พวกหลงอวี้ใช้เวลาสองวันในการควบม้าวิ่งตะบึงกลับถึงลัทธิ
เมื่อถึงหน้าหุบเขาสบฟ้าแล้วก็ได้ลงจากม้ามา
หลิงอีเยว่ดีดตัวลงจากม้าสีหิมะ จากนั้นก็วิ่งไปด้วยเขินอายทันที ทำให้หลงอวี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เขาลงจากหลังม้ามาเช่นกัน พอมองดูม้าสีขาวดุจหิมะตนนี้แล้วก็ทำให้เขานึกถึงเส้นผมสีขาวดุจหิมะและรูปร่างที่สมส่วนงดงามของหลิ่วยวน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี
หรือว่าที่หลิ่วยวนให้เขายืมม้า บางทีอาจ้าจะสื่ออะไรบางอย่างให้เขารับรู้หรือเปล่า แต่หลงอวี้ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
เวลาแบบนี้อย่าคิดอะไรมากจะดีกว่า เดี๋ยวจะถูกหาว่าไม่เจียมตัวเสียเปล่าๆ!
ม้าสีขาวตนนี้ไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ที่หุบเขาสยบฟ้าต่อไป มันหันหลังออกวิ่งทันที เห็นได้ชัดว่ามุ่งหน้ากลับไปหาหลิ่วยวนแล้ว
“รีบไปขอยารักษากับผู้เฒ่าขาวเถิด ผ่านไปสองวันแล้วแต่ศิษย์พี่หลู่ก็ยังไม่ได้สติเช่นนี้ เกรงว่าคงจะาเ็ไม่เบาเลย”
หลงอวี้เดินตามหลิงหานไปพร้อมกับเอ่ยพูดขึ้น
“อืม สหายหลง เ้าดูจะรู้จักกับผู้เฒ่าขาวดี เื่นี้ข้าขอฝากให้เ้าจัดการก็แล้วกัน”
หลิงหายพูดอย่างจริงจัง
“ข้าจะพยายาม”
หลงอวี้ตอบกลับ ต่อให้เป็เขา ก็ไม่แน่ใจว่าจะขอยารักษาจากผู้เฒ่าขาวได้
ถึงอย่างไรเขาก็เป็เพียงผู้เยาว์เท่านั้น แม้ผู้เฒ่าขาวจะชื่นชมและเอ็นดูเขามาก แต่ชื่นชมก็ส่วนชื่นชม จะให้ยารักษาเพื่อช่วยสหายของเขาหรือเปล่าก็อีกเื่หนึ่ง!
หลิงหานและหลิงอีเยว่ยืนมองหลงอวี้พาหลู่กวนิที่หมดสติเดินขึ้นไปบนยอดเขาของหุบเขาสยบฟ้าที่ปากทางเข้า
“น้องสาว เ้าคิดว่าสหายหลงเป็อย่างไรบ้าง? ตอนอยู่บนหลังม้า่สองวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำอะไรเ้าใช่ไหม?”
หลิงหานเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ไหว
“นี่พี่คิดอะไรของพี่เนี่ย?”
หลิงอีเยว่จ้องเขม็งมาทางเขาอย่างหงุดหงิด
“ข้าเป็น้องสาวพี่นะ พี่ชายที่ไหนเขาส่งให้น้องสาวตัวเองไปอยู่ในอ้อมอกผู้อื่นเหมือนพี่กัน?”
“สหายหลงไม่ใช่ผู้อื่นเสียหน่อย ข้ายังอยากให้เขามาเป็น้องเขยข้าเลยด้วยซ้ำ”
หลิงหานตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่!”
หลิงอีเยว่โมโหจนกำหมัดแน่น ใบหน้าเล็กๆ ของนางกลายเป็สีแดง ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปดี สุดท้ายจึงทำได้แค่หันหลังแล้วเดินไป
“นี่ นี่ อีเยว่ ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับเ้านะ! เ้าไม่เห็นหลิ่วยวนแห่งหอโฉมสะคราญนั่นหรือ ถึงกับยอมยกม้ารักให้สหายหลงยืมเลยนะ หากเราไม่เป็ฝ่ายเข้าหา สหายหลงอาจจะถูกคนอื่นแย่งไปได้นะ!”
หลิงหานรีบไล่ตามไปอธิบายเหตุผลให้หลิงอีเยว่ฟัง
“มีแค่พี่คนเดียวที่กลัวเขาถูกแย่งไปไม่ใช่หรือ? ถ้าพี่อยากอยู่กับเขามากนัก พี่ก็ไปหาเองสิ!”
หลิงอีเยว่พูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงไม่ยอมหันกลับมามอง
หลิงหานได้ยินเช่นนั้นก็เซถลาจนลงไปคุกเข่าให้กับน้องสาวตัวเองทันที...
......
ไม่นานหลงอวี้ก็พาหลู่กวนิขึ้นไปถึงบนยอดเขา
ทั้งผู้เฒ่าขาวและผู้เฒ่าดำต่างก็นั่งเล่นหมากกัน แม้จะััได้ว่าหลงอวี้กำลังเดินขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้หันไปมองเขาเลย
มีเพียงสาวน้อยน่ารักในชุดสีน้ำเงินเลี่ยวเล่อเล่อเท่านั้นที่เข้ามาหาด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย
“หลงอวี้ นี่คือโอสถที่ท่านอาจารย์สั่งให้ข้านำมามอบให้เ้า สามารถใช้รักษาาแของศิษย์พี่ผู้นี้ได้”
พอพูดจบ เลี่ยวเล่อเล่อก็โยนขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งมาให้หลงอวี้
เมื่อหลงวี้รับขวดมาแล้วก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
“ขอบพระคุณผู้เฒ่าขาว”
“อาจารย์บอกไว้แล้วว่าเ้าไม่ต้องขอบคุณเขา บุญคุณครั้งนี้ เขาจะไปทวงจากผู้าุโอวี้เอง”
เลี่ยวเล่อเล่อพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
“....”
หลงอวี้คิดในใจ ที่แท้ผู้เฒ่าเขาก็เห็นแก่หน้าของผู้าุโอวี้สุ่ยอวิ๋นนี่เองถึงได้ยอมมอบโอสถให้!
เขาเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
เลี่ยวเล่อเล่อก่อนหน้านี้มักจะมีท่าทางซุกซนอารมณ์ดีตลอดเวลา แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทางเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดี?
“เลี่ยวเล่อเล่อ เ้าเป็อะไรไปหรือ หรือว่าจะมีใครรังแกเ้า?”
หลงอวี้เอ่ยถามโดยความประหลาดใจ เลี่ยวเล่อเล่อฝึกฝนอยู่กับผู้เฒ่าขาวอยู่บนยอดหุบเขาสยบฟ้าตลอดเวลา ไม่น่าจะถูกใครมารังแกได้
“ไม่มีใครรังแกข้าหรอก”
เลี่ยวเล่อเล่อเบะปาก
“แต่มีใครบางคนที่พอออกเดินทางไปข้างนอกไม่ทันไรก็ไปหว่านเสน่ห์จนมีหญิงสาวมาติดพันเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่เบาเลยจริงๆ นะ”
หว่านเสน่ห์หรือ?
หลงอวี้ชะงักไป นี่นางกำลังพูดถึงเขาอยู่หรือ?
เ้าเลี่ยวเล่อเล่อนี่ หรือว่าจะหึงอยู่? แต่ว่า เขาไม่เคยไปหว่านเสน่ห์ให้ใครเสียหน่อย!
“ยังคิดจะทำเป็ไม่รู้เื่อีก?"
เลี่ยวเล่อเล่อเห็นสีหน้าของหลงอวี้แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“อาจารย์ข้าบอกว่า ม้าตัวที่เ้าขี่กลับมาตัวนั้นเป็สายพันธุ์ที่มีเฉพาะที่หอโฉมสะคราญเท่านั้น มันมีสติปัญญาไม่เบา ถึงขนาดสามารถฝึกฝนบำเพ็ญพลังและสร้างิญญาแท้ได้เลยทีเดียว และที่หอโฉมสะคราญก็มีเพียงสตรีเท่านั้น เ้าคงจะไปหว่านเสน่ห์สาวงามของหอโฉมสะคราญสักคนหนึ่งจนอีกฝ่ายยอมยกม้ารักให้เ้ายืมเลยสิท่า?”
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย
ม้าสีขาวหิมะของหลิ่วยวนตัวนั้นถึงกับมีสติปัญญาสูงส่งไม่เบา อีกทั้งยังสามารถฝึกฝนบำเพ็ญพลังและสร้างิญญาแท้ได้เลยหรือนี่!
ดูจากระดับพลังของซินเยว่หย่าที่สามารถสร้างิญญาแท้ขึ้นได้แล้ว แม้แต่ในบรรดาลูกศิษย์ระดับพิเศษของหอโฉมสะคราญเองก็ต้องอยู่ในอันดับต้นๆ เป็แน่ แต่กระทั่งซินเยว่หย่าก็ยังไม่มีม้าแบบนี้ใน เห็นได้ชัดเลยว่าม้าพันธุ์นี้มันจะต้องเป็สิ่งที่บุคคลระดับสำคัญมากๆ ของหอโฉมสะคราญเท่านั้นมีไว้ใน!
หลงอวี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในเื่ที่เลี่ยวเล่อเล่อพูดถึง เพราะเขาไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี อีกทั้งทำไมเขาต้องอธิบายด้วย?
“แต่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน เ้าถึงกับสร้างิญญาแท้ขึ้นได้แล้วหรือนี่ คนเรานี่ดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ ด้วยสินะ”
เลี่ยวเล่อเล่อเองก็ไม่ได้คิดจะดึงดันเอาคำตอบให้ได้ นางหันมาประเมินหลงอวี้แทน
“อืมอืม ร้ายกาจ ร้ายกาจ!”
ดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้?
หลงอวี้คิดในใจ หรือว่าข้าจะมีรูปลักษณ์ไม่เหมือนคนที่สามารถสร้างิญญาแท้ได้อย่างนั้นหรือ
เป็คำพูดชวนให้รู้สึกเสียใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยเรื่อยเปื่อยไร้สาระ
หลงอวี้ได้วางหลู่กวนิลงบนพื้น จากนั้นก็รับถ้วยน้ำที่เลี่ยวเล่อเส่อส่งมาให้ แล้วเปิดขวดขนาดเล็กที่เพิ่งได้รับมา นำเม็ดโอสถที่อยู่ในนั้นมาแล้วผสมเข้ากับน้ำก่อนจะกรอกเข้าปากของหลู่กวนิ
อาการาเ็ของหลู่กวนิเป็อาการาเ็ภายใน หากไม่ทานยารักษา อาการาเ็จะต้องสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ แน่
แต่หลังจากทานยาเข้าไป ขอเพียงรักษาตัวระยะหนึ่งก็ไม่เป็อะไรแล้ว
ต่อจากนั้นหลงอวี้ก็ได้กล่าวลากับเลี่ยวเล่อเล่อและผู้เฒ่าทั้งสอง ก่อนจะพาหลู่กวนิลงจากยอดหุบเขาสยบฟ้า
เขาจะพาหลู่กวนิไปหาอวี้สุ่ยอวิ๋น จากนั้นก็แวะไปหาประมุขไป๋อวิ๋นจงด้วย
เพราะในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับนั้น หลิงหานได้บอกว่า การที่มีลูกศิษย์สร้างิญญาแท้ได้ในลัทธิสยบฟ้านับเป็เื่ใหญ่ที่ควรยินดี
ดังนั้นทางลัทธิจะมอบยุทธภัณฑ์ขั้นสูงให้กับลูกศิษย์ที่ก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ได้เป็รางวัลหนึ่งชิ้น นอกจากนี้ทางลัทธิจะอนุญาตให้เข้าไปฝึกฝนในหุบเขาลัทธิได้เป็ระยะเวลาหนึ่งเดือน!
และที่สำคัญที่สุด จะได้รับแผ่นตราสถานะลูกศิษย์ระดับิญญาแท้สามารถใช้เข้าไปยังชั้นสองของหอผู้าุโเพื่อเลือกวิทยายุทธ์ระดับิญญามาฝึกฝนได้
ลูกศิษย์ระดับิญญาแท้ทุกคนล้วนเป็ดังสมบัติล้ำค่าสำหรับทั้งเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่แห่งอาณาจักรต้าถัง
ทรัพยากรสำหรับฝึกฝนของลัทธิ เกือบทั้งหมดนั้นล้วนใช้ไปกับลูกศิษย์ระดับิญญาแท้เหล่านี้ทั้งสิ้น
แน่นอนว่า นอกจากเื่เหล่านี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้รับการชี้แนะจากประมุขโดยตรงเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนหลังจากก้าวขึ้นสู่ขอบเขติญญาแท้แล้ว อย่างเช่นว่ามีเื่อะไรบ้างที่ต้องระมัดระวัง เป็ต้น
หลงอวี้ค่อนข้างจะสนใจเื่นี้อยู่เหมือนกัน ถึงอย่างไรวิธีการฝึกฝนก็ไม่ใช่เื่ง่ายอยู่แล้ว ได้เหล่าคนรุ่นก่อนจำนวนนับไม่ถ้วนคลำหาทางให้ก่อนจนได้เป็วิธีการฝึกที่ถูกต้องในท้ายที่สุด
ประสบการณ์ของผู้าุโจึงสำคัญเป็อย่างมาก!
ในตอนที่หลงอวี้กำลังส่งหลู่กวนิกลับไปหาอวี้สุ่ยอวิ๋นที่หอผู้าุโ ณ เขตพระราชฐานแห่งอาณาจักรต้าถังที่อยู่ห่างไกลออกไปพันลี้ก็ได้เกิดเื่ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหลงอวี้ขึ้นเื่หนึ่ง
หลิ่วิเฉิงแห่งตระกูลหลิ่วได้พาหวังเทียนจั๋วแห่งตระกูลหวังที่ถูกหลงอวี้ทำลายวรยุทธ์กลับมาถึงยังเขตพระราชฐานอย่างสะบักสะบอมแล้ว!
และด้วยการตายขององครักษ์ระดับิญญาแท้ของตระกูลหวังสองคนอย่างหลี่ว์เทากั๋วและลั่วเหลียงฟู่ ทำให้พ่อบ้านตระกูลหวัง กู่เฮ่อโป๋ มาไถ่ถามเื่นี้ด้วยตัวเอง!
กู่เฮ่อโป๋เป็ถึงคนใหญ่คนโตของตระกูลหวัง ไม่เหมือนกับหวังเทียนจั๋วกับหลิ่วิเฉิงที่เป็เพียงผู้เยาว์อายุน้อย
ทั่วทั้งตระกูลหวัง กู่เฮ่อโป๋ก็เป็คนหนึ่งที่ค่อนข้างจะมีสิทธิ์มีเสียงอยู่พอสมควร พูดได้ว่าหากกู๋เฮ่อโป๋พิโรธ แม้แต่ในทั่วทั้งเขตพระราชฐานก็ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว!
เห็นได้ชัดเลยว่าความแข็งแกร่งของกู่เฮ่อโป๋ผู้นี้ย่อมไม่ธรรมดา ผู้คนที่เขาข้องเกี่ยวด้วยก็ย่อมต้องทรงพลังกว่าหลิ่วิเฉิงหลายเท่า
เขาจึงออกคำสั่งให้สืบหาตัวตนของหลงอวี้อย่างละเอียดทันที ไม่เพียงแต่ส่งคนไปยังูเาตระกูลหลิง พอได้ฟังเื่จากหวังเทียนจั๋วแล้วเขายังส่งคนไปตรวจสอบที่เมืองอวี้กวนด้วย
และได้คำตอบอย่างรวดเร็ว
ป้าเทียนหลิงแห่งูเาตระกูลหลิงนั้น พอเห็นว่าเป็คนที่มาสืบข่าวเป็คนของ กู่เฮ่อโป๋ ก็ไม่กล้าพูดโกหกใดๆ เขารีบบอกทันทีว่าหลงอวี้ไม่ได้เติบโตทีู่เาตระกูลหลิง
ส่วนเื่ทางฝั่งเมืองอวี้กวนราบรื่นยิ่งกว่า
ก่อนหน้านี้ไม่นานได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตขึ้นกับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองอวี้กวน โดยตระกูลเฟิงที่เป็หนึ่งในสี่ตระกูลเกือบจะสิ้นตระกูลเลยทีเดียว เหลือเพียงประมุขคนหนึ่ง เขาได้พาคนอีกไม่กี่สิบคนก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่อย่างยากลำบาก
คนของกู่เฮ่อโป๋ที่ไปสืบข่าวนั้นได้ข่าวมาอย่างง่ายดายว่า ประมุขของตระกูลเฟิง เฟิงฉางเกอ มีลูกบุญธรรมอยู่คนหนึ่งชื่อหลงอวี้!
ตอนแรกเ้าหลงอวี้นี่มีเส้นลมปราณติดขัด ไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้ ถูกผู้คนทั้งหมดมองว่าเป็เศษสวะไร้ประโยชน์
แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน อยู่ๆ เ้าหลงอวี้ก็ผงาดขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ในงานชุมนุมตระกูลเฟิง ถึงขนาดสามารถต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามกับประมุขของอีกสามตระกูลใหญ่ในเมืองอวี้กวนและเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว!
พอได้ข้อมูลเหล่านี้แล้วกู่เฮ่อโป๋ก็เริ่มคาดเดาทันที!
“เด็กหนุ่มที่ชื่อหลงอวี้ผู้นี้ อายุสิบแปดปีพอดี ไม่ว่าจะเป็ชื่อสกุล อายุหรือหน้าตา ก็ล้วนตรงกับในข่าวลือทั้งสิ้น!”
“คนผู้นี้จะต้องเป็บุตรชายของไอ้คนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลงเมื่อสิบกว่าปีก่อนแน่!”
บุตรชายของหลงจ้ายเทียน หลงอวี้
ข่าวลือนี้ถูกกู่เฮ่อโป๋เผยแพร่อย่างรวดเร็ว
แม้หลงอวี้จะสร้างความเสียหายให้กับตระกูลหวัง แต่การจะแก้แค้นกับหลงอวี้นั้น กลับไม่จำเป็ต้องให้ตระกูลหวังลงมือเลยด้วยซ้ำ
ขอแค่ปล่อยข่าวนี้ออกไป เขาเชื่อว่าต้องมีคนไม่น้อยที่้าเอาชีวิตหลงอวี้เป็แน่!
แต่เดิมแล้ว หลงอวี้ที่มีคนคอยปกป้องอยู่นั้นทำให้ไม่มีใครที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วนคนที่รู้ฐานะของเขาและคิดจะตามหาตัวเขานั้น ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่
จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดชาติกำเนิดของเขาก็ถูกเปิดเผย!
ตอนนี้ได้มีขุมอำนาจบางกลุ่มในเขตพระราชฐานของอาณาจักรต้าถังเริ่มเคลื่อนไหว!
เพราะข่าวที่กู่เฮ่อโป๋ปล่อยออกไปไม่ได้มีแค่เื่ชาติกำเนิดกับที่อยู่ของหลงอวี้ตอนนี้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเื่ราวของหลงอวี้ที่ใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไปด้วย
เศษสวะที่เมื่อสามเดือนก่อนยังไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้ ตอนนี้กลับสามารถสร้างิญญาแท้ได้แล้ว!
ข่าวลือนี้กู่เฮ่อโป๋ได้ใส่สีลงไปจนเกินเหตุไปหน่อย เพราะั้แ่ที่หลงอวี้เริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ได้จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ได้นั้น ใช้เวลาไปมากกว่าสามเดือน
แต่ข้อดีของการเล่าเื่เกินเหตุก็มีอยู่เช่นกัน
เพราะข่าวลือยิ่งเกินจริงก็จะยิ่งแสดงให้เห็นถึงพร์อันร้ายกาจของหลงอวี้ได้มากขึ้น ยิ่งทำให้มีใครบางคนให้ความสนใจเขามากขึ้น!
ข่าวลือนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวันก็ถูกลือไปทั่วทั้งเมือง
ไม่เพียงแต่ขุมอำนาจใหญ่โตบางกลุ่มของอาณาจักรต้าถังเท่านั้นที่รู้สึกสนใจ กระทั่งคนธรรมดาทั่วไปก็รู้สึกสนใจเื่นี้ไม่น้อยเช่นกัน
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังจำเื่ราวของสุดยอดขุนพลหลงจ้ายเทียนที่เคยรบราฆ่าฟันกับอริราชศัตรูเพื่ออาณาจักรต้าถังเมื่อสิบแปดปีก่อนได้ แต่สุดท้ายกลับไปข้องเกี่ยวกับศัตรูจนถูกจับไล่ออกจากอาณาจักรต้าถัง!
ตอนนี้ หลงอวี้ได้กลายเป็ประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงในเขตพระราชฐานโดยที่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
