครั้ง ขณะเดียวกันก็มองไปยังเซี่ยเจิงอย่างมีความสุข จากนั้นจึงพูดกับชวีเสี่ยวปอว่า : “ที่จริงป้าไม่ได้ช่วยทำสักอย่างเลย พวกนี้เสี่ยวเจิงเขาเป็คนทำหมดเลยนะ”
ชวีเสี่ยวปอดึงเก้าอี้ออกมาให้แม่ของเซี่ยเจิง พลางเอ่ยขึ้นอย่างปากหวานว่า : “นั่นก็เป็เพราะคุณป้าสอนมาดีครับ”
...............................
เซี่ยเจิงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดแก้มของเขาไว้ “ทำไมผมถึงปวดฟันขนาดนี้นะ”
แม่ของเซี่ยเจิงยื่นมือออกมา แต่กลับแตะลงไปบนมงกุฎวันเกิดของเซี่ยเจิงทีหนึ่ง พลางพูดขึ้นว่า : “ไอ้ลูกคนนี้ โตขึ้นมาอีกปีแล้วนะ”
อาหารมื้อนี้รับประทานกันอย่างสนุกสนานมากเลยทีเดียว อันที่จริงเพียงแค่มีชวีเสี่ยวปอมาทานข้าวด้วย บรรยากาศก็ต่างออกไปแล้ว หลายปีมานี้เซี่ยเจิงเคยชินกับวันเวลาที่บนโต๊ะอาหารมีเพียงแค่แม่กับเขานั่งทานข้าวด้วยกันสองคน ทว่าการมาของชวีเสี่ยวปอได้สูบฉีดเือันมีชีวิตชีวาให้กับชีวิตของเขา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างครึกครื้นมีสีสันขึ้นมา
วันนี้แม่ของเซี่ยเจิงดูมีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติดื่มเบียร์ได้แค่แก้วเดียวก็ไม่ไหวแล้ว แต่วันนี้เธอดื่มไปแล้วขวดหนึ่งก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่พูดเยอะขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากทานข้าวเสร็จก็ดึงชวีเสี่ยวปอเอาไว้อยู่ตลอด ทั้งยังเล่าเื่ตอนเด็กของเซี่ยเจิงให้เขาฟังไปไม่น้อยเลย
“ตอนเด็กเสี่ยวเจิงสวยมาก” แม่ของเซี่ยเจิงจับมือชวีเสี่ยวปอเอาไว้ “ตากลมโต จมูกโด่งเป็สัน ปากเล็กนิดเดียว”
ชวีเสี่ยวปอมองไปยังเซี่ยเจิง ราวกับกำลังพยายามมองหารูปร่างลักษณะในตอนนั้นบนใบหน้าของเซี่ยเจิง เซี่ยเจิงจึงทำได้เพียงเบะปากใส่เขาอย่างไม่มีทางเลือก
“ตอนเขาอายุสามขวบ ป้าอุ้มเขาไปเดินเที่ยว ยังมีคนคิดว่าเขาเป็เด็กผู้หญิงด้วยนะ” ขณะที่พูดแม่ของเซี่ยเจิงก็หัวเราะไปด้วย “แต่ว่าตอนนั้นผมของเขาก็ยาวด้วยแหละ ป้าเลยตั้งใจไว้ทรงเห็ดน้อยให้เขา”
หัวเห็ด?
ชวีเสี่ยวปอพยายามอย่างหนัก แต่เขาก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเซี่ยเจิงตอนไว้ทรงหัวเห็ดจะเป็อย่างไร
“ผลสุดท้ายลูกเดาสิว่าเขาทำยังไง? ”
เซี่ยเจิงทนไม่ไหวในที่สุด เขาหยุดมือที่กำลังเก็บโต๊ะอาหาร พยายามพูดแทรกแม่เขาออกไป “ผมว่า พอแล้วมั้งครับ”
“อายเหรอลูก? ” แม่ของเซี่ยเจิงเงยหน้าขึ้นมา “ตอนเด็กลูกยังไม่เห็นจะอายเลย ทำไมตอนนี้อายขึ้นมาแล้วล่ะ? ”
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ” เซี่ยเจิงจนปัญญา ทำได้เพียงยกจานขึ้นมาเงียบๆ และเดินเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว
“คุณป้าพูดต่อเร็วครับ” ชวีเสี่ยวปอเห็นว่าเซี่ยเจิงเดินออกไปแล้ว เขาที่เดิมทีสงสัยอยากรู้อยู่เป็ทุน ตอนนี้ก็ยิ่งเร่งแม่ของเซี่ยเจิงให้เล่าต่ออย่างรีบร้อน “เขาทำอะไรเหรอครับ? ”
“เขาน่ะ ถอดกางเกงออกมา โชว์ให้คนอื่นเขาดูแล้วก็พูดด้วยนะว่า ผมมีปิกาจูนะครับ !”
ชวีเสี่ยวปอ : “ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ” คุณแฟน นี่ช่างกล้าซะจริง !
“แม่ฉันหลับไปแล้วเหรอ? ”
ตอนที่ชวีเสี่ยวปอเดินเข้าห้องครัวไป เซี่ยเจิงกำลังเช็ดชามที่ล้างเสร็จแล้วให้แห้ง จากนั้นก็เก็บเข้าตู้ไปทีละใบ
“อืม เข้าห้องนอนไปแล้ว” ชวีเสี่ยวปอยืนพิงกรอบประตูจ้องมองเขา อาจเป็เพราะว่าเขากลัวน้ำกระเด็นโดนเสื้อตอนล้ามชาม เซี่ยเจิงจึงใส่ผ้ากันเปื้อนเอาไว้ด้วย สายรัดผูกเอาไว้แน่นที่ด้านหลังเอว ซึ่งมันช่วยขับเน้นให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเอวเขาได้ชัดขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าตัวเองดื่มไปเยอะเกินไปหน่อย เหล้าขาวขวดเดียวดื่มกับเซี่ยเจิงสองคนจนหมด แล้วยังมีเบียร์อีกแพ็กหนึ่งด้วย แต่เซี่ยเจิงกลับดูเหมือนไม่เป็อะไรเลย เมื่อครู่นี้เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าพอลุกขึ้นเดินถึงพบว่าเขามองเห็นพื้นสั่นไหวไปหมด ยืนไม่ตรง ทั้งยังรู้สึกอยากจะเข้าไปพิงบนตัวเซี่ยเจิงด้วย
พอชวีเสี่ยวปอคิดได้เช่นนั้น เขาก็รีบทำเลยทันที
ในตอนที่เดินเข้าไป เขาก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องครัวลงด้วย
คนที่อ่อนปวกเปียกคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เป็ที่เรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้นก็พิงไปบนไหล่ของเซี่ยเจิงอย่างเกียจคร้านพลางพูดพึมพัมออกมา
“ตอนเด็กนายนี่ตลกสุดๆ เลยนะ”
เซี่ยเจิงถอนหายใจ นี่เขาเริ่มแล้วเหรอเนี่ย? เมาทีไรก็มีอาการอ่อนปวกเปียกขึ้นมาทันที ทำไมอาการแบบนี้ยังไม่หายสักทีนะ? มือทั้งสองข้างของเซี่ยเจิงยังไม่ทันได้ดึงออกมา ทำให้ต้องใช้แรงจากด้านหลังพยุงชวีเสี่ยวปอไว้ : “แม่ฉันเล่าอะไรให้นายฟังอีกล่ะ? ”
“บอกว่าดอนเด็กนายเหมือนผู้หญิง แล้วก็ยังบอกว่านายโชว์ช้างน้อยให้คนอื่นดูด้วย” ชวีเสี่ยวปอพูดพลางหัวเราะหึๆ ออกมา “นายนี่ใจกว้างจังเลยนะ”
เซี่ยเจิง : “......” นายนี่ก็ช่างใช้คำจริงๆ เลยนะ
ชวีเสี่ยวปอยังคงหัวเราะไม่หยุด แต่ทันทีที่หัวเราะจนพอใจแล้วก็เอ่ยขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า :
“ให้ฉันดูบ้างสิ”