เมื่อคืนนี้นางฝันประหลาดนัก...
แม่ทัพเจี้ยนหยู่สวมชุดสีขาวบางทับกันสองชั้น ยืนอยู่บริเวณปลายเตียง จ้องมองนางด้วยั์ตาสีชาด เขาผายมือขวาออกแล้วเสกเปลวไฟสีน้ำเงิน
เปลวไฟนั้นราวจะแผดเผาหัวใจนาง ทว่านางมิเคยหวาดหวั่นกับเปลวไฟอันสวยงาม นางชอบเล่นกับไฟ! ในอีกครู่หนึ่ง เปลวไฟอุ่นห้อมล้อมกายนาง พลันกระโจนกายเข้าหาบุรุษร่างสูงกำยำด้วยใจคะนึงหา
อ้อมกอดแข็งแรงให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย นางกอดเอวใต้เท้าแแ่ ปลายจมูกรับรู้กลิ่นหอมฉุนของปีศาจ เหมือนน้ำหอมกลิ่นแรงที่ทำให้สตรีมัวเมา กระนั้นยังให้ความรู้สึกลึกลับน่าหลงใหล
‘เยว่ฉี จำได้ไหมว่าข้าเป็ใคร? ข้าเป็อะไรกับเ้า’
เหม่ยฉีไม่คิดตอบคำถามเื่ความสัมพันธ์ นางปิดตาลงสูดดมกลิ่นกรุ่นจากเรือนผมนุ่มหอม เขาไม่เกล้าผมเรียบสนิทเหมือนตอนใส่ชุดเกราะไปออกรบ เรือนผมสีเงินพัวพันไปกับเรือนผมของนางประหนึ่งคู่รัก
แม่ทัพเจี้ยนหยู่ชะงักนิ่ง ก้มหน้าลงมองการกระทำอันอ่อนหวานของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในโลกมนุษย์ ผู้ซึ่งเขาจะยอมให้นางแตะเนื้อต้องตัว
เหม่ยฉีประหลาดใจอยู่เช่นกัน ไยเขาไม่ผลักไสไล่ส่งนางด้วยคำอ้างเื่ชาติกำเนิด บัดนี้เขาจูบซอกคอนางอย่างนิ่มนวลบริเวณาแ นางรู้สึกลำคอร้อนผ่าวหิวกระหาย นางปรารถนาในตัวเขายิ่งนัก ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายใต้แสงจันทรา
“ใต้เท้าของข้าแสนงดงามดั่งจันทราที่น่าหลงใหล คืนนี้... ขอให้ข้าได้ใกล้ชิดท่าน ได้โปรดเถิด”
ชายหญิงอยู่ลำพังในหอนอน ดวงตาสบประสานใต้สายลมอวลอ่อน บรรยากาศเช่นนี้ช่างยากเกินจะหักห้ามใจ นางก็แค่อยากจะใกล้ชิดท่านแม่ทัพ
บุรุษร่างกำยำเงยหน้าขึ้นจากลำคอเพรียวระหง นางยังคงจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่ละวาง
แม่ทัพเจี้ยนหยู่รูปงามเกินคำบรรยายของนักเขียน ทั้งคิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาเรียวรี ปลายจมูกโด่งเป็สันคม เชิดรั้นเข้ากับใบหน้าคมคาย หากยังคงแอบแฝงความอ่อนหวานไว้บนริมฝีปากหนาหยักได้รูป อมแดงอมชมพูประหนึ่งอิสตรี เขาทั้งหล่อเหลาและสง่างาม เขาคงมีใบหน้าละม้ายคล้ายมารดาเป็แน่แท้ นางยกมือขึ้นวางบนแก้มเย็นเฉียบ เขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจะััริมฝีปากคู่นั้น
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากนิทรา ลืมตามองเพดานขาวสะอาด ถอนหายใจอย่างเสียอกเสียดาย...
‘นิมิตปีศาจหรือ?’
‘แม่ทัพเจี้ยนมาหาข้า?’
ในนิยายกล่าวว่าพวกอสรพิษเดิมทีเป็ปีศาจตระกูลไฟ หากไม่นับอสรพิษแห่งเหมันต์ เื่ราคะตัณหาจึงไม่น้อยไปกว่าปีศาจอสูรตนไหน พวกเขาอาจสร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อสนองความ้าส่วนตน ในขณะที่แม่ทัพเจี้ยนหยู่ไม่ได้ทำอะไรนางนอกจากรักษาาแด้วยพลังปีศาจ
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวแรง นางเอามือลูบาแที่คอเพื่อให้แน่ใจว่านางได้รับการรักษา ได้อยู่ในอ้อมกอดท่านแม่ทัพใหญ่ แม้เป็เพียงนิมิตฝัน เขาจำเป็ต้องเข้าใกล้นางและได้รับความร่วมมือจากนาง แต่นางพึ่งวาดฝ่ามือผ่านเอวสอบ ลูบไล้เรือนผมสีเงินซึ่งไม่มีสตรีคนไหนกล้าหาญแตะต้อง ใครก็รู้ว่าแม่ทัพเจี้ยนหยู่เป็พวกหวงเนื้อตัวเอามาก ๆ
ไม่แน่ว่าเขาอาจมีใจให้นางอยู่บ้าง
ใบหน้างามระบายยิ้ม บ่าวรับใช้นำอ่างล้างหน้าเข้ามา ต่างคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้ยามค่ำคืน เอ่ยว่าหอมนัก สาวใช้อีกสองคนหัวเราะชอบใจ ไม่รู้ว่ามีเื่อะไรทำให้คุณหนูรองอารมณ์ดีแต่เช้า
“วันนี้ข้าจะไปเดินตลาด พวกเ้าไปเตรียมรถม้า ตามบ่าวชายมาถือของให้ข้าด้วย” พูดจบ นางลุกขึ้นไปแต่งตัวโดยมีสาวใช้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ค่อยรวบรวมยาใส่ตะกร้า หยิบถุงเงินสีทองที่ได้คืนมาจากแม่ทัพเจี้ยนหยู่เหน็บไว้ใต้ผ้าคาดเอว
นางมีเื่สำคัญต้องทำ!
ในนิยายมีข้อความเกี่ยวกับมารดายากจนจะไปขอสมุนไพรในตัวเมือง บุตรชายอายุประมาณห้าขวบร่ำไห้ ขอยาแก้ไขขอกระดูกเสื่อมให้มารดาและยาลดไข้สำหรับเด็กในวันที่เ้าของร้านนำเงินไปซื้อของเสียหมด เป็เหตุให้ผู้เฒ่าร้านยาไม่สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้ ไม่นานทั้งสองก็เสียชีวิตลง
พวกเขาเป็บุคคลสำคัญของต้าเหลียงในภายภาคหน้า นางอาจเปลี่ยนแปลงเนื้อเื่ให้เป็ไปในทางที่นาง้า จะปล่อยให้ตายเปล่าไม่ได้เป็อันขาด
“เร็วสิ ชักช้าอยู่ไย!” นางหันไปตะคอกสาวใช้ให้รีบวิ่งแจ้นไปจากห้องนอน
บ่าวชายมาพบนางในยามซื่อ[1] ได้เื่ว่าพวกเขาจัดแจงรถม้าเพื่อเดินทางไปตลาดไม่ไกล เพราะหากเดินทางข้ามแคว้นไปไกลกว่านั้น เกรงว่าจะกลับมาไม่ทันท่านหมอหลวง
พ่อค้าแม่ค้ามองเห็นคุณหนูตระกูลหยางั้แ่หน้าตลาดแล้ว รถม้าของนางหรูหรากว่าคุณหนูคนไหนในเรือนหมอหลวง เหนือเกี้ยวมีตรา ‘หยาง’ สัญลักษณ์สกุลแพทย์หลวง
ร่างอ้อนแอ้นอรชรสวมอาภรณ์งามสง่าสีชาด เกล้าผมปักปิ่นทองคำ ถือพัดกลมอย่างสตรีชนชั้นสูง
เหม่ยฉีลอบยิ้มอยู่ใต้พัด นางตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวตลาดโบราณ แถมภาคภูมิในบรรดาศักดิ์ นางได้เป็คุณหนูจริง ๆ แล้ว! นางส่ายหน้ามองไปทั่วทั้งสองฝั่งทางเดิน เต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ก่อนเร่งฝีเท้าไปจนถึงร้านสมุนไพร ด้านหน้ามีประตูไม้บานใหญ่ ภายในร้านเก่าแก่ลักษณะเป็พื้นไม้เรียงเป็แถวคนยืนประมาณห้าคนได้
“คุณหนูเยว่ฉีมาซื้อยาขอรับผู้เฒ่า”
“เชิญเข้ามาก่อนเถิดขอรับ คุณหนูเยว่”
ทั้งนายบ่าวท่าทางดีใจเมื่อพบลูกค้าคนสำคัญ ตระกูลหยางมาซื้อสมุนไพรจากร้านผู้เฒ่าอี้หรานเป็ประจำ บ่าวคนหนึ่งเข้ามานำทาง อีกคนดูว่านางมีของให้ช่วยถือหรือไม่ ผู้เฒ่าจับไม้เท้าค้ำยัน เดินเชื่องช้ามาให้การต้อนรับนางด้วยท่าทางดีใจ
“ท่านพ่อมาพบาุโอี้เมื่ออาทิตย์ก่อน คงเลือกซื้อสมุนไพรด้วยตนเองแล้ว เ้าอยากได้อะไรไหม? ซูหนี่ว์ ต่อไปนี้เ้าจดรายการยาจากบ่าวในเรือนมาด้วย ข้าจะซื้อยาให้พวกเ้าเป็กรณีพิเศษเป็คน ๆ ไป”
“เ้าค่ะคุณหนู ช่างแสนดีกับบ่าวเหลือเกิน”
“ขอบพระคุณเ้าค่ะคุณหนูรอง บ่าวไม่มีวันลืมบุญคุณ ซีซวนสาบานว่าจะติดตามคุณหนูไปตลอดชีวิต”
สาวใช้คนดียิ้มแฉ่ง ฝาแฝดอีกสองก็ประจบสอพลอ เมื่อผู้เฒ่าหยิบสมุนไพรจากลิ้นชักไม้ซ้อนกันเป็ชั้น ๆ ความสูงจรดเพดาน นำมาใส่ห่อแล้วจึงคิดราคายาตามจริง โดยมิได้มีส่วนลดมากนัก หากเป็ยาส่วนตัวซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับทางราชสำนัก ร่ำรวยระดับตระกูลหยางย่อมมีกำลังจ่าย พวกเขาไม่เคยยักยอกยาสมุนไพรจากส่วนกลางมาเป็ส่วนตน
ซีซวนจัดวางห่อยาใส่ลงในตะกร้าอย่างเป็ระเบียบ คุณหนูกำชับบ่าวว่าสมุนไพรชนิดใดอย่านำมาปะปนกัน แล้วจึงส่งถุงเงินสีทองใต้ผ้าคาดเอวให้กับาุโอี้หราน
“วันนี้ข้าตั้งใจมาซื้อสมุนไพรกลับเรือนนับร้อยตำลึงทอง าุโอี้ ข้ารบกวนท่าน โปรดเมตตาผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินซื้อยาราคาแพงด้วยเถิด”
“ร้านข้าช่วยเหลือผู้ยากไร้เท่าที่พอจะช่วยได้มาเสมอ ยาเหล่านี้ต้นทุนสูงมาก แต่จะว่าก็ว่าเถิด คุณหนูเยว่ฉี จิตใจงดงาม ขอ์อวยพรท่านและครอบครัว”
เหม่ยฉีรับคำเยินยอ แม้อีกฝ่ายไม่ยอมตอบรับนางเื่เงิน ๆ ทอง ๆ นางกำชับาุโหน้าตาเคร่งเครียด “ได้โปรดมอบสมุนไพรให้แก่มารดาเลี้ยงเดี่ยวที่มีบุตรชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มด้วย พวกเขาจะมาขอยาละแวกนี้ ตัวข้าหวังจะได้บุญกุศลครั้งใหญ่ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ค่ายานี้ข้าจะให้เพิ่มอีกร้อยตำลึง”
“ไม่เป็ไร ๆ ว่าแต่คุณหนูเยว่รู้จักพวกเขาหรือ?”
“บังเอิญข้านั่งรถม้าผ่านทางมา เห็นแม่ลูกคู่หนึ่งก็นึกเวทนา น่าเสียดายที่ข้าไม่ทันได้ซื้อยาให้เด็กน้อย พวกเขาหายตัวไปเสียก่อน แถวนี้มีร้านยาไม่กี่แห่ง ทั้งสองน่าจะมาขอยาร้านท่าน”
“ไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวข้าจัดการให้ ข้าจะอบหมั่นโถวร้อน ๆ ให้พวกเขากินด้วย คุณหนูไม่ต้องกังวล”
ผู้เฒ่าอี้หรานรับคำเสียดิบดีหลังรับเงินไปอีกถุง หญิงสาวที่อายุน้อยกว่ายกมือประสาน โขกศีรษะ “เช่นนั้นข้าลา”
ได้ยินคำอวยพร ‘เดินทางปลอดภัย’ คุณหนูจากไปพร้อมยาตะกร้าใหญ่ บ่าวชายนำยาราคาแพงไปเก็บในรถม้า บ่าวหญิงถือห่อยาที่เหลืออย่างระมัดระวัง
“คุณหนูเยว่ฉีงดงามทั้งกายใจ งามราวนางฟ้านาง์ทีเดียวเ้าค่ะ”
“ก็เ้ารู้ไหมเล่าซิงอี พ่อค้าแม่ค้าพูดกันว่าเกี้ยวของบุตรีแพทย์หลวงมาถึงด้านหลังตลาดเมื่อไร ให้เตรียมของสวยงามไว้รอรับเงิน คุณหนูเยว่ไม่เคยต่อราคาด้วย...”
สาวใช้ทั้งสามเยินยอคุณหนูไม่ขาดปาก ด้วยท่าทางจงรักภักดี สองพี่น้องซีซวน ซิงอี เฝ้าชื่นชมคุณหนูรองคนใหม่ของพวกนาง คุณหนูดูแลทุกข์สุขของบ่าวในเรือนเป็อย่างดี ยังนึกถึงบิดาที่เดินทางไปราชสำนัก
“ข้าจะซื้อผ้าขนสัตว์อย่างดีให้ท่านพ่อ อีกสิบผืนให้บ่าวรับใช้ ซื้อผ้าแพรให้พวกเ้า ชุดกันหนาวให้บิดามารดาของเ้า เพื่อเป็การขอโทษเ้า ในอดีตข้าทำตัวไม่ดีนัก” นางหันไปบอกซูหนี่ว์ ก้าวไว ๆ ไปเลือกผ้าแพรต่วนในร้านค้าถัดจากร้านสมุนไพรผู้เฒ่าอี้หราน “ร้อยวันพันปีพวกเ้าหรือจะได้ผ้าแพรสักผืนจากข้า” นางเชิดหน้าแล้วก็ยิ้ม ลูบศีรษะทั้งสามอย่างเอ็นดู
ถึงแม้ว่าคุณหนูจะตบหัวแล้วลูบหลัง บ่าวรับใช้หลั่งน้ำตาอย่างปลื้มปีติ ไม่รู้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนดลบันดาลให้คุณหนูรองใจดีกับพวกนาง
“ขอบคุณเ้าค่ะคุณหนู พวกข้าซาบซึ้งใจนัก”
“ในเมื่อเ้าทั้งสามคนเป็เด็กดีมาโดยตลอด วันนี้อยากได้อะไร พวกเ้านำทางข้าไปซื้อของของเ้า”
“ซูหนี่ว์ไม่อยากได้อะไรเ้าค่ะ ข้าจะคอยช่วยคุณหนูถือของ รับใช้คุณหนูรอง”
“ข้าก็ด้วย!”
“งั้นเ้าไปซื้อหมั่นโถวนะซิงอี นำไปให้ทหารรูปงาม พวกที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ตามเสาบ้าน ตามหลังพุ่มไม้ในบ้านของข้าน่ะ บนหลังคาด้วย...” ปลายนิ้วเรียวชี้ไปเหนือศีรษะฝั่งตรงกันข้ามร้านผ้า บนถนนในอีกฝั่งหนึ่ง ทหารหนุ่มเบิกตากว้างมองสตรีทั้งสาม ทำตาเขียวใส่พวกเขา
[1] (巳:sì) 09.00 – 11.00 น.
