ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ไม่มีใครคาดคิดว่าเฟ้ยเชียนจะลอบสังหารหลัวเลี่ย
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้เกินความคาดหมายของทุกคน ทั้งเติ้งจื่อเฉิน ซูฟั่งจู๋ และมู่เจี้ยนเฟยซึ่งอยู่ใกล้กับหลัวเลี่ยมากที่สุด ต่างก็นิ่งค้างด้วยความใไปแล้ว แม้แต่กลุ่มอัจฉริยะที่ปิดบังตัวตนซึ่งเคยอยู่กับเฟ้ยเชียนมาก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความใ
ใบหน้าของเฟ้ยเชียนเปลี่ยนเป็ชั่วร้ายขึ้นมาทันที และท่ามกลางเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของเขา ไอเย็นที่แผ่ออกจากกริชก็มีแสงสีเขียวอมเทา ซึ่งเป็สีที่แสดงถึงพลังพิเศษของอสูรปะปนอยู่ด้วย
เฟ้ยเชียนเป็อสูรอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ก่อนหน้านี้เขาจะได้รับการตรวจสอบด้วยเวทชำระล้างจิตใจแล้ว แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
นี่เป็สัญญาณที่แย่มาก
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หลัวเลี่ยจะมาขบคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ แน่นอนว่าในตอนแรกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ร่างกายของเขาก็มีสัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตรายและความตายซึ่งเกิดจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ ความสามารถนี้ทำให้เขาหักหลบโดยไม่รู้ตัว
ฉัวะ!
แต่ยังช้าไป กริชแหลมคมกรีดผ่านเสื้อของหลัวเลี่ยั้แ่หน้าอกไปจนถึงไหล่ซ้าย ทิ้งรอยเืยาวกว่าสามจั้งไว้ และเืไหลที่ออกมายังเปลี่ยนเป็สีเขียวอมเทาอีกด้วย
เฟ้ยเชียนที่ประสบความสำเร็จด้วยการโจมตีในครั้งเดียวถอยกลับไปทันที
ในตอนนั้นเองที่ทุกคนเริ่มกลับมาเคลื่อนไหว
ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่กระวนกระวายขึ้นมาทันที
พวกเขาแทบจะอยากพุ่งตัวไปหาเฟ้ยเชียน
เฟ้ยเชียนยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว และพูดว่า “ตอนนี้ถึงเวลาตายของเ้าแล้ว ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ เส้นทางอันสว่างไสวที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้นของเ้า กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า”
“ทำไม” หลัวเลี่ยเอามือกุมหน้าอก เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความเ็ป
กริชของเฟ้ยเชียนไม่ใช่กริชธรรมดา สิ่งพิเศษคือมันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวของอสูร
“เพราะเ้าเป็คนเดียวที่ข้าไม่สามารถมองทะลุหมอกได้ มันทำให้ข้ากังวลว่าเ้าจะขัดขวางการปรากฏตัวของขุนพลเทพอสูร ขอเพียงเ้าตาย ข้าถึงจะวางใจว่าขุนพลเทพอสูรจะปรากฏตัวก่อา ขจัดหายนะ และสร้างโลกขึ้นมาใหม่” เมื่อเฟ้ยเชียนพูดถึงขุนพลเทพอสูร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความตื่นเต้นที่ไม่สามารถปกปิดได้
คำพูดของเฟ้ยเชียนทำให้บรรดาอัจฉริยะที่อวดดีซึ่งปกปิดตัวตนอยู่นั้นอุทานออกมาด้วยความไม่พอใจ
หลัวเลี่ยพูดอย่างเ็า “เ้าไม่รู้หรือว่าหากเ้าทำเช่นนี้ เ้าจะตาย”
“ตาย? ฮ่าๆๆ เพื่อขุนพลเทพอสูร แม้ต้องตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว” เฟ้ยเชียนหัวเราะดังลั่น “แต่พวกเ้ามีใครบ้างที่กล้าฆ่าข้า ข้าเฟ้ยเชียนมีพลังอสูรที่ขุนพลอสูรมอบให้ หากข้าตาย ผู้ที่สังหารข้าจะถูกพลังอสูรโจมตีกลับ และเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน และเมื่อคนคนนี้ตาย พลังอสูรก็จะแผ่ขยายออกไป สุดท้ายคนมากกว่าครึ่งที่อยู่ที่นี่ก็จะกลายเป็ขุนพลปีศาจ”
พรึ่บ!
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขาถอยกลับในทันที
ผู้คนที่โกรธเกรี้ยวต่างก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา และไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวต่อ
“คนจากอาณาจักรชางหรือ ฮ่าๆ” ซูฟั่งจู๋หรี่ตาลง
ใบหน้าของเติ้งจื่อเฉินหม่นหมอง
ทั้งสองเหน็บแนมกันอีกครั้ง โดยไม่สนใจอาการาเ็ของหลัวเลี่ย
ไม่มีใครกล้าขยับ หรือแม้จะมีใครสักคนที่อยากจะเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะถูกคนรอบข้างปล่อยพลังกดข่มไว้เพราะกลัวว่าจะก่ออันตรายขึ้น
มีเพียงหลัวเลี่ยเท่านั้นที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“กริชของเ้าไม่ใช่พลังทั่วไปของอสูร มันผสมอะไรบางอย่าง” หลัวเลี่ยพูดขึ้นในขณะที่เขาก้าวเดินไปด้วย
เฟ้ยเชียนยิ้มเย็นและพูดว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ยาว่างเฉินเท่านั้น”
ทุกคนล้วนตกตะลึง
ยาว่างเฉินมีพิษร้ายแรงมาก!
แต่พิษชนิดนี้ก็มีผลเฉพาะกับผู้ที่เข้าสู่ภพจิตัเท่านั้น
“เ้าดูถูกข้าจริงๆ” หลัวเลี่ยยืนอยู่ตรงหน้าเฟ้ยเชียน
เฟ้ยเชียนกลั้นยิ้ม “ตัวตนของเ้าที่เป็ ‘ผู้มีัอยู่ในเป้า’ นั้นลึกลับเกินไป ฉลาดเกินไป และมีพลังมากเกินไป เ้าเป็คนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกถึงอันตราย ยิ่งไปกว่านั้นคือเ้าไม่เกรงกลัวสิ่งใด และยังเป็เพียงคนเดียวที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์กลุ่มนี้ ดังนั้นเ้าจึงเป็อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดในการปรากฏตัวของขุนพลเทพอสูร และเพื่อให้ขุนพลเทพอสูรปรากฏตัวได้อย่างราบรื่นแล้ว ข้าเสียยาว่างเฉินให้เ้าก็ไม่ถือว่าเป็เื่ใหญ่สักนิด”
“แค็กๆ...”
หลัวเลี่ยไอออกมาเบาๆ สองครั้ง มีเืสีเขียวเข้มไหลออกมาจากมุมปากของเขา
“เ้ารู้สึกอ่อนแรงลงแล้วใช่หรือไม่” เฟ้ยเชียนยกกริชขึ้นช้าๆ “คนที่ใครๆ ก็คิดว่าจะขึ้นเป็เทพได้อย่างเ้า กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของข้า ฮ่าๆ เ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร คนเราต้องใช้สมองคิดวางแผนสิ เ้าจงจดจำเื่ในครั้งนี้ไว้ แล้วชาติหน้าอย่าได้เกิดมาโง่อีก”
ฉึบ!
กริชของเฟ้ยเชียนฟันลงมา
มีเสียงกรีดร้องจากรอบด้าน
แต่ไม่มีใครวิ่งเข้ามาหยุดการกระทำของเขา
ผลัวะ!
หยดเืกระเซ็นไปทั่ว
และเสียงกรีดร้องรอบด้านก็หยุดลงทันที
ใบหน้าของเฟ้ยเชียนบิดเบี้ยว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ก้มหัวลงเพื่อมองที่หน้าอกของเขา มันเป็เพราะมือของหลัวเลี่ยคว้ากริชของเขา และแทงเข้ามาที่อกของเขา เฟ้ยเชียนเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบากเพราะความเ็ป “ทำไมเ้าถึงยังมีแรงอยู่”
“แค็ก~~”
หลัวเลี่ยไอ และมีเืสีเขียวเข้มปนออกมาอีกครั้ง
เมื่อครู่ในตอนที่เฟ้ยเชียนเริ่มเคลื่อนไหว หลัวเลี่ยที่ตอนแรกอ่อนแรงก็ออกแรงอย่างกะทันหัน ในตอนที่เฟ้ยเชียนยังคงตกตะลึงอยู่ เขาก็คว้ากริชจากมือของเฟ้ยเชียนและแทงเข้าไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม
“เ้าเป็คนพูดเองนะ ว่าข้าอันตรายที่สุดสำหรับเ้า และเป็ภัยต่อการปรากฏกายของขุนพลอสูรเทพ” หลัวเลี่ยปล่อยมือและหมุนกายจากไป เขาเคลื่อนไหวช้าๆ เอามือกุมปิดาแที่หน้าอก แล้วพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “เ้าจงจดจำเื่ในครั้งนี้ไว้ แล้วชาติหน้าอย่าได้เกิดมาโง่อีก”
เขาตอกกลับด้วยประโยคเดิมกับที่เฟ้ยเชียนเคยพูด
เฟ้ยเชียนล้มลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เขากำลังจะตาย
ไอพลังความมืดเล็ดลอดออกมาจากร่างของเฟ้ยเชียน และไอพลังนั้นก็ส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนิญญา มันก่อตัวขึ้นมีลักษณะคล้ายเฟ้ยเชียน และพุ่งตรงเข้าไปโจมตีหลัวเลี่ยโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนถอยห่างออกไปด้วยความกลัวอีกครั้ง
หลัวเลี่ยไม่ได้สนใจคนอื่น เขาเดินตรงไปทางทิศใต้ การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง ใบหน้าของเขาซีดเซียว และยังมีเืสีเขียวเข้มไหลออกมาจากหน้าอกของเขา
“เ้า…”
มู่เจี้ยนเฟยกำลังจะอ้าปากพูด แต่เมื่อได้เปล่งเสียงออกมาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ก่อนหน้านี้เฟ้ยเชียนบอกว่าคนที่สังหารเขาจะถูกพลังอสูรเข้าโจมตี และเมื่อคนคนนั้นถูกโจมตีจนตายแล้ว ไอพลังอสูรก็จะแผ่ขยาย และทำให้ผู้คนมากกว่าครึ่งในที่นี้กลายเป็ปีศาจ แม้ว่าที่ผ่านมาหลัวเลี่ยจะเป็คนช่วยชีวิตทุกคนไว้ แต่การที่จะเก็บหลัวเลี่ยไว้ในกลุ่มอีก คนอื่นๆ จะเห็นด้วยหรือ
หลัวเลี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปยิ้มให้มู่เจี้ยนเฟยและพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็เดินต่อ
คนที่ออกเดินทางร่วมกับเขามีเพียงคนเดียว นั่นก็คือผีเสื้อแห่งรัก
“เ้านี่นะ”
ผีเสื้อแห่งรักประคองแขนของหัวเลี่ยเบาๆ แล้วถอนหายใจ
ภาพแผ่นหลังของทั้งสองคนดูอ้างว้างภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า มันทำให้ผู้คนที่มองอยู่รู้สึกวูบโหวงในหัวใจ
ซูฟั่งจู๋พึมพำกับตัวเอง “นี่คือผลของการเป็วีรบุรุษ”
“มนุษย์เรา ถึงอย่างไรก็ต้องเห็นชีวิตของตัวเองสำคัญที่สุด” เป็เื่ยากที่เติ้งจื่อเฉินจะเห็นด้วยกับเขา
เสียงของพวกเขาดังแ่เบาท่ามกลางสายลม และแผ่กระจายไปถึงหูของผู้คนรอบข้าง ทำให้หลายคนก้มหน้าด้วยความละอายใจ
หลังจากที่หลัวเลี่ยและผีเสื้อแห่งรักหลีกหนีจากฝูงชนและเดินข้ามูเาไปสองลูกแล้ว ผีเสื้อแห่งรักก็หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง และผลักหลัวเลี่ยพร้อมกับเอ่ยว่า “เอาละ เลิกเสแสร้งได้แล้ว เ้าเล่นเป็วีรบุรุษมามากพอแล้ว”
เมื่อมองไปที่หลัวเลี่ยอีกครั้ง ใบหน้าซีดเซียวของเขาก็กลับมาแดงระเรื่อเช่นเดิมแล้ว ร่างกายของเขาสั่นหนึ่งครั้ง จากนั้นพลังภายในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลลัพธ์ก็คือาแและเืบนหน้าอกของเขาที่มีสีเขียวเข้มกลับเป็สีแดงตามปกติ แม้ว่ารอยาแจะยังคงอยู่เช่นเดิมก็ตาม “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแกล้งทำ”
“เ้าไม่จำเป็ต้องถาม เพราะข้ารู้นิสัยของเ้าดี จริงอยู่ที่ว่ายาว่างเฉินและพลังอสูรนั้นน่ากลัว แต่ตอนนี้เ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาั์อยู่ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เ้าจะพ่ายแพ้ให้ยาพิษแค่นี้ได้ง่ายๆ” ผีเสื้อแห่งรักยิ้ม “และข้าก็เห็นว่าเ้าไม่ค่อยพอใจเื่ที่ซูฟั่งจู๋กับเติ้งจื่อเฉินขัดแย้งกันมาสักพักแล้ว เ้าคงอยากจะปลีกตัวออกมาหาบุปผางามอาบพิษที่เป็สามดอกสุดท้ายนั่น เพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเองสินะ”
หลัวเลี่ยยิ้มและพูดว่า “เ้าช่างรู้ใจข้า!”
หลังจากพูดจบ เขาก็นั่งขัดสมาธิด้วยใบหน้าที่จริงจังเพื่อขับไล่พลังอสูรในร่างกายของเขาออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้