แต่ผู้อื่นกลับไม่ให้โอกาสนาง
หลี่ไหวฺอวี้จดจ้องนางอยู่นานด้วยแววตาดำทะมึน แค่นเสียงฮึพ่นออกจากจมูกเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ไม่พูดอะไรสักคำ หมุนตัวเดินนำออกไปก่อน โดยไม่หยิบอะไรออกไปสักชิ้น
นี่มันน้ำเสียงประชดประชันอะไรกัน
ิเป่าจูเลิกคิ้ว เขาเข้ามาทำอะไรในครัวกันแน่
ไม่รู้ว่ากู้ชิงชิงอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างไร แต่หลังจากที่นั่งลงกินข้าว ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเื่การแต่งงานของนางอีกเลย
อาหารมื้อนี้ไม่ได้กินอย่างมีความสุขเหมือนเช่นเคย ิเป่าจูต้องฝืนยิ้มตลอดเวลา รอยยิ้มก็ดูฝืดเหลือทน
นั่นก็เพราะมีใครบางคนส่งสายตาดุจคมมีดเย็นเฉียบมาที่นางอยู่เป็พักๆ
ทั้งยังใช้วาจาซ่อนมีด ถากถางประชดประชันอยู่เรื่อยๆ โดยที่ิเป่าจูไม่กล้าตอกกลับไป จะด้วยเพราะมีชนักติดหลังอยู่หรือไม่ก็สุดรู้ได้ จึงต้องปล่อยให้หลี่ไหวฺอวี้ระบายอารมณ์ตามใจ
เขาไปกินรังแตนมาจากที่ใดกันแน่
กู้ชิงชิงนานๆ จะได้กลับมาบ้านมารดาสักที คุยกับิเป่าอวี้อย่างถูกคอ นัดหมายกันเสียดิบดีว่าพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันใหม่ แต่ผลปรากฏว่าวันต่อมานางก็จะกลับเสียแล้ว
ิเป่าจูนึกว่านางจะอยู่อีกสองสามวัน วันนี้ถึงได้มาตามนัด
พอเข้ามาในลานเรือนก็เห็นท่านป้าจงกับคนในครอบครัวยืนสนทนากับบุรุษรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งอยู่ในสวน
“คู่รักหนุ่มสาวคู่ไหนบ้างจะทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืน ทะเลาะหัวเตียงถึงปลายเตียงก็ดีกันแล้ว ชิงชิง เ้าก็เพลาๆ การใช้อารมณ์ของตนเองบ้างเถอะ ฟางลี่ล้วนทำเพื่อเ้าทั้งนั้น” ท่านป้าจงเกลี้ยกล่อมบุตรสาวที่ยังปั้นปึ่งแง่งอน
ดูท่าบุตรสาวจะไม่ได้พูดความจริงกับนางทั้งหมด
คำพูดจากปากของเ้าตัวย่อมจะใส่ความคิดของตนเองลงไปด้วยโดยมิต้องกังขา
คนเป็มารดาฟังแล้วก็คิดว่าฟางลี่รังแกนาง ยังตำหนิบุตรเขยว่าเมื่อก่อนดูเหมือนเป็คนซื่อแท้ๆ
เดิมทีก็คิดถึงบุตรสาว ไม่ง่ายเลยที่นางจะกลับมาสักครั้ง ป้าจงจึงมิได้เร่งให้นางกลับบ้านสามี
บัดนี้ฟางลี่มาตามตัวถึงบ้าน ทั้งยังอธิบายอย่างละเอียดถึงได้รู้ความจริง
บุตรสาวได้รับความไม่เป็ธรรมเสียที่ใดกัน เห็นอยู่ว่าเพียบพร้อมไปด้วยความสุขแต่กลับไม่เห็นคุณค่า
หลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่นาน กู้ชิงชิงถึงรับปากว่าจะกลับบ้านไปพร้อมกับฟางลี่
“ทราบแล้วเ้าค่ะท่านแม่” กู้ชิงชิงยอมรับปาก
“ไม่ต้องเป็ห่วงขอรับท่านแม่ ข้าจะดูแลชิงชิงอย่างดี เมื่อนางอยากจะมีจริงๆ พวกเรามีกันอีกคนก็ได้” ฟางลี่เอ่ยปากด้วยความสัตย์ซื่อ
“ท่านยาย ท่านพ่อไม่เคยรังแกท่านแม่หรอกขอรับ ทุกครั้งพอท่านแม่ขึ้นเสียง ท่านพ่อก็เงียบแล้ว”
หนิวหนิวไม่เจอหน้าบิดาวันเดียวก็คิดถึงมาก เขากอดคอฟางลี่ ซบดวงหน้าเล็กจ้อยบนลาดไหล่กว้าง พลางเอ่ยถ้อยคำไพเราะ
สองผู้เฒ่าได้ยินก็หัวเราะออกมา เด็กๆ ย่อมไม่โกหก นี่คงเป็ชีวิตประจำวันของทั้งสองคน เขาจึงจำมันได้
กู้ชิงชิงขึงตาใส่ฟางลี่ แต่พอนึกว่าจะต้องไปแล้ว ก็มิได้มีท่าทีไม่ยินยอม
เวลานี้ทั้งสองฝ่ายกำลังร่ำลากันอยู่ ิเป่าจูมาถึงพอดี กูชิงชิงเห็นนาง ก็ไม่ลืมกำชับนางเื่เมื่อวานอีกครั้งหนึ่ง
“เ้าอย่าลืมเื่ที่ข้าเตือน ต้องระมัดระวังตัวให้มาก” ขณะที่พวกเขาต่างหิ้วของทั้งห่อใหญ่ห่อเล็กมาส่งที่หน้าประตู กู้ชิงชิงกลับลากิเป่าจูไปคุยด้านข้าง
“เ้าค่ะ พี่ชิง ข้าทราบแล้ว ท่านรีบกลับเถอะ” ิเป่าจูเอ่ย คนสองสามคนทางนั้นมองมาแล้ว นางรู้สึกเกรงใจสามีของกู้ชิงชิงที่ต้องคอยนาน
“ท่านน้า หนิวหนิวไปก่อนนะ หนิวหนิวจะคิดถึงท่านน้า” ก่อนไป เด็กชายตัวน้อยยังหันมาโบกมือให้ิเป่าจูพลางกล่าวอำลา
“น้าก็จะคิดถึงหนิวหนิวเหมือนกันจ้ะ” ิเป่าจูผลิยิ้มดวงตาหยีโค้ง มองเด็กน้อยน่ารักที่ถูกซื้อตัวอย่างง่ายดายด้วยขนมกุ้ยฮวาเพียงสองชิ้น
หลังจากร่ำลากันแล้ว ครอบครัวของกู้ชิงชิงก็จากไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของพวกเขาไกลห่างออกไป ท่านป้าจงก็ลอบปาดน้ำตา ิเป่าจูปลอบนางสองสามประโยค แต่ในใจยังพะวงกับถ้อยคำที่กู้ชิงชิงกล่าวไว้ก่อนไป
ทว่าเมื่อความคิดวาบผ่านเข้ามา ก็ถูกนางปัดทิ้งไปไม่นึกถึงอีก ใครจะรู้ผ่านไปเพียงสองวัน บ้านของิเถี่ยจู้ก็มีแขกมาหา...
“ท่านแม่? ท่านมาได้อย่างไร โอ... บุตรชายที่รักของข้า แม่คิดถึงเ้าจะตายอยู่แล้ว”
หวังซื่อเพิ่งตื่นก็ได้ยินว่ามีคนมาเคาะประตู นึกแปลกใจว่าใครมาบ้านของพวกเขาแต่เช้า นางเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นชัดเจนว่าผู้มาคือใครก็ตกตะลึงอยู่นาน
มารดานางมาได้อย่างไร ยังพาิอาฝูมาอีกด้วย!
ตอนงานวันเกิดครบรอบหกสิบปีของบิดาหวังซื่อ หวังซื่อกับิเถี่ยจู้ไปอวยพรวันเกิด เพราะมารดาคิดถึงหลานชาย เมื่อทั้งสองกลับมาจึงทิ้งิอาฝูไว้ที่บ้านของพวกเขา ตอนนี้ไม่เพียงแต่มารดาจะมาหา ยังพาบุตรชายกลับมาส่งนางอีกด้วย
ได้เห็นบุตรชาย หวังซื่อย่อมมีความสุข จนมองข้ามบุรุษอีกคนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสองคนไป
เหมียวซิ่วหลันมองบุตรสาวกอดิอาฝูพลางหอมแก้มเขาซ้ายทีขวาที ก็หันไปมองบุรุษผู้นั้นพลางยิ้มให้บุรุษผู้นั้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“แฮ่ม ลูกเอ๋ย นี่คือซุนเถียน” เหมียวซิ่วหลันกระแอมหนึ่งครั้ง ก่อนเตือนบุตรสาวว่าที่นั่นยังมีผู้อื่นอยู่ด้วย
นางไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่หลังจากมองอยู่หลายหนถึงจำได้ แต่เมื่อเขาตามมารดานางมา ก็คงมีต้นสายปลายเหตุเป็แน่
สกุลซุน หรือว่า...
หัวใจของหวังซื่อพลันบีบรัด รีบมองเหมียวซิ่วหลันเพื่อขอคำตอบ
“ญาติกัน... ญาติกัน...” เมื่อเห็นบุตรสาวมีการตอบสนอง เหมียวซิ่วหลันก็รีบแนะนำ
กล่าวมาถึงขนาดนี้ หวังซื่อจะไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร คนที่พวกเขาคุยเื่งานแต่งให้ิเป่าจูก่อนหน้านี้ก็สกุลซุนมิใช่หรือ
เื่นานมากแล้ว หากพวกเขาไม่มาหาถึงบ้าน ตนเองก็ลืมไปแล้ว
ได้ยินมาว่าซุนเถียนเป็อันธพาลขึ้นชื่อในท้องถิ่น ไม่ควรยั่วโทสะเป็อย่างยิ่ง แม้แต่มารดาของนางก็ยังเกรงใจ หวังซื่อจึงไม่กล้าชะล่าใจ เชิญคนเข้ามานั่งในบ้านอย่างมีมารยาท ยังรินน้ำชาให้อีกด้วย
“ข้ามาวันนี้ไม่มีเื่อื่นใด แค่อยากถามว่าบิดาข้าตกลงเื่การแต่งงานกับบ้านเ้าแล้ว เื่นี้ก็ควรรีบจัดการโดยเร็วใช่หรือไม่” ซุนเถียนนั่งไขว่ห้างพูดเสียงดัง
สองวันมานี้อาการของบิดาเขาย่ำแย่แล้ว ท่านเซียนกล่าวไว้ว่าจะต้องรีบแต่งภรรยาเข้าบ้านมาเพื่อเสริมมงคล
หากไม่สามารถต่ออายุขัยได้ ก็แค่ฝังหญิงสาวไปพร้อมกัน บิดาเขาจะได้ไปเกิดใหม่ในโลกหน้าอย่างมีความสุขตลอดไป
ซุนเถียนถือวิสาสะเข้าไปนั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานในห้อง ซึ่งปกติแล้วเป็ที่นั่งสำคัญของเ้าของบ้านเท่านั้น
บัดนี้ถูกคนนอก แต่สองแม่ลูกกลับไม่กล้าเอ่ยวาจาสักคำ
“นี่...” หวังซื่อไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร
ได้แต่พึมพำก่นด่าอยู่ในใจ เ้าิเถี่ยจู้สมควรตายหายหัวไปั้แ่เช้าตรู่ ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่ใดกันแน่
เื่แต่งงาน ยังจะมีเื่แต่งงานอันใดอีกเล่า
เดี๋ยวนี้นางเด็กสารเลวนั่นปีกกล้าขาแข็งแล้ว ไม่ใช่กระดูกอ่อนที่ยอมให้นางบีบง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
เมื่อก่อนบอกให้แต่งกับใคร นางเพียงเอ่ยปากคำเดียวเท่านั้น ิเถี่ยจู้อยากจะขับไล่เืชั่วของน้องชายทั้งสองคนออกไปใจจะขาด แต่บัดนี้นางมีอำนาจจัดการเสียที่ใด
ิอาฝูถูกมารดาลากมายืนข้างเก้าอี้ เขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างโง่เขลา น้ำลายไหลย้อยจากมุมปาก
หวังซื่อมองบุตรชายด้วยความปวดใจ ่ที่เขาไปอยู่บ้านมารดาดูเหมือนจะผ่ายผอมลงไป
ิอาฝูเกิดมาเป็คนเขลาเบาปัญญา แต่ไม่ว่าจะโง่ปานใดก็ต้องเติบโตเป็ผู้ใหญ่ ปีนี้เขาอายุยี่สิบปี คนในหมู่บ้านอายุเท่านี้ บุตรต่างวิ่งกันได้กันหมดแล้ว
ตอนนั้นิเถี่ยจู้สามีภรรยาร้อนใจอยากแต่งภรรยาให้บุตรชายผู้โง่เขลา ประจวบเหมาะตอนนั้นเหมียวซิ่วหลันบอกว่ามีคนในหมู่บ้านของนาง้าแต่งภรรยาให้บิดาชราพอดี พวกเขาถึงบังคับให้ิเป่าจูออกเรือน
