หากเปรียบวันนี้กับเมื่อวานนี้ จิตใจของมู่อวิ๋นจิ่นสงบลงไม่น้อย ด้วยเข้าใจถึงวิธีการรวมลมปราณแล้ว ตลอดทั้งวันมู่อวิ๋นจิ่นสามารถที่จะควบคุมพลังลมปราณภายในร่างกายได้แล้ว
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” อาจารย์เฟิงเสวียนแหงนหน้ามองท้องนภา
มู่อวิ๋นจิ่นถึงรู้ว่าเป็เวลาโพล้เพล้แล้ว จำต้องขอตัวลาอาจารย์เฟิงเสวียน
“เดี๋ยวก่อน” อาจารย์เฟิงเสวียนเรียกให้นางหยุด
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดเท้าลงหันหลังกลับไปมอง “มีอะไรอีกเหรอ?”
“เ้าแน่ใจว่าจะช่วยหรงเฟยจริงๆ ใช่ไหม?” อาจารย์เฟิงเสวียนเอ่ยด้วยความรู้สึกยากจะคาดเดา
“ท่านไม่อยากให้ศิษย์ช่วย?” มู่อวิ๋นจิ่นย้อนถามด้วยน้ำเสียงมีนัยยะ
อาจารย์เฟิงเสวียนถอนหายใจ ส่ายหน้าปฏิเสธ “หรงเฟยมิใช่สตรีธรรมดา หลายปีมานี้นางถูกจองจำอยู่ที่วัดสุ่ยอวิ๋น ไม่รู้ว่าฝึกฝนจิตใจไปถึงลำดับไหนแล้ว หากช่วยนางออกมา ใต้หล้าอาจวุ่นวายไปทั่ว”
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วด้วยความกังขา ย้อนคิดถึงตอนที่หรงเฟยให้นางรับ่ต่อตำหนักหวงอวี่ แม้ความตั้งใจจะมีนัยยะแฝงอยู่ แต่ไม่ถึงกับสร้างความหายนะกระมัง
ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มจางๆ “เดิมทีนางถูกใส่ร้ายจนต้องถูกจองจำ หากสามารถทำลายค่ายกลได้ ใต้หล้าจะวุ่นวายก็คงไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“เ้านี่เหลือเกิน… ช่างสุดโต่งเหลือเกิน” อาจารย์เฟิงเสวียนกระอักกระอ่วนใจ
“สุดโต่ง? ไม่รู้ท่านกำลังชื่นชมข้า หรือกำลังต่อว่าข้า?” มู่อวิ๋นจิ่นจ้องไปที่อาจารย์เฟิงเสวียนด้วยใบหน้าฉงน
อาจารย์เฟิงเสวียนยกมือขึ้นส่ายไปมา “ใครชมเ้ากัน รีบกลับไปเสียเถอะ อย่าอยู่ขวางหูขวางตาที่นี่”
“ได้!” มู่อวิ๋นจิ่นะโเสียงดังลั่น หันหลังกลับเดินต่อไป
“พระชายา” ติงเซี่ยนโค้งคำนับ
มู่อวิ๋นจิ่นนึกว่าคงมีเพียงติงเซี่ยนคนเดียว คิดไม่ถึงว่าเลยว่า พอะโขึ้นรถม้า หย่อนตัวลงนั่งตามความเคยชิน จู่ๆ ก็ร้องเสียงลั่น “ว๊าย!”
มู่อวิ๋นจิ่นที่ะโขึ้นไปนั่ง ร้องเสียงแหลมขึ้นมา ราวกับปรับไม่ทันว่าภายในมีคนนั่งอยู่ที่นาง เวลานี้ร่างของนางมิขาดควบคุมตัวเอง ในอ้อมกอดที่แแ่ได้
คนที่ดึงนางเข้ามาร้องเสียงเบาขึ้นมา ที่ถูกนางกระแทกจนเจ็บ จากนั้นเอ่ยเสียงที่เ็ากระซิบข้างหูนาง
“แค่ไม่กี่ชั่วยามที่ไม่ได้เห็นหน้าเปิ่นหวงจื่อ เ้าถึงกับดีใจมากเพียงนี้เชียว?”
มู่อวิ๋นจิ่นหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที รีบผลักตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอด รีบจัดผมเผ้าและอาภรณ์ให้เรียบร้อย “ใครใช้ให้เ้ามานั่งอยู่ในนี้ ข้านึกว่าข้างในไม่มีคน!”
เห็นนางทำหน้าทำตาขึงขัง ฉู่ลี่กลับหัวเราะชอบใจ ดึงนางนั่งลงด้านข้าง “วันนี้เรียนได้ก้าวหน้าไหม?”
“อืม ดีกว่าเมื่อวาน”
ก้าวหน้าหรือไม่นั้นภายในเวลาอันสั้นมิอาจตัดสินใจ แต่โดยรวมดีกว่าเมื่อวานนี้แน่นอน มู่อวิ๋นจิ่นแอบคิดอยู่ภายในใจเพียงผู้เดียว
“ใช่แล้ว ่นี้พวกเราต้องอาศัยอยู่ในเมืองเซินเย้าใช่หรือไม่?” มู่อวิ๋นจิ่นหันมอง
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปากเงียบเชียบไม่เอ่ยถึง เื่ชายชุดดำที่แอบมาลอบสังหารนางไม่สำเร็จให้ฉู่ลี่ฟัง
ตามนิสัยสันดานหยาบของฉู่ชิงเฉียงแล้ว จะต้องคิดหาวิธีส่งคนมาสังหารอีกแน่นอน
ดูท่าแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นต้องคิดหาวิธีรับมือบ้างเสียแล้ว
เมื่อกลับมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมลวี่อิน มู่อวิ๋นจิ่นเดินลงจากรถม้า ไม่ลืมเหล่ตาของไปที่หน้าร้านหอบุหลัน
ในตอนนี้ลี่เหนียงที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าร้าน หันมาสบตากับมู่อวิ๋นจิ่นเข้าอย่างจัง จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นส่งยิ้มท้าทายไปให้นาง
ลี่เหนียงโมโหในฉับพลัน กระทืบเท้าตึงตัง เดินเข้าไปในหอบุหลัน
มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปทานอาหารเย็นด้วยความเบิกบานใจยิ่ง ระหว่างที่จะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
“คุณหนู……” ฉู่ลี่แบกห่อผ้ามายืนหน้าโรงเตี๊ยมลวี่อิน
ทันทีที่เห็นเป็จื่อเซียง มู่อวิ๋นจิ่นถึงกลับแปลกใจอย่างมาก “เ้ามาได้ยังไง?”
“อัครเสนาบดีมู่ใช้ให้บ่าวมาตามหาคุณหนูเ้าค่ะ” จื่อเซียงกัดฟันพูด กวาดสายมองไปรอบตัว
มู่อวิ๋นจิ่นเข้าใจความหมายทันที รีบลากจื่อเซียงขึ้นไปที่ห้องทันใด
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้นหลังจากจื่อเซียงเข้ามาในห้อง
“ไม่กี่วันก่อน อดีตท่านแม่ทัพตระกูลฉินตั้งใจขอเข้าเฝ้าฝ่าา ยื่นฎีกาสอบสวนอัครเสนาบดีมู่หนึ่งฉบับ ใจความว่าอัครเสนาบดีมู่แอบสมคบคิดกับเหล่าขุนนาง มีใจไม่ซื่อตรง หลังจากนั้นฝ่าาเรียกขุนนางาุโเพียงไม่กี่คนเข้าเฝ้าส่วนพระองค์ ขุนนางเ่าั้ยอมรับว่าอัครเสนาบดีมู่ให้ข้อเสนอกับพวกเขา……”
“เื่นี้ฝ่าากริ้วหนักมาก รับสั่งให้อัครเสนาบดีมู่กักบริเวณทบทวนอยู่ที่จวน หลายวันมานี้ไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้าในท้องพระโรงเ้าค่ะ”
“ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่คุณชายใหญ่ยังโดนร่างแห หยุดหน้าที่ที่ได้รับเป็การชั่วคราว ถูกสั่งกักบริเวณที่จวน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้นเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังถึงกับตระหนกอยู่มิน้อย ถึงแม้ตระกูลฉินจะมีเล่ห์เหลี่ยมมาก แต่ถึงไม่ถึงว่าขั้นแรกก็เล่นงานคนในจวนอัครเสนาบดีมู่เป็อันดับแรก
“ตอนนี้ท่านพ่อเป็ยังไงบ้าง?” มู่อวิ๋นจิ่นถามขึ้น
“อัครเสนาบดีมู่แอบส่งคนมารายงานเื่นี้ที่จวนองค์ชายหก เพื่อให้มาบอกคุณหนูว่าท่านบริสุทธิ์ เหล่าขุนนางาุโพวกนั้นต่างหาก มาปดว่าคุ้นเคยไปมาหาสู่กันประจำ หลายวันมานี้ ฝ่าาสั่งให้สืบเื่นี้อยู่ หากเป็เื่จริง เกรงว่าทุกคนในจวนอัครเสนาบดีมู่ต้องจบลงทุกคนเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นกอดยก ฟังที่จื่อเซียงเล่ามาอย่างตั้งอกตั้งใจ แววตาหนักอึ้ง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ตระกูลฉินทำได้งามหน้าเหลือเกิน คิดว่าจะทำอะไรที่อาณาจักรซีหยวนได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นสิท่า” มู่อวิ๋นจิ่นหยามเหยียด
แต่ไหนแต่ไรถ้าไม่มาทำร้ายก่อน ข้าก็จะไม่โต้ตอบ บัดนี้ตระกูลฉินมาเหยียบหัวนางเข้าแล้ว มีหรือที่คนอย่างมู่อวิ๋นจิ่นจะอดทนให้ย่ำยีต่อไป
“คุณหนู ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีเ้าคะ?” จื่อเซียงถามอย่างร้อนใจ
มู่อวิ๋นจิ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ “ขุนนางาุโเ่าั้ คงวางแผนเข้ากับตระกูลฉิน อย่างนั้นท่านพ่อจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง คงไม่ใช่เื่ง่ายเลย”
“ดูท่าแล้ว ต้องไปพบคนคนหนึ่งให้ช่วยเหลือแล้ว”
“ใครเ้าคะ?”
“ฉินไท่เฟย!”
……
มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากห้อง ไปเคาะประตูหน้าห้องฉู่ลี่สองสามที
“ข้าเอง” มู่อวิ๋นจิ่นแสดงตน
“เข้ามาได้”
มู่อวิ๋นจิ่นผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง ยิ้มมุมปากขึ้น “พอดีว่าจวนอัครเสนาบดีมู่เกิดเื่นิดหน่อย ข้าขอตัวกลับไปจัดการก่อนได้ไหม?”
“เื่อันใด?” ฉู่ลี่หรี่ตาลงถามด้วยความฉงน
มู่อวิ๋นจิ่นจึงเล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฉู่ลี่ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งยังเสริมขึ้นอีกประโยคว่า “ถึงแม้เ้ากับฉินมู่เยว่มีความสัมพันธ์แแ่ แต่เื่นี้เกี่ยวพันไปถึงชีวิตทุกคนในจวน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด! ”
“ใครบอกเ้าว่าเปิ่นหวงจื่อกับฉินมู่เยว่มีสัมพันธ์แแ่?” ฉู่ลี่ขมวดคิ้ว ด้วยไม่อค่ยพอใจในประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ย
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้น ทว่าไม่ได้ซักไซร้รายละเอียดอื่นอีก “พรุ่งนี้ข้าต้องกลับจวน เื่เรียนวิชากับอาจารย์เฟิงเสวียนขอพักไว้ก่อนได้ไหม?”
“ได้” ฉู่ลี่พยักหน้าตอบเสียงนิ่ง
พอเห็นฉู่ลี่อนุญาต มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกแปลกใจมิน้อย “เ้าอนุญาตจริงๆ หรือ?”
“เปิ่นหวงจื่ออนุญาตอาจไม่สำคัญ เท่ากับอาจารย์ของเ้าอนุญาตหรือไม่ต่างหาก” ฉู่ลี่เหล่ตามองนาง
มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับหุบยิ้มไปต่อไม่ถูก เลือกเดินกลับห้องไป
……
ในวันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นไปถึงเรือนมุงจากั้แ่เช้าตรู่
พอเปิดประตูเข้าไปคงเจออาจารย์เฟิงเสวียนนั่งทำสมาธิ แต่ด้านในกลับว่างเปล่า
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งรออยู่ข้างในเกือบหนึ่งชั่วยาม อาจารย์เฟิงเสวียนถึงกลับมา พร้อมกับสวมเสื้อผ้าชุดใหม่และรองเท้าคู่ใหม่ที่มู่อวิ๋นจิ่นเอามาฝากเมื่อวานนี้ ส่วนผมเผ้าที่รุงรังกลับสางจนดูเรียบร้อย
เมื่อก่อนรูปลักษณ์ภายนอกดูแทบไม่ได้ มาบัดนี้ ท่าทางจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่งแถวหน้าได้ปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
“โอ้โห นางหนูวันนี้มาแต่เช้าตรู่เลยหรือ?” อาจารย์เฟิงเสวียนพยักหน้าด้วยจิตใจเบิกบาน
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นวันนี้อาจารย์เฟิงเสวียนอารมณ์ดี จึงขอใช้โอกาสนี้เอ่ยขึ้นมา “เออ… ศิษย์มีเื่จะคุยกับท่าน”
“พูดมาได้เลย” อาจารย์เฟิงเสวียนเดินนำหน้าเข้าเรือนมุงจาก
“ศิษย์มีเื่ด่วน จำเป็ต้องกลับเมืองเตี๋ยฮวา……”
“ไม่อนุญาต” อาจารย์เฟิงเสวียนปฏิเสธทันที
มู่อวิ๋นจิ่นถลึงตาโต เอ่ยวาจาด้วยความโมโห “ทำไมไม่อนุญาต?”
“ไม่ใช่ชอบคนที่ทำอะไรแล้วล้มเลิกกลางคัน บอกว่าไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต!” อาจารย์เฟิงเสวียนสะบัดหน้าไปอีกทาง
มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันเอ่ยขึ้น “นี่ๆๆ เป็เื่ความเป็ความตาย หากท่านไม่อนุญาตให้ศิษย์กลับไป เกรงว่าไม่กี่วันหลังจากนี้ ทหารคงมาจับข้าไปบั่นคอแล้ว!”
“บั่นคอเ้า?” อาจารย์เฟิงเสวียนขมวดคิ้ว
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว บั่นคอศิษย์คนนี้นี่แหละ!”
“ฮ่าๆๆๆ อย่างนั้นก็ดีเลย นางหนูที่ไม่เชื่อฟังอย่างเ้า ถูกบั่นคอเร็วๆ ก็ดี อาจารย์อย่างข้าจะได้ต้องเสียเวลาพร่ำสอน” อาจารย์เฟิงเสวียนหัวเราะท้องแข็งไปแล้ว
“ท่านสวมชุดใหม่ รองเท้าใหม่ที่ศิษย์ซื้อให้ พูดจาเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นะโใส่หน้าอาจารย์เฟิงเสวียน
พอได้ยินประโยคนี้ อาจารย์เฟิงเสวียนถึงกับหุบยิ้มทันที ปัดฝุ่นที่ติดเสื้อผ้า “ในเมื่อเ้าพูดเช่นนี้ ฟังดูก็มีเหตุผลอยู่บ้าง”
“ศิษย์ไม่ได้ล้อเล่นกับท่าน ศิษย์จำเป็ต้องกลับไป” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นอย่างขึงขัง
อาจารย์เฟิงเสวียนได้ฟัง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อย่างนั้นข้าไปเมืองเตี๋ยฮวากับเ้า การฝึกวิชาภายในครึ่งเดือนมิอาจหยุดลงได้!”
“เออ… ก็ได้” ในที่สุดมู่อวิ๋นจิ่นก็รับปาก
……
ระหว่างเดินทางกลับโรงเตี๊ยมลวี่อิน ภายในรถม้ามีเสียงถกเถียงไม่หยุดของมู่อวิ๋นจิ่นและอาจารย์เฟิงเสวียน ด้านฉู่ลี่ที่นั่งอยู่ด้วยเอาแต่หลับตาฟัง โดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว
“ที่แท้เป็ตระกูลฉินนี่เอง ที่สร้างเื่เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย!” อาจารย์เฟิงเสวียนเอ่ยขึ้น หลังฟังมู่อวิ๋นจิ่นเล่าให้ฟังโดยละเอียด
“ท่านก็ดูถูกคนตระกูลฉินเหมือนกัน?” มู่อวิ๋นจิ่นฉงนใจ
อาจารย์เฟิงเสวียนตอบเพียงว่า “ข้าไม่ได้ดูถูกคนตระกูลฉิน แต่ดูถูกอาจารย์ชิวเย่ที่คอยเสี้ยมสอนต่างหาก”
“ห๊ะ? พวกท่านเป็จอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สูงหนึ่งในสามไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเอ่ยถึงอาจารย์ชิวเย่ มู่อวิ๋นจิ่นยิ่งกระหายใคร่รู้ขึ้นเป็กอง
“ไอ้แก่นั่นไม่สมควรอยู่หนึ่งในสาม!” อาจารย์เฟิงเสวียนสบถออกมา “อย่าคิดว่าหลายปีมานี้จะไม่มีใครรู้ว่า สมัยก่อนชิวเย่ถูกคนทั้งใต้หล้า รังเกียจเดียดฉันท์มากแค่ไหน!”
มู่อวิ๋นจิ่นเบิกโพลงเป็ประกาย “มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ?”
“นางหนูนี่นะ อยากรู้อยากเห็นมากไปทำไมกัน เอาเวลาไปจัดการเื่เร่งด่วนของเ้าก่อนเถอะ!”