ชาร์ลส์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองเห็นเพดานห้องสีเทาที่คุ้นเคย ความเงียบสงบแผ่ซ่านไปรอบตัว มีเพียงเสียงหัวใจของเขาเต้นแ่เบา เขาขยับตัวอย่างระมัดระวัง รู้สึกได้ถึงััของพื้นหินเย็นที่แทรกผ่านเท้าเปล่าของเขา
เขานั่งบนเตียงไม้ที่เรียบง่าย พยายามรวบรวมความคิด ความทรงจำล่าสุดผุดขึ้นมาในหัว ภาพของผลึกิญญาที่ถูกฝังเข้าสู่ร่างกาย ความรู้สึกของตัวตนบางอย่างที่พยายามแทรกซึมเข้ามาควบคุม มันเป็ความรู้สึกคล้ายกับฝันร้าย แต่กลับชัดเจนเกินกว่าที่จะเป็เพียงจินตนาการ
ชาร์ลส์ตรวจสอบร่างกายของตัวเองอย่างถี่ถ้วน ไม่มีาแ ไม่มีร่องรอยของการเปลี่ยนแปลง เขายกมือขึ้นััที่ศีรษะ ตรงแผลเป็ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
"นี่มัน..." เขาพึมพำกับตัวเอง ความรู้สึกตื่นตะลึงและไม่อยากเชื่อผสมปนเปกัน เมื่อพบว่าแผลเป็นั้นหายไปโดยสิ้นเชิง ิัตรงนั้นเรียบเนียนราวกับไม่เคยมีาแมาก่อน
แม้จะไม่มีร่องรอยภายนอก แต่ในส่วนลึกของความคิดเขารู้ว่ามีบางสิ่งได้ถูกเพิ่มเข้ามา ข้อมูลบางอย่างฝังแน่นอยู่ในจิตสำนึก มันไม่ใช่ความทรงจำของเขา แต่เหมือนกับเป็ส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่นเดียวกับแขนหรือขาของเขาเอง
เขาค่อยๆ หลับตาลง พยายามเชื่อมโยงกับข้อมูลนั้น ชาร์ลส์รับรู้ได้ถึงความสามารถใหม่ที่เขาได้รับมา ความสามารถของพลังที่เอ็ดเวิร์ดเคยบอกกับเขา มันไม่ใช่แค่ความรู้ในเชิงทฤษฎี
นั่นคือพลังในการควบคุมและบิดเบือนความคิดของผู้อื่น ไม่ใช่การอ่านใจ มันต่างออกไป เขาสามารถ ชี้นำความคิด หรือทำให้จิตของเป้าหมายหันเหไปยังสิ่งที่้าได้ในเสี้ยววินาที
ทันใดนั้น เขารู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง…
เขาเห็นภาพในหัวชัดเจน
หากเขา้าให้ใครลืม สิ่งที่จะทำ เพียงแค่เชื่อมจิตใจเข้าหาเป้าหมายและสร้างความสับสนชั่วขณะ ข้อมูลในหัวของคนคนนั้นจะถูกขัดจังหวะ และลืมสิ่งที่พวกเขาตั้งใจทำลงอย่างไม่รู้ตัว
หากเขา้าให้ใครหมกมุ่น กับบางอย่าง เพียงส่งพลังจากความคิดของเขาเข้าไป ทำให้เป้าหมายจดจ่อกับสิ่งที่เขากำหนดไว้ ราวกับว่าทั้งโลกเหลือแค่สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลเหล่านี้ไหลเข้ามาในจิตใจของชาร์ลส์ราวกับสัญชาตญาณแรกเกิด เขาไม่จำเป็ต้องเรียนรู้ มันถูกฝังอยู่ในตัวเขาแล้ว พร้อมใช้งานได้ทันทีเมื่อเขาปรารถนา
ชาร์ลส์ลืมตาขึ้น หลังจากรับรู้ถึงพลังของตนเอง เขาก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยกลับไปยังความทรงจำที่ปรากฏขึ้นขณะเขายกระดับตัวตน ภาพเ่าั้คลุมเครือราวกับเศษเสี้ยวของฝัน แต่เขารู้สึกได้ว่ามันสำคัญกับเขาอย่างมาก
ในภาพเ่าั้ เขาเห็นเงารางๆ ของคนสามคน พ่อ แม่ และน้องสาว ทุกคนดูอบอุ่นและใกล้ชิดกัน บรรยากาศของครอบครัวนั้นเต็มไปด้วยความรักและการดูแลซึ่งกันและกัน แตกต่างจากที่เขาคิดไว้ใน่ที่ความทรงจำของเขาขาดหาย แต่สิ่งที่เขาเห็น มันคือครอบครัวที่ดี ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความผูกพัน
จากภาพความทรงจำที่เลือนรางนั้น ข้อมูลสำคัญหนึ่งปรากฏชัดขึ้นในใจของเขา นามสกุลของเขาคือ "วัตสัน" สกุลที่เขาได้รับมาจากพ่อ เป็ข้อมูลที่กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในใจลึกๆ ของเขา ถึงแม้เขายังไม่รู้ชื่อจริงของตัวเอง แต่เพียงแค่การได้รู้ว่าสกุลของเขาคือวัตสันก็เป็จุดเริ่มต้นของแสงสว่างเสี้ยวเล็ก ที่คอยเติมเชื้อไฟในการค้นหาตัวตนที่ขาดหายต่อไป
เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียง คิ้วขมวดเล็กน้อย พยายามขุดคุ้ยความทรงจำที่ยังซ่อนเร้น หวังจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยิ่งพยายามนึกเท่าไร สิ่งที่เหลืออยู่ก็ยังคงเป็เพียงความว่างเปล่า เรากับว่ามันไม่เคยมี
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาถอนหายใจยาว 'ไม่ไหว ไม่มีประโยชน์เลย บางทีความทรงจำที่เหลืออาจจะกลับมาเมื่อถึงเวลาเอง หรือจะกลับมาเมื่อยกระดับตัวตนครั้งถัดไป'
"วัตสัน..." ชาร์ลส์พึมพำเบาๆ ราวกับ้าทดลองให้คำนี้ออกมาจากปากตัวเอง เมื่อเสียงนั้นหลุดออกมา ความรู้สึกบางอย่างเหมือนกดดันอยู่ในใจของเขาก็เบาบางลงเล็กน้อย
"เป็ยังไงบ้าง?"
ชาร์ลส์สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันไปมองยังต้นเสียง เห็นร่างของ โจเซฟ เพื่อนรักที่ยืนพิงประตูอยู่ในท่วงท่าผ่อนคลาย แต่แววตาของเขายังคงแฝงความกังวล
โจเซฟเดินเข้ามาใกล้ มองสำรวจใบหน้าและท่าทางของชาร์ลส์ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"นายสบายดีหรือเปล่า? หลังจากยกระดับตัวตน รู้สึกแปลกหรือมีอะไรผิดปกติไหม?"
ชาร์ลส์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง รวบรวมสติแล้วพิจารณาร่างกายและความคิดของตัวเองอีกครั้ง แม้จะมีความรู้สึกแปลกใหม่จากพลังที่เพิ่งได้รับ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเ็ปหรือพบความผิดปกติใดๆ
"ฉันคิดว่าฉันสบายดี..." เขาตอบช้าๆ ก่อนขยับลุกจากเตียง ยืดร่างกายเล็กน้อยเพื่อคลายความเมื่อยล้า "ทุกอย่างดูเหมือนจะ... ควบคุมได้"
โจเซฟมองเขาอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ อย่างพอใจ "ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรผิดปกติ บอกฉันทันที อย่าพยายามเก็บไว้คนเดียว เข้าใจไหม?"
ชาร์ลส์ยิ้มมุมปากน้อยๆ แววตาแฝงความรู้สึกขอบคุณ "เข้าใจแล้ว"
โจเซฟเดินไปหยิบเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะ ก่อนยกมานั่งลงตรงข้ามชาร์ลส์ เอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย แต่แววตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เขาอย่างจริงจัง
"หลังจากผ่านการยกระดับตัวตน จากนี้นายจะอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยพิเศษอย่างเข้มงวด"
ชาร์ลส์นิ่งฟัง ไม่แปลกใจนัก เขาเข้าใจดีว่าการเป็ผู้ยกระดับตัวตนมันอันตรายแค่ไหนต่อคนธรรมดา
"การกระทำบางอย่างของนายอาจถูกจำกัด" โจเซฟกล่าวต่อ "เพื่อป้องคนธรรมดาไม่ให้ได้รับผลกระทบ"
ชาร์ลส์พยักหน้าเบาๆ ยอมรับข้อจำกัดโดยไม่แสดงอาการขัดข้อง
โจเซฟมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามอย่างตรงไปตรงมา "แล้วนาย... เสียใจไหมที่เลือกยกระดับตัวตน?"
ชาร์ลส์ชะงักไปชั่วขณะ สายตาของเขาล่องลอยขณะนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ั้แ่ดื่มยาสีน้ำเงินเข้ม ความทรงจำที่หายไปบางส่วน ผุดขึ้นมาในหัว ทั้งภาพของครอบครัวที่อบอุ่น และความรู้สึกที่ตัวเขาควรจะได้มีมาตลอด แต่ถูกปกปิดไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง
เขาหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่ายหน้า "ไม่... ฉันไม่เสียใจเลย"
'มันคุ้มค่า' ชาร์ลส์คิดในใจ 'ถ้าฉันไม่เลือกที่จะยกระดับตัวตน ความทรงจำเหล่านี้ก็คงไม่กลับมา ฉันคงยังจมอยู่กับความไม่รู้ต่อไป และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนของฉันคือใคร'
เมื่อโจเซฟเห็นสายตาที่แน่วแน่ของชาร์ลส์ เขาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจ
"ดี" โจเซฟกล่าว "งั้นข้อมูลที่เหลือของการเป็ผู้ยกระดับตัวตน ฉันจะเป็คนสอนนายเอง"
"อีกอย่าง อาเอ็ดเวิร์ดฝากบอกด้วยว่า ถ้านายพร้อมแล้ว นายก็สามารถเริ่มปฏิบัติงานต่อได้เลย" โจเซฟเอ่ยพร้อมมองสำรวจสีหน้าของเพื่อนรัก
ชาร์ลส์พยักหน้าโดยไม่ลังเล "ฉันเข้าใจแล้ว"
"งั้นเราไปเริ่มกันเลย"
โจเซฟเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "การยกระดับตัวตนแบ่งออกเป็สามลำดับหลัก และในแต่ละลำดับก็แบ่งย่อยเป็สามขั้น..."
แต่ก่อนที่โจเซฟจะเล่ารายละเอียดต่อ ชาร์ลส์ก็ยกมือขึ้น ขัดจังหวะเพื่อนของเขา
"เื่นี้ฉันรู้แล้ว หัวหน้าเอ็ดเวิร์ดอธิบายให้ฟังหมดแล้ว" ชาร์ลส์พูดอย่างมั่นใจ
โจเซฟเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสนใจ "งั้นเหรอ? นายรู้ถึงขนาดไหนแล้วล่ะ?"
ชาร์ลส์จึงเริ่มเล่ารายละเอียดที่เอ็ดเวิร์ดเคยบอกกับเขา
"สามลำดับหลักคือ 'เหนืุ์ เหนือธรรมชาติ' และ 'มหาชีวิต' ซึ่งในแต่ละลำดับจะมีสาม…"
เขาอธิบายทุกอย่างจนหมด เมื่อชาร์ลส์เล่าจบ โจเซฟพยักหน้าเบาๆ สีหน้าสงบนิ่ง "ดีมาก นายเข้าใจโครงสร้างได้ดีทีเดียว"
"ต่อจากนี้ฉันจะอธิบายสิ่งที่นายยังไม่รู้เอง"
โจเซฟมองดูชาร์ลส์ที่ฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงเริ่มอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับการ ยกระดับตัวตนในแต่ละลำดับและขั้นตอน
"ต่อไปนี้จะเป็การอธิบายของการยกลำดับไปสู่ขั้นถัดไป การก้าวขึ้นไปในระดับถัดไปไม่ใช่เื่ง่าย" โจเซฟกล่าว
"มันเกี่ยวข้องกับการเชี่ยวชาญในพลังที่นายมี และยังต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนในการดูดซับพลังจากิญญาอื่น"
"ลำดับเหนืุ์ ในลำดับนี้ผู้ใช้ต้องหาและดูดซับพลังจากิญญาจากผู้ใช้พลังประเภทเดียวกัน"
"และต้องมีความสามารถเฉพาะที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดจะอยู่ในขอบเขตพลังเดียวกัน เช่น นายเป็ผู้ปั่นประสาท นายจะต้องค้นหาผู้ที่มีพลังผู้ปั่นประสาทเหมือนกัน แต่มีความสามารถที่แตกต่างออกไป เช่น คนมีความสามารถในการควบคุมความฝัน หรือคนมีความสามารถสื่อสารผ่านความคิด"
เขาพูดต่ออย่างช้าๆ "เมื่อดูดซับครบ นายจะได้รับความสามารถทั้งหมดของลำดับเหนืุ์ ในพลังของผู้ปั่นประสาท และนี่คือเงื่อนไขในการก้าวขึ้นสู่ลำดับถัดไป"
โจเซฟหยุดเพื่อให้ชาร์ลส์ได้ซึมซับข้อมูล
"จงอย่าลืมว่า..." เขาเตือน "แต่ละครั้งหลังจากนายยกลำดับตัวตน จะต้องกลืนกินพลังในตัวเพื่อที่จะรับมาให้เป็ของตนเองที่สมบูรณ์ ให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับพลังใหม่เหล่านี้ ไม่เช่นนั้นจะต้องคอยทนกับการถูกพลังกลืนกิน และถ้าหากฝืนยกลำดับโดยไม่กลืนกินพลังก่อนหน้านี้ให้สมบูรณ์ก่อน ร่างกายจะรับไม่ไหว ผลที่ออกมานายคงจะรู้ดี"
"ในเื่ของการกลืนกินพลังนั้น จะกลืนกินยังไงเดี๋ยวค่อยจะอธิบายอีกที"
"ส่วนวิธีการยกลำดับ ในลำดับเหนืุ์นั้น ทุกครั้งที่ยกระดับ นายจะต้องใช้ยาปรับสภาพเพื่อเตรียมร่างกายรับพลังใหม่"
"ห้ามใช้ยาชนิดเดียวกันซ้ำ เพราะร่างกายจะชินกับยาและมันจะไม่มีผลอีกต่อไป นายต้องหายาใหม่ที่เหมาะกับการยกระดับในครั้งนั้น"
"ต่อไปลำดับเหนือธรรมชาติ"
"เมื่อเข้าสู่ลำดับเหนือธรรมชาติ กระบวนการยกระดับจะต่างออกไปนิดหน่อย"
ชาร์ลส์ยังคงตั้งใจฟัง คราวนี้เขาไม่มีคำถามอะไรที่จะถามออกไป เขาฟังเพื่อนของตนเองสาธยายอย่างตั้งใจ เพราะในตอนนี้เขาเป็ผู้ยกระดับตัวตนแล้ว ข้อมูลทุกอย่างจึงสำคัญให้ปล่อยผ่านไปไม่ได้
โจเซฟยังคงกล่าวต่อ "การหาและดูดซับพลังจากิญญาที่มีพลังเหนือธรรมชาติแบบเดียวกันยังคงเดิม"
"แต่ในระดับนี้จะไม่ใช้น้ำยาปรับสภาพ แต่เป็การดัดแปลงิญญา นายจะต้องใช้พิธีกรรมเวทมนตร์หรือใช้อุปกรณ์พิเศษ เช่น วัตถุอาถรรพ์ หรือคาถาโบราณ เพื่อปรับสภาพิญญาของตัวนายเองให้ปรับตัวกับพลังใหม่ที่ได้รับ"
โจเซฟขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเตือน "ในกระบวนการนี้มีความเสี่ยงสูง และอันตรายกว่าการยกระดับของลำดับเหนือธรรมชาติมากนัก"
โจเซฟหยุดไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด "สำหรับลำดับมหาชีวิต..." เขาเอ่ยเบาๆ "ข้อมูลส่วนนี้ ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเงื่อนไขในการก้าวไปสู่ลำดับนั้นเป็อย่างไร"
โจเซฟจ้องมองไปที่ชาร์ลส์ "มีคำถามไหม?"
ชาร์ลส์ส่ายหน้า ต่อให้ตอนนี้มีคำถาม แต่เขาแน่ใจว่า่ต่อไปของการอธิบาย อาจไขข้อข้องใจนั้นเอง
"ต่อไป การกลืนกินและหลอมรวมพลัง สิ่งสำคัญที่นายต้องเข้าใจคือ การยกระดับตัวตนไม่ใช่แค่การรวบรวมพลังเท่านั้น แต่ต้องกลืนกินและหลอมรวมพลังเ่าั้เข้าเป็ส่วนหนึ่งของตัวนายเอง"
โจเซฟกล่าวต่อ "นั่นหมายความว่านายต้องฝึกฝนพลังที่ได้รับมา อย่างการใช้มันซ้ำๆ หรือคอยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพลังของตนเอง เพื่อให้ร่างกายและจิตใจปรับตัวเข้ากับมันได้"
"นอกจากการฝึกฝน ยังมีวิธีหนึ่งที่ทำให้ย่อยพลังได้เร็วขึ้น สำหรับพลังของนาย คุณอาฝากมาบอกว่า คือการ่ชิงสติสัมปชัญญะผู้อื่นผ่านการใช้พลัง ยิ่งเป็ผู้ยกระดับตัวตนแล้วยิ่งทำให้สามารถย่อยพลังได้เร็วขึ้น"
โจเซฟมองชาร์ลส์อย่างจริงจัง "แต่ต้องระวัง อย่าใช้พลังกับคนธรรมดาโดยไม่จำเป็ เพราะนั่นเป็การกระทำของผู้ยกระดับตัวตนนอกกฎหมาย และจะถูกไล่ล่าโดยหน่วยพิเศษเช่นเรา"
โจเซฟหยุดเล็กน้อย มองชาร์ลส์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
"สุดท้ายนี้ จำไว้เสมอว่าพลังของนายมีขีดจำกัด เช่นเดียวกับเรี่ยวแรงของร่างกาย หากฝืนใช้มากเกินไป ย่อมต้องมีผลข้างเคียงตามมา และแน่นอนว่าผลข้างเคียงนั้นก็คือการถูกพลังกลืนกิน ดังนั้น นายต้องรู้จักพักและใช้พลังอย่างรอบคอบ"
โจเซฟลุกขึ้นยืน ก่อนจะสรุปว่า "แต่สำหรับผลข้างเคียงของการถูกพลังกลืนกินนั้น ทางหน่วยพิเศษจะมียาระงับผลข้างเคียงให้แจกจ่ายทุกสองสัปดาห์ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากพลัง นายจะได้รับมันตามกำหนดเวลา"
เมื่อจบการอธิบาย โจเซฟมองชาร์ลส์อย่างจริงจัง "เข้าใจทั้งหมดไหม?"
ชาร์ลส์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะถามขึ้น
"แล้วถ้า... ถ้าฉันเริ่มถูกพลังกลืนกิน และไม่ได้รับยาระงับล่ะ ฉันควรจะทำยังไง?"
โจเซฟเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ในสถานการณ์นั้น สิ่งเดียวที่จะช่วยนายได้คือ 'ความเข้มแข็งของจิตใจ' นายต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวไว้เสมอ มันอาจจะเป็อะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง"
โจเซฟหยุดพักก่อนจะอธิบายต่อ "มันอาจเป็คุณธรรม ศีลธรรม หรืออะไรที่ดีงามที่นายยึดมั่น แต่บางคนก็ยึดเหนี่ยวกับความรู้สึกด้านลบ เช่น ความแค้น ความโกรธ หรือความปรารถนาอันรุนแรง"
โจเซฟสบตากับชาร์ลส์อย่างจริงจัง "สิ่งที่สำคัญคือ มันต้องเป็สิ่งที่แรงพอที่จะฝืนสัญชาตญาณที่พลังเรียกร้อง และทำให้นายมีสติอยู่กับตัว จนกว่าอาการจะหายไปเอง..."
ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว ก่อนจะถามขึ้น "แต่... ไม่ใช่ว่าถ้าฉันไม่ตอบสนองต่อความ้าของพลัง มันจะกลืนกินฉันไปหมดหรือ?"
โจเซฟถอนหายใจเล็กน้อย "นั่นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ นายไร้สติ ใน่ที่ถูกกระตุ้นให้เกิดความกระหาย ถ้านายปล่อยให้ตัวเองจมลงไปกับความกระหายนั้นโดยไม่มีสติ และตอบสนองความ้าพลังนั้นไม่ทัน และนั่นแหละที่มันจะกลืนกินจนในที่สุดนายจะไม่เหลือความเป็ตัวเอง"
โจเซฟหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "แต่ถ้าใน่นั้น นายพยายามประคองสติให้มั่นคง ไม่ปล่อยให้พลังครอบงำ นายจะสามารถผ่านมันไปได้ พลังนั้นจะสงบลง และนายจะยังเป็ตัวของตัวเองโดยไม่ถูกกลืนกิน"
ชาร์ลส์พยักหน้า แม้ข้อมูลจะมากมายและซับซ้อน
"ดี" โจเซฟกล่าวพลางพยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นชาร์ลส์ตอบรับด้วยท่าทีแน่วแน่
"อย่าลืมว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็กฎเหล็กที่นายต้องทำตาม ถ้านายละเมิดเมื่อไร มันไม่ใช่แค่อันตรายจากตัวนายเอง แต่ยังกลายเป็อันตรายต่อคนรอบข้างและสังคมมนุษย์ที่เราเฝ้าปกป้อง"
"ไปเถอะ ถึงเวลาทดสอบเื่สำคัญที่สุดแล้ว" เขากล่าวเบาๆ พร้อมกับผายมือไปที่ประตู
ชาร์ลส์มองไปทางประตู เข้าใจได้ทันที ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ขณะเขายืนอยู่หน้าประตูภายนอกห้อง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ทางเดินยาวที่ทอดยาวออกไป
ความเงียบเข้าครอบงำ ขณะที่ชาร์ลส์ยืนนิ่ง พยายามรวบรวมสติและความรู้สึกของตัวเอง
หวังว่าความกังวลที่เกาะกุมเขา กำลังจะได้รับการคลี่คลาย
เขาหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ปล่อยให้สติของเขาจดจ่อกับความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ รอให้... ภาพหลอน ที่เคยตามหลอกหลอนเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะรออีกนานเท่าไร ความเงียบก็ยังคงอยู่ ไม่มีเสียงกระซิบ ไม่มีภาพลวงตาที่คอยหลอกหลอนเขา
ชาร์ลส์ค่อยๆ ลืมตา และมองไปรอบตัว ทุกอย่างยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ รอแล้วรออีก แต่ไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้น
หัวใจของเขาค่อยๆ สงบลง 'การยกระดับตัวตนนี้... ได้ผลจริงๆ' ชาร์ลส์คิดในใจ เขารู้สึกได้ถึงความโล่งใจอย่างแท้จริงเป็ครั้งแรก
"ในที่สุด..." เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
การยกระดับตัวตนช่วยรักษาผลกระทบจาก การจ้องมองตัวตนลำดับมหาชีวิต ภาพหลอนเ่าั้ที่เคยตามรังควานเขา... หายไปแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้