ทันทีที่ได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า หลินฟู่อินก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดี นางไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะจ้องทำร้ายนาง กลัวแต่คนจะไม่อาจก่อคลื่นได้มากกว่า
“พวกนางมีบุตรได้หรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าถามซ้ำอีกครั้ง น้ำเสียงกดข่ม
หากหลินฟู่อินบอกว่าสตรีสองคนที่ยืนได้ะโได้มีบุตรไม่ได้ แล้วบอกว่าคนที่นอนติดเตียงยังตั้งครรภ์ได้ นางก็มั่นใจแล้วว่าเด็กคนนี้ถูกนางลูกสะใภ้ที่ไม่สามารถออกไข่ได้ผู้นั้นจ้างมาเพื่อตบหน้าบุตรชายตัวเอง!
หากเป็เช่นนั้น ฮึ… รอดูเถอะว่านางจะฉีกกระชากนางเด็กหน้าเหม็นกับนางคนไร้บุตรนั่นอย่างไร!
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ปิดบังท่าที หลินฟู่อินก็เข้าใจความคิดนาง ทั้งยังแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ นางลุกจากเก้าอี้ ท่าทีไม่หยิ่งจองหอง ไม่ต้อยต่ำ ยิ้มให้อีกฝ่าย “ฮูหยินผู้เฒ่าให้อภัยฟู่อินด้วย อี๋เหนียงทั้งสอง อย่างน้อยสองปีนี้ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เ้าค่ะ!”
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดว่าลูกสะใภ้ตั้งใจเชิญนางมาตบหน้าพวกตนสองแม่ลูก แต่ก็ไม่คิดว่าหลินฟู่อินจะพูดเช่นนี้ บอกเวลาชัดเจนว่าอนุทั้งสองไม่อาจมีลูกได้ใน่สองปี
สำหรับนาง หน้าตาไม่สำคัญเท่าเื่มีหลานชายคนโต คนรู้สึกว่าหลินฟู่อินกำลังแช่งพวกตนอยู่!
นางโกรธจัดจนกระแทกไม้เท้าลงกับพื้น “หมายความว่ายังไง?”
หลินฟู่อินเพียงมองนางผ่านๆ ทำให้ท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่านิ่งขึ้นเล็กน้อย
“ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลหรอกเ้าค่ะ ข้าเป็หมอจริงๆ ที่รักษาคน ไม่สนใจเื่ราวหลังบ้านผู้ป่วย”
“ไร้สาระ หลิวซื่ออันซื่อร่างกายแข็งแรงทั้งยังสาว ในสองปีจะไม่มีบุตรได้ยังไง?” แม้จะรู้ว่าเื่ไม่อาจมีบุตรนี้อาจไม่ใช่ปัญหาจากสตรีเรือนหลัง แต่พอคิดว่าหลินฟู่อินอาจเป็คนที่ลูกสะใภ้คนนั้นนำมาก่อเื่ในบ้าน ตนก็ไม่อยากจะญาติดีกับอีกฝ่ายแล้ว
ทั้งยิ่งไม่อยากเชื่อคำพูดของหลินฟู่อิน
“สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวล้วนถูกต้องเ้าค่ะ แต่อี๋เหนียงทั้งสองดื่มยาเสือยาหมาป่าเข้าไปมาก อันอี๋เหนียงยังมีทางช่วย แต่หลิวอี๋เหนียงตอนนี้ดูจะไร้หวังเสียแล้ว” หลินฟู่อินกล่าวโดยไม่ปรานี
เมื่อสองอี๋เหนียงเห็นหลินฟู่อินกล่าวออกมาเสียงดังต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า พวกนางก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินที่หลินฟู่อินพูดก็เห็นว่าไม่เหมือนกำลังโกหก สายตาตวัดมองอี๋เหนียงทั้งสองอีกครั้ง ก่อนหน้านี้สองคนยังพูดจาปกติ แต่ตอนนี้กลับตัวสั่นงันงกหวาดกลัว จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
“นางพูดจริงหรือไม่? บอกข้ามา!” เฝิงฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้าดังปังๆ ทำให้ทั้งคู่ตัวลีบหดกว่าเดิม
“อันซื่อ เ้าพูดก่อน!” เฝิงฮูหยินเห็นทั้งคู่ไม่กล้าปริปากก็มองอันอี๋เหนียงด้วยสายตาทิ่มแทงดุจมีด
“ถูก… ถูกเ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่ายังไงก็ไม่อาจตั้งครรภ์เสียที ข้าเป็กังวลจึงปิดบังนายท่าน ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยิน พบหมอหลายท่านเพื่อหาสูตรยาลับทำให้มีบุตรสักคน…” อันอี๋เหนียงคุกเข่าสารภาพ ร้องห่มร้องไห้อย่างขมขื่นใจ ตอนนี้นางเสียใจแล้ว แต่โลกนี้หรือจะมียาตำรับใดที่สามารถแก้การเสียใจภายหลังได้?
เฝิงฮูหยินได้ยินคำสารภาพก็อดพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ นางหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ตบหน้าอี๋เหนียง “นางโง่!” จากนั้นจึงมองหลิวอี๋เหนียงด้วยสายตาหม่นครึ้ม “หลิวซื่อ แล้วเ้าเล่า?”
หลิวอี๋เหนียงกลัวสายตาปานจะกินเืกินเนื้อของฮูหยินผู้เฒ่าจนไม่กล้าขยับตัว กลัวราวกับยามที่อีกฝ่ายขยับเข้ามาจะโดนหนามทิ่มแทง นางตัวสั่นอยู่เป็นาน ก่อนจะกระซิบ “ข้า ข้าก็เหมือนพี่อันเ้าค่ะ…”
ทั้งคู่ต่างก็ยอมรับว่าสิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวเป็ความจริง
เฝิงฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเสียจนตวาดลั่น “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ กลับเรือนตัวเองไปเสีย หากข้าไม่สั่งก็ห้ามออกมา!”
อีกนัยหนึ่งก็คือฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนสั่งกักบริเวณพวกนางแล้ว
อันอี๋เหนียงตอบโต้ว่องไวรีบจากไปทันที หลิวอี๋เหนียงอยากพูดอะไร แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางไม่รีบทำตามคำสั่ง ดวงตาก็หรี่ลงจนหลิวอี๋เหนียงหวาดกลัวไม่กล้าพูดอีก ได้แต่รีบหลบหนีออกไปอย่างว่องไว
ที่แท้ในวัยสาว ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เป็อนุภรรยาผู้อื่นมาก่อน นางถูกภรรยาเอกเหยียดหยามอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อย้ายออกมา นางจึงได้เข้มงวดกับทั้งลูกสะใภ้และอนุภรรยาของลูกชายจนไม่มีใครกล้าไม่เชื่อฟัง หาไม่หมวกอกตัญญูใบใหญ่ๆ จะร่วงใส่หัวแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาซื้อขายตัวของอี๋เหนียงทั้งสองก็อยู่ในมือนาง เวลาทั้งคู่เห็นนางจึงเหมือนหนูเจอแมว
เพราะตอนนี้หลินฟู่อินเปิดเผยว่าอันซื่อหลิวซื่อทำร้ายร่างกายตัวเองเช่นนี้ เฝิงฮูหยินผู้เฒ่าจึงมีความหวังในใจ หรือมิใช่ลูกชายไม่อาจมีบุตร แต่ปัญหามาจากสตรีเหล่านี้?
“ดียิ่งนัก หลินฟู่อิน แม่นางหลินใช่หรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นสิ่งขวางหูขวางตาทั้งสองล้มลุกคลุกคลานจากไปแล้ว ดวงตาชราจึงตวัดมองหลินฟู่อิน ถามเสียงหม่น “เ้าย่อมทราบเื่คนสกุลเฝิงเช่นกัน เื่ที่ครอบครัวเราร่ำรวยแต่กลับไม่มีผู้สืบทอดใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับตรงไปตรงมา
“เหอะ เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบใจเ้าที่มาจับชีพจรดูนางโง่สองคนนั้นพังร่างกายตัวเอง ทำให้ยายแก่เช่นข้ายังมีหวังเื่ลูกหลานสกุลเฝิงอยู่” ผู้าุโหัวเราะลึกซึ้ง
ในใจนางคิดดุดันว่า ในเมื่ออันซื่อหลิวซื่อสองคนนั้นไร้ประโยชน์ไปแล้ว เช่นนี้ก็หาอนุสวยๆ ทำพันธุ์ได้ดีมาอีกสักหลายๆ คนย่อมดีกว่า
หลินฟู่อินได้ยินคำของนางก็รู้ว่าคนกำลังวางแผนอะไรอีกแล้ว อย่างไรก็ไม่พ้นเอาตัวสตรีไร้เดียงสามาทำร้ายเปล่าๆ
ในเมื่อรับเื่นี้มาแล้ว นางย่อมไม่ปล่อยให้หญิงชราใจคออำมหิตเช่นนี้ทำสำเร็จตามแผน
“ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าอันอี๋เหนียง หลิวอี๋เหนียงมีลูกไม่ได้ไม่ใช่เื่ใหญ่ หาอนุกลับมาอีกหลายๆ คนเพื่อเพิ่มกิ่งก้านสาขาย่อมดีกว่า ใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินจิบชา มองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้า “ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่มีมูลสุนัขไม่ถ่าย จวนท่านไร้ผู้สืบทอด ใครเป็ปัญหา ท่านรู้แจ้งแก่ใจ”
ได้ยินคำกล่าวตรงๆ ส่งมากะทันหัน ฮูหยินผู้เฒ่าก็เืขึ้นหน้า ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะกลับมาเป็ปกติแล้วจึงตวาด “หุบปาก! เด็กอย่างเ้าจะไปรู้อะไร? จะให้ข้าเชื่อว่าเ้าเป็หมออัจฉริยะอย่างนั้นหรือ?”
ลูกนางเป็หมัน เื่นี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เสมือนปราการชั้นสุดท้ายที่พังทลาย ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าอับอายขายหน้าเสียจนกลายเป็ความโกรธรุนแรง
หากนางไม่รู้ว่าเด็กน้อยสกุลหลินผู้นี้สนิทสนมกับหลี่ฮูหยินและวังฮูหยิน นางคงจะสั่งให้ลูกสะใภ้ลากนางเด็กนี่ออกไปเฆี่ยนให้ตายเดี๋ยวนี้!
“ท่านเชื่อหรือไม่ข้าไม่ใส่ใจ แต่ความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือบ้านท่านยังคงไร้เด็กต่อไป” หลินฟู่อินไม่สะทกสะท้านกับท่าทีอีกฝ่ายแม้แต่น้อย นางเพียงจิบชาอย่างสงบ จากนั้นวางถ้วยชาลง “ส่วนหมอเทวดาหรือไม่นั้น ข้าไม่กล้าเป็ แต่ข้าเห็นว่าร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ค่อยสบายนัก เป็โรคของสตรี เกรงว่าจะเริ่มเป็ั้แ่ท่านราวสามสิบสี่สิบปีก่อนใช่หรือไม่?”
เหมียวหมัวมัวได้ยินคำพูดของหลินฟู่อินก็ใจนหัวใจแทบร่วงไปอยู่ตาตุ่ม แม่นางหลินช่างหาญกล้ายิ่งนัก!
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนหนักแน่นทรงอำนาจ ไม่ต้องพูดถึงฮูหยินของนางกับอี๋เหนียงสองคน กระทั่งนายท่านยังไม่กล้าขัดคำสั่ง ที่จริงสกุลเฝิงนี้ฮูหยินผู้เฒ่าคือผู้มีอำนาจสูงสุด หาไม่แล้วฮูหยินของนางจะมีชีวิตลำบากถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลินฟู่อินด้วยสายตาที่อยากกระชากใบหน้าน้อยๆ นั่นเหลือเกิน นางเด็กน้อยนี่กล้าดีอย่างไรไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เปิดเผยเื่นี้ออกมา
เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน…
แม่นางหลินกล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีโรคสตรี?
เป็ความจริงหรือ? เื่นี้เหมียวหมัวมัวอยากถาม ทว่าเมื่อเห็นสายตากดดันคู่นั้นมองมอง นางก็ปิดปากตัวเองด้วยความหวาดกลัว
ในใจเฝิงฮูหยินผู้เฒ่าพลิกกลับด้าน หลินฟู่อินพูดความจริง นางมีโรคที่พูดไม่ได้มาสามสิบสี่สิบปีแล้ว ครั้นนางแก่ตัวลง โรคนี้ก็ยิ่งทรมานนางเสียจนอยู่ไม่สู้ตาย
แต่นางไม่กล้าขอให้หมอมาตรวจดู เพราะโรคนี้มีต้นตอจากตอนที่นางร่วมหลับนอนกับนายท่านผู้เฒ่าในยามที่ยังสาวกว่านี้ ทำให้อาการรุนแรงขึ้นทุกที
นางเกรงว่าหากเชิญหมอมาตรวจดู ผู้อื่นจะทราบต้นตอของโรค แล้วหัวเราะเยาะนางลับหลัง…
แต่หลินฟู่อินกลับเปิดเผยเื่นี้ออกมาต่อหน้าสาวใช้ในห้อง ไม่รู้เหตุใด นางกลับไม่ได้เห็นว่าเป็เื่ใหญ่ ทั้งยังรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เื่ที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือ เด็กน้อยสกุลหลินผู้นี้ยังไม่ทันตรวจชีพจรก็ทราบแล้วว่านางมีโรคน่าอายนี้อยู่…
ผู้อื่นกล่าวว่านางเป็หมออัจฉริยะ เื่นี้สมเหตุสมผลแล้ว!
ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
จิบชาอยู่หลายอึก หลินฟู่อินก็เงยหน้ามองฮูหยินผู้เฒ่าแล้วยิ้มหวาน “ไม่ต้องโมโหไปหรอกเ้าค่ะ เหตุใดไม่ลองเชิญนายท่านเฝิงมาให้ข้าลองตรวจดูหน่อยเล่าเ้าคะ?”
ได้ยินหลินฟู่อินกล่าวเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ชะงักไป ที่จริงในใจนางล้วน้าให้บุตรชายได้พบหมอ และในที่ลับนางก็เกลี้ยกล่อมเขา แต่กลับไร้ผลเพราะเขาเอาแต่ยืดเยื้อไม่ยอมมานานหลายปี
ทุกเดือนนางก็ตั้งตารอคอยข่าวดีจากอี๋เหนียงทั้งสอง แต่ก็ผิดหวังอยู่ร่ำไป
บุตรชายของนางไม่เด็กแล้ว ปีนี้อายุสามสิบห้าสามสิบหก หรือพระเ้าจะลงโทษนาง ชีวิตนี้นางจะไม่มีหลานชายจริงหรือ?
ดังนั้นเมื่อได้ยินข้อเสนอของหลินฟู่อิน นางจึงยิ่งหวั่นไหวขึ้นทุกที
“แม่นางหลินก็มั่นใจเื่โรคบุรุษหรือ?” น้ำเสียงของเฝิงฮูหยินผู้เฒ่าอ่อนลงเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงย่ำแย่ ชัดเจนว่าไม่ยินดีที่หลินฟู่อินเปิดเผยสิ่งที่นางปิดซ่อนเอาไว้หลายปี
“หากไม่ดูจะรู้ได้ยังไงเ้าคะ?” หลินฟู่อินกล่าวเสียงเบา “นายท่านเฝิงเองก็ไม่ใช่หนุ่มๆ แล้วไม่ใช่หรือ? จะยังผลัดไปได้อีกกี่ปีกันเ้าคะ?”
ประโยคนี้กระแทกใจฮูหยินผู้เฒ่าอย่างจัง ใบหน้าชราซีดขาว ก่อนจะหันไปหาสาวใช้ที่ไม่กล้าหายใจเสียงดังซึ่งยืนอยู่ด้านหลังแล้วสั่งการ “ไปเรือนหน้าดูว่านายท่านอยู่หรือไม่ หากอยู่ก็บอกให้มาที่ห้องอุ่นเรือนฮูหยิน บอกว่าข้ารออยู่ที่นี่”
สาวใช้รับคำ ถอยร่างออกไปแล้วค้อมกายคารวะก่อนจะเร่งร้อนจากไป
หลินฟู่อินยังคงดื่มชาอย่างสงบ
ความยินดีในใจเหมียวหมัวมัวแทบจะะเิออกมาแล้ว ดวงตาชราคู่นั้นทอประกายยินดีไม่อาจปิดบัง ในใจคิด คุณพระคุณเ้า แม่นางหลินผู้นี้เป็ทวยเทพส่งมาช่วยฮูหยินโดยแท้ ไม่นึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าที่รั้นมาครึ่งชีวิตจะยินยอมอย่างง่ายดาย ไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังเชื่อฟังแล้วสั่งให้นายท่านมารักษาอีก!
แต่นางยังคงกังวล หากแม่นางหลินไม่อาจรักษาอาการป่วยของนายท่านได้เล่า? นางจะทำอย่างไรดี?
เห็นว่าแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะถามอยู่หลายคำแต่หลินฟู่อินกลับไม่พูดอะไรมาก นางก็ไม่อยากจะพูดก่อน เพราะอย่างไรนางก็เป็เพียงบ่าว จึงทำได้เพียงจิบชาเท่านั้น
ผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา สาวใช้คนเดิมก็เข้ามารายงานว่านายท่านมาแล้ว
นายท่านเฝิงมีผิวขาวสะอาด สวมชุดคลุมสีนิลคราม ท่าทางสุภาพ แต่ยามนี้มีกลิ่นสุราโชยออกมา เขาก้าวเข้ามาในห้องอุ่น โค้งต่ำให้ฮูหยินผู้เฒ่า “ลูกคารวะท่านแม่ เกิดเื่อะไรให้ท่านแม่เรียกลูกมาที่นี่หรือขอรับ?”
เขาเพิ่งกลับจากกินเลี้ยงกับพวกพ่อค้าเป่ยหรง กินดื่มกันที่ภัตตาคารหลิวจี้ พอมาถึงก็เห็นซิ่วผิง สาวใช้ข้างกายมารดามารอเชิญเขาไปห้องอุ่นในเรือนฮูหยินของตน
ทันใดนั้นความเมามายก็สร่างไปครึ่งหนึ่ง เขาคิดว่ามารดาชรากับภรรยาเอกก่อปัญหาอีกแล้ว จึงเร่งร้อนตามมา
ถึงเขาจะตวาดด่าภรรยาให้นางหย่าในยามที่ร้อนใจ แต่อย่างไร่ปีแรกในตอนหนุ่มสาวก็มี่เวลาดีๆ ด้วยกันมามาก ภรรยาเอกเขาเกิดในตระกูลบัณฑิต เคารพแม่สามีและสามี เอาใจใส่เป็อย่างดี กระทั่งมีอนุสองคนถูกพาเข้ามาในบ้านก็ยังไม่เคยทำตัวรุนแรงใส่แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจนักก็ตาม
ฟังความหมายในประโยคของบุตรชายแล้วเหมือนเขากลัวนางจะมาหาเื่สตรีที่ไม่สามารถออกไข่คนนั้น?
เฝิงฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจนัก ในตอนที่นางเป็อนุอยู่นั้น นางกลัวการถูกบ้านใหญ่รังแกเป็ที่สุดจึงค่อนข้างเป็ปฏิปักษ์ต่อบ้านใหญ่ ในตอนนี้จึงไม่ชอบลูกสะใภ้ที่เป็ภรรยาเอกของบุตรชายแม้แต่น้อย
“ท่านแม่?” เห็นมารดานั่งนิ่ง นายท่านเฝิงก็เรียกนางอีกครั้ง แต่เขาไม่มองหลินฟู่อินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แขกแม้แต่น้อย
หลินฟู่อินไม่ใส่ใจ จิบชาอย่างสงบต่อไป
เฝิงฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกตัวก็เห็นสายตากังวลของบุตรชายจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ทันใดนั้นก็กลอกตากล่าว “มิใช่ว่าภรรยาเ้าป่วยหรอกหรือ? นางได้ยินจากหลี่ฮูหยินว่ามีคนผู้หนึ่งสกุลหลิน เป็หมอหญิงที่เชี่ยวชาญโรคสตรีเป็พิเศษจึงได้เชิญนางมาที่บ้าน ท่านหมอหลินเห็นว่าภรรยาเ้าสุขภาพดี ข้าเห็นว่าในเมื่อเ้าอยู่บ้านเช่นนี้จึงได้ขอให้หมอหลินช่วยตรวจชีพจรเสียหน่อย ไหนๆ คนก็มาแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินว่าต้องพบหมอ นายท่านเฝิงก็มองมารดาด้วยสายตาระมัดระวังทันที เขาขยับเข้าไปนั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่า เสียงอ่อนลง “ท่านแม่ ลูกสุขภาพแข็งแรงดีจะให้เจอหมออะไรกัน? ยิ่งเป็หมอหญิงเช่นนี้…”
“จะพูดเช่นนี้มิได้ เ้าเริ่มแก่ตัวแล้ว แม่เ้าก็เริ่มแก่แล้ว ร่างกายเ้าไม่ดีเหมือนเก่า ในเมื่อหมอมาบ้านแล้วจะไม่ตรวจดูสักหน่อยได้ยังไง?” หลินฟู่อินไม่ได้ออกปากแม้แต่คำเดียว
เื่แม่ลูกเช่นนี้ นางไม่มีความจำเป็ต้องพูด
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้บอกว่าอยากให้นายท่านเฝิงพบหมอเพราะเื่หลานๆ พอเห็นมารดาดูเป็กังวลเพราะความชราจริงๆ จึงได้ผ่อนคลายลง
แต่ก็ยังลังเลไม่กล้าให้หมอจับชีพจร
เหมียวหมัวมัวเห็นเขายังไม่ยอมรับปากก็อดกังวลไม่ได้ นางลอบมองหลินฟู่อินเป็ระยะ หวังจะให้คนออกปากเกลี้ยกล่อม
แต่นางกลับต้องผิดหวัง เพราะหลินฟู่อินไม่เงยหน้าสักนิด จดจ่ออยู่กับถ้วยชาเพียงเท่านั้น
“ลูกกังวลเพราะหมอหลินเป็สตรีหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าถามเขา ทำให้นายท่านเฝิงพยักหน้า “หมอที่ชำนาญโรคสตรีย่อมถนัดตรวจสตรีมากกว่า” พอคิดเื่นี้แล้ว เขาก็พูดขึ้นมา “ไหนๆ ท่านหมอหลินก็มาจับชีพจรของจื่อเสียนแล้ว ช่วยจับชีพจรตรวจท่านแม่ข้าด้วยได้หรือไม่?”
เห็นบุตรชายเป็ห่วงตน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ้มอย่างยินดี กล่าวด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ “จับแล้วๆ ฝีมือท่านหมอหลินดียิ่งนัก ข้าสบายดี ดื่มยาเข้าไปไม่กี่เทียบก็ดีขึ้นแล้ว จื่อเสียนก็ต้องดื่มยาเช่นกัน”
“ท่านแม่สบายดีก็ดีแล้ว” นายท่านเฝิงมีท่าทีดีอกดีใจ
“ให้ท่านหมอหลินจับชีพจรเ้าเสียหน่อยเถอะ แม่จะได้วางใจ” ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเกลี้ยกล่อมต่อ
เห็นสีหน้าเป็กังวลของมารดา หากไม่ยอมรับปากนายท่านเฝิงย่อมกลายเป็บุตรอกตัญญู จึงได้เสียงอ่อนลง “เช่นนั้นให้ท่านหมอหลินจับชีพจรลูกเสียหน่อย ไหนๆ ก็อยู่บ้านแล้ว คงไม่มีใครพูดอะไรออกไปกระมัง”
เห็นนายท่านเฝิงรับปาก ฮูหยินผู้เฒ่าก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก เหมียวหมัวมัวยิ่งกว่ายินดี ร้องหาพระโพธิสัตว์อยู่ในใจ
เฝิงฮูหยินแนะนำหลินฟู่อินให้นายท่านเฝิง ทำให้เขาตกตะลึงเมื่อเห็นอายุอีกฝ่ายหนึ่ง แต่อย่างไรเขาก็ทำการค้าขายมาหลายปี คุ้นชินกับการเห็นเสือซุ่มัซ่อนจึงไม่ได้ใส่ใจนัก
หลินฟู่อินไม่อ้าปาก เพียงก้มหัวให้น้อยๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่าทีสง่างาม
นายท่านเฝิงเห็นเช่นนี้ทราบว่าเด็กน้อยเป็คนฉลาดรู้จักโลก อาการต่อต้านในใจจึงเบาบางลง
ขณะที่หลินฟู่อินจับชีพจรของนายท่านเฝิง ภายในห้องนั้นก็เงียบงันจนแทบได้ยินเสียงเข็มตก ทุกคนเฝ้ามองด้วยความวิตก หางตาของหลินฟู่อินตวัดมองสีหน้าทุกคน อดมิได้ให้ยกมุมปากน้อยๆ
ดูไปแล้วจะคนใช้ก็ดี ภรรยาหลวงภรรยาน้อยก็ดี ทุกคนในจวนเฝิงต่างก็รู้ความลับของนายท่านเฝิงกันทั้งนั้น ว่าเขาเป็นกกระจอกเทศที่มัวแต่เอาหน้าซุกทราย เสแสร้งว่าผู้อื่นไร้ตา
เมื่อปลายนิ้วทั้งสามแตะลงไปบนจุดชีพจร คิ้วดุจใบหลิวของนางก็ขมวดเข้า ก่อนจะแตะซ้ำอีกครั้ง
ลักษณะเป็ชีพจรเล็กลื่น เต้นฝืดเนิบช้า ทั้งชีพจรยังฝืดหนัก…
หลินฟู่อินเลิกคิ้ว อาการเป็อย่างไรนางพบแล้ว ที่แท้ไอ้นายท่านเฝิงบัดซบนี่ก็มีจำนวนอสุจิน้อยอย่างชัดเจน!
ซ้ำอาการของเขายังไม่ใช่เบาๆ ด้วย
ผู้ชายในบ้านป่วยเป็โรค ผู้หญิงในบ้านย่อมตั้งครรภ์ไม่ง่าย แต่คนผู้นี้กลับมีอนุภรรยาคอยตาม ผลจากการไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่รับยารักษาอาการ ทำให้ผู้หญิงของเขาล้วนแต่ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นทุกที ดูจากระดับอาการของเขาตอนนี้แทบจะเป็ศูนย์
แต่พบนางแล้ว เ้าคนบัดซบนี่ยังช่วยได้อยู่ ขึ้นกับว่าเขาจะฟังหรือไม่…
“ท่านหมอหลิน ลูกชายข้าเป็เช่นไรบ้าง?” เฝิงฮูหยินผู้เฒ่ามองหลินฟู่อินไม่วางตา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตกยามเห็นหัวคิ้วอีกฝ่ายขมวดมุ่น
หลินฟู่อินถอนมือออกมา จ้องมองฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนจะหันไปมองนายท่านเฝิงอีกครั้ง “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ หากนายท่านเฝิง้าฟังความจริง ข้าก็จะพูดความจริงให้พวกท่านฟัง หากพวกท่านไม่้าฟัง เื่นี้จะเน่าสลายอยู่ในท้องข้าเ้าค่ะ”
“พูดเื่อะไรของเ้า? เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้?” สีหน้านายท่านเฝิงเปลี่ยนไป รู้สึกว่าหลินฟู่อินกำลังเล่นลูกไม้อยู่จนทำให้ไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
หลินฟู่อินยิ้มจางแต่ไม่ตอบคำถาม
ฮูหยินผู้เฒ่าวิตกหนัก กล่าวกับนายท่านเฝิง “ลูก ให้แม่นางหลินบอกแม่เถอะว่าเื่เป็ยังไง ลูกแม่ต้องสบายดี…”
เห็นมารดาชราทั้งวิตกทั้งกังวล นายท่านเฝิงก็ได้แต่ข่มความไม่พอใจ รีบพูดกับหลินฟู่อิน “เช่นนั้นก็รีบพูดออกมา อย่าทำให้คนเฒ่าคนแก่ใกลัว!”
เขากำลังเตือนนาง ดวงตาประสงค์ร้าย ราวกับหากนางกล้าพูดจาไร้สาระ เขาก็กล้าสังหารนาง
หลินฟู่อินยกยิ้ม ตอนนี้เขายิ่งทะนงตนสูงเท่าใด ภายหลังก็ยิ่งตกต่ำเท่านั้น…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้