บทที่ 75 เขาคือคนของพวกเรา
เมื่อมองดูเงาดำที่ดูน่ากลัวหลายสิบร่างในระยะไกล ใบหน้าของฉู่อวิ๋นก็เริ่มจริงจังขึ้นมา เขาใช้แขนเสื้อเช็ดเืออกจากใบหน้า
เืทั้งหมดที่เปื้อนตัวเป็ของนักรบกลุ่มหมาป่า ส่วนฉู่อวิ๋นไม่ได้รับาเ็ใดๆ
ความจริงแล้ว นี่เป็ครั้งที่สองที่ฉู่อวิ๋นฆ่าคน ทั้งยังฆ่าอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเปื้อนไปด้วยเื กลิ่นคาวเืตลบอบอวลไปในอากาศ เขาไม่เพียงรู้สึกมีความสุข แต่ยังมีไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจด้วย
อย่างที่เริ่นหู่พูดเอาไว้ ที่แห่งนี้พลังมีสิทธิ์ในทุกอย่าง และสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งพูดคือความชอบธรรมเป็ที่สุด
ถ้าในวันนี้ ฉู่อวิ๋นยังไม่ผ่านระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ คนที่จะถูกทรมานและสังหารในคืนนี้ ก็คือตัวเขาเอง
ในเวลานี้ เงาดำในระยะไกลเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เขามองย้อนกลับไปที่มู่หรงซินบนถนน ก่อนตัดสินใจะโว่า “มีนักรบพุ่งมาจากระยะไกล ข้ารู้สึกว่ามีนักรบสองสามคนที่มีพลังมาก พวกเขาพุ่งเป้ามาที่ข้า! เ้ารีบพาเสี่ยงหวงหนีไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็ยังคงเฉยเมย ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของนางย่อมััได้ถึงอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ แต่นางจะทิ้งฉู่อวิ๋นและจากไปเพียงลำพังได้อย่างไร?
“อยากไล่ข้าไป? ไม่มีทาง! อย่าลืมสิว่าข้าก็เป็นักรบระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณด้วย ข้าไม่ใช่คนขี้ขลาด อย่ามาดูถูกข้าเชียว!” มู่หรงซินกัดฟันกรอดและะโขึ้นไปบนหลังคา ใช้มือขวาวาดธนูตามจันทร์ออกมากลางอากาศ แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เมื่อเห็นคนงามปรากฏตัวขึ้นข้างๆ และยืนกรานจะร่วมสู้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกอบอุ่นในใจและไม่พูดอะไรอีก เขาก้าวไปข้างหน้ามู่หรงซิน และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก็ได้ หากพวกเขา้าแย่งเ้ากับเสี่ยวหวงไป ก็ต้องก้าวข้ามศพข้าไปเสียก่อน!”
“ควั่บ!”
หลังจากพูดจบ กระบี่ชื่อยวนก็ถูกชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังปราณของฉู่อวิ๋นเพิ่มขึ้น ราวกับเทพาที่ไม่ยอมแพ้ใคร!
“อืม...ข้า...ข้าเชื่อเ้า!” เมื่อมองดูร่างสูงใหญ่และยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่งามของมู่หรงซินก็ไหวระริก หัวใจของนางเต้นแรงระรัว ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความยุติธรรม นางรู้ดี
จากนั้น ดวงตาของมู่หรงซินก็หรี่ลง วางเสี่ยวหวงบนไหล่ ยกคันธนูตามจันทร์ด้วยมือซ้าย ใช้มือขวาจับเชือกแล้วยิงลูกศรเหล็กออกไปสามดอก ลูกศรบินพุ่งไปในอากาศ พลังปราณพุ่งตรงไปยังข้างหน้า
“มาแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินยืนหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง พร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ!
“ฟิ้ว——”
ครู่ต่อมา มีร่างหลายสิบร่างลอยข้ามหลังคามาในอากาศ และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น แม้ว่าคนเหล่านี้จะมาแบบฉุกละหุก แต่ฝีก้าวของพวกเขาก็เป็อิสระและเรียบง่าย พอจะมีวินัยอยู่บ้าง
“ไอ้หยา ทำไมพวกเ้าสองคนถึงได้ดูดุขนาดนี้?”
เมื่อความตึงเครียดพุ่งถึงขีดสุด ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำลายบรรยากาศเคร่งเครียดในทันที
“เอ่อ? นั่นพี่เฟิงหรือ?” ฉู่อวิ๋นผ่อนคลายลง เขาประหลาดใจเล็กน้อย ที่แท้เงาดำหลายสิบร่างล้วนเป็สมาชิกของกลุ่มัเหล็ก เขาคิดว่าเป็กำลังเสริมจากกลุ่มหมาป่าเสียอีก
“นี่ ระวังอย่าทำร้ายคนของตัวเองเข้าเล่า” เฟิงเยี่ยนยกยิ้มอย่างสบายๆ จากนั้นมองไปที่ฉู่อวิ๋น มองเห็นศพนอนเกลื่อนอยู่รอบๆ เขา ก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น จึงใมาก
ถัดจากเขา สมาชิกคนอื่นๆ ของกลุ่มัเหล็กก็ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เลวร้ายนี้เกิดจากฉู่อวิ๋นเพียงคนเดียว นักรบตัวน้อยในระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ
“ทำไมท่านถึงเพิ่งจะมากัน? เมื่อกี้พวกเราเกือบจะ...” มู่หรงซินอยากจะบ่นที่ทุกคนมาช้า แต่พลันคิดได้ว่าฝ่ายที่ตกเป็เหยื่อคือกลุ่มหมาป่า นางก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
พวกเขามากกว่ายี่สิบคนไม่สามารถปล้นฆ่าเป้าหมายได้ ทั้งยังกลับถูกฉู่อวิ๋นเพียงคนเดียวสังหารสิ้น เืสาดกระเซ็น กลิ่นคาวคละคลุ้ง ร่างไร้ิญญานอนนิ่งทั่วมุมถนน
หากเื่นี้แพร่กระจายออกไป ย่อมเป็ข่าวใหญ่ปิดไม่มิดแน่นอน น่าใถึงเพียงนี้
“อืม... ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเรามาสายก็ไม่ใช่เื่ใหญ่แล้ว การฝึกฝนของจอมยุทธ์ฉู่นั้นเกินคาดจริงๆ ฆ่าคนในกลุ่มหมาป่าไปกว่ายี่สิบคนได้ด้วยตัวคนเดียว แม้จะเป็ข้าที่อยู่ระดับเก้าก็ทำไม่ได้” เฟิงเยี่ยนกล่าวยกย่องและแอบพยักหน้า
นักรบทุกคนก็ประหลาดใจเช่นกัน พร์ของฉู่อวิ๋นช่างพิเศษเหนือใคร เมื่อถึงเวลา อนาคตของเขาไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่หัวหน้าหนีไปได้!” ใบหน้าของฉู่อวิ๋นไร้ซึ่งความตื่นเต้น เขาวางกระบี่ชื่อยวนลงแล้วถอนหายใจเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเสียใจ
เมื่อครู่ เขาสามารถฆ่าเริ่นหู่ได้ด้วยกระบี่เดียว ทว่าเริ่นหู่เ้าเล่ห์นัก ไม่คิดว่าอีกคนจะมีอาวุธหนีตายเช่นนั้นพกติดตัว
ปล่อยพยัคฆ์คืนไพร ภายภาคหน้าไม่อาจสงบสุข
“ฮ่าๆ ใครบอกกัน?” เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของฉู่อวิ๋น เฟิงเยี่ยนก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ปรบมือให้สมาชิกที่ยืนรั้งท้ายนำตัวชายที่เปื้อนไปด้วยเืออกมา
คนคนนี้ฉู่อวิ๋นคุ้นเคยมาก เขาคือเริ่นหู่ที่หลบหนีไปเมื่อครู่
“เป็เ้า!?” ฉู่อวิ๋นจ้องมองด้วยแววตาวาวโรจน์และเดินเข้าไปหา ความคิดเข่นฆ่าพุ่งขึ้นมาในใจ
เมื่อเห็นดังนั้น เริ่นหู่ที่ถูกผลักลงไปที่พื้นก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เดิมทีเขาอยากใช้ประโยชน์จากควันแล้วหนีไป แต่ไม่คิดว่าตนเองจะโชคร้ายเจอสมาชิกกลุ่มัเหล็กจับกลับมาอีกครั้ง
ด้วยความแข็งแกร่งของเริ่นหู่ในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ เขาไม่มีโอกาสชนะเฟิงเยี่ยนเลยสักนิด ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนและถูกจับตัวอีกครั้ง
“เ้าหนู เ้าอย่ารังแกคนเกินไปนัก! วันนี้เ้าฆ่าคนของกลุ่มหมาป่าเราไปไม่น้อย หัวหน้ากลุ่มเราไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่! เ้าไม่มีทางอยู่ได้อย่างสงบสุขหรอก!” แม้ว่าเริ่นหู่จะกลัวมากแต่ยังคงแสร้งข่มขู่ฉู่อวิ๋น
“ข้าจะเป็อยู่อย่างไรเ้าไม่ต้องมาใส่ใจ แต่เป็เ้าที่เกรงว่าคงไม่มีชีวิตให้อยู่อย่างสงบสุขที่ว่านั่นแล้ว”
ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเฉยเมย ยกฝ่ามือขึ้นแล้วกดลงบนหัวของเริ่นหู่ ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว แววตาหวาดกลัว แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนต่อไป
ทว่าเขาถูกนักรบสองคนจับตัวไว้ให้นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่สามารถขยับได้ ได้แต่รอให้ฉู่อวิ๋นจัดการเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเริ่นหู่ก็หมดแรงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ปล่อย...ปล่อยข้า! ไอ้หนู พี่...พี่ชายของข้าเป็รองหัวหน้า คำพูดมีน้ำหนัก ขอแค่วันนี้เ้าไม่ฆ่าข้า ข้ารับรองว่าวันหน้าเ้าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย!”
ข้างๆ เขา เฟิงเยี่ยนถ่มน้ำลายอย่างเ็าและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เ้าพูดดูดีนัก คนเขารู้กันทั้งบางว่ากลุ่มหมาป่าของเ้าทั้งโเี้ทั้งดุร้าย ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าในอนาคตพวกเ้าจะมาแก้แค้นคืนหรือไม่ จอมยุทธ์ฉู่ ท่านควรฆ่าเขาเสีย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็พยักหน้า จากนั้นยกฝ่ามือขึ้นแล้วะโ “ตายซะ!”
แสงจากฝ่ามือพุ่งออกไป เริ่นหู่ทรุดนั่งด้วยความใจนแทบจะเป็ลมอยู่รอมร่อ
“ควั่บ!”
แต่ทันใดนั้น เมื่อฝ่ามือของเขาเกือบจะถึงหน้าผากของเริ่นหู่ ก็ถูกแสงวาบจากระยะไกลพุ่งใส่อย่างรวดเร็ว เงาหมัดทั้งสง่างาม และเต็มไปด้วยพลังอันท่วมท้น
“หืม?!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ตื่นตัวทันที ใช้ก้าวเงาบินลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วหันหลังถอยกลับอย่างรวดเร็ว
พลังหมัดที่ยิ่งใหญ่ทำลายบ้านทั้งหลังด้วยเสียงดังตึง ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย แผ่นฝ้ากระเบื้องมุงหลังคาแตกละเอียดร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น
“ทุกคน ระวังด้วย!” ใบหน้าของเฟิงเยี่ยนเคร่งเครียด เมื่อเห็นพลังหมัดอันน่าทึ่งนี้ เขาก็โต้ตอบและะโบอกสมาชิกทุกคนทันที
“โจรกระจอกพวกนั้นอยู่ที่ใด? พวกเ้าหรือที่จะทำร้ายน้องข้า?!”
มีเสียงะโอันทรงพลังดังขึ้นจากไกลๆ ไม่นานก็ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนในชุดสีเทา คิ้วของเขาเลิกขึ้น ใบหน้าถมึงทึงเคร่งเครียด พุ่งมาพร้อมพลังอันร้ายกาจแล้วหยุดอยู่ที่หลังคาฝั่งตรงข้าม
“พี่...พี่ใหญ่! ช่วยข้าด้วย!” เมื่อเห็นชายในชุดสีเทาปรากฏตัว ดวงตาของเริ่นหู่ก็เป็ประกายระยับ แม้จะถูกจับเป็ตัวประกันแต่ก็ยังพยายามดิ้นรนต่อไป พร้อมแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ชายคนนี้คือ เริ่นอวี่สิงรองหัวหน้าของกลุ่มหมาป่า การฝึกฝนของเขาได้มาถึงระดับสี่ของขั้นมหาสมุทร ซึ่งสูงกว่าทุกคน ณ ที่นี้
“รีบส่งน้องชายข้าและเด็กสารเลวคนนั้นมา! ไม่เช่นนั้น กลุ่มัเหล็กของเ้าคงได้สิ้นชื่อในวันนี้!” เริ่นอวี่สิงพูดอย่างเ็า หมัดของเขาเปล่งแสงด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว
“ฮ่าๆ เกรงว่าจะไม่ได้นะ! ทุกคน ปกป้องฉู่อวิ๋น!” เฟิงเยี่ยนะโและ้ารวมกลุ่มอีกครั้ง นักรบทุกคนในกลุ่มัเหล็กเชื่อฟังคำสั่งทันที รีบสร้างกำแพงมนุษย์ล้อมรอบฉู่อวิ๋นและเริ่นหู่
แม้ว่าเฟิงเยี่ยนจะเป็ผู้แข็งแกร่งในระดับสองของขั้นมหาสมุทร แต่เมื่อระดับพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น ระยะห่างระหว่างแต่ละระดับของขั้นนั้นๆ ก็จะกว้างมากขึ้น การต่อสู้ข้ามระดับก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เริ่นอวี่สิงเป็นักรบระดับสี่ขั้นมหาสมุทร เฟิงเยี่ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หมากในมือเพียงตัวเดียวในตอนนี้ก็คือเริ่นหู่
ตราบใดที่อยู่ใกล้เริ่นหู่มากพอที่จะปลิดชีพเขา เริ่นอวี่สิงก็จะไม่ทำการวู่วาม
“หึ เ้าคิดว่าอยู่ใกล้เ้าเด็กคนนั้นแล้วข้าจะทำอะไรไม่ได้หรือ? เชื่อสิว่าข้าสามารถเอาชีวิตพวกเ้าได้เพียงแค่ดีดนิ้วเดียว!” เริ่นอวี่สิงะโขึ้นไปบนหลังคาฝั่งเฟิงเยี่ยนอย่างง่ายดาย และค่อยๆ เดินไปหาฉู่อวิ๋นพร้อมกับไอสังหารและพลังหมัดอันแรงกล้า
เมื่อมองดูเริ่นอวี่สิงที่สูงตระหง่านตรงหน้า สีหน้าของทุกคนก็จริงจังขึ้น แต่ยังคงยืนตัวตรงอย่างไม่หวาดกลัว
โดยเฉพาะเฟิงเยี่ยน ในฐานะนักรบขั้นมหาสมุทรเพียงคนเดียว ณ ที่นี้ เขาเป็หัวหน้าและยืนอยู่ด้านหน้าสุด มุ่งมั่นที่จะปกป้องพี่น้องของเขาจนตาย!
“พวกท่าน...” ฉู่อวิ๋นรู้สึกะเืใจอย่างมาก ภาพตรงหน้านี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ตอนที่เขาบุกประตูเมืองก็มีเหล่าผู้เฒ่ามาคอยปกป้อง ตอนนี้เขาก็มีสหายผู้ภักดีที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเขา!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็กัดฟันและพูดว่า “ข้าเป็คนทำข้าก็ต้องเป็คนรับผิดชอบ กลุ่มหมาป่ามาที่นี่เพราะข้า พวกท่านไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้าหรอก!”
“ได้ยินหรือไม่? เด็กนั่นกำลังจะบอกให้เ้าไสหัวไป ทำไมถึงยังไม่รีบไปอีก? อยากให้ที่นี่มีเืเ้าเปื้อนเข้าไปด้วยหรือ?” เริ่นอวี่สิงหัวเราะเยาะและเดินหน้าต่อ รังสีพลังหมัดของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ฮ่าๆ!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ยามนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเริ่นอวี่สิง นักรบกลุ่มัเหล็กทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าและหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าแน่วแน่และแววตาเป็ประกาย
“ตอนนี้จอมยุทธ์ฉู่ได้เข้าร่วมกลุ่มัเหล็กของเราแล้ว เขาเป็คนของพวกเรา! เขาเป็สหายของพวกเรา! เ้าอยากให้เราทิ้งเขาแล้วหนีไปหรือ? ไม่มีทาง!” เฟิงเยี่ยนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ ปรากฏมีดบินสองเล่มบนมือหนาหยาบกร้าน แสงใบมีดคมกริบสะท้อนเข้าตา
“เขาเป็สหายของพวกเรา!”
“เขาเป็สหายของพวกเรา!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยน ทุกคนก็รู้สึกกล้าหาญขึ้นมาในใจ ความกลัวที่เคยมีมลายหายไป พวกเขาทั้งหมดเดินมายังตรงหน้าฉู่อวิ๋น อาวุธทุกชนิดถูกนำออกมาเพื่อพร้อมต่อสู้จนตัวตาย แม้ว่าจะต้องหลั่งเืเสียเนื้อก็ไม่เสียใจ!
ดวงตาของฉู่อวิ๋นแดงก่ำ เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำดังจนได้ยินถึงหู ทั้งเขายังตื่นเต้นจนเืสูบฉีด! แม้แต่ริมฝีปากก็ยังถูกเขากัดจนเืห้อ
“ฮ่าๆๆ โง่เขลา! โง่เขลายิ่งนัก! ตายไปแล้วความภักดีพวกนี้จะมีประโยชน์อันใด? เ้าพวกคนโง่!” เริ่นอวี่สิงหัวเราะเยาะ จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็เ็าและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขา้าทำลายกลุ่มัเหล็กและสังหารฉู่อวิ๋น!
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ-”
ปราณหมัดพุ่งข้ามท้องฟ้าพร้อมด้วยเริ่นอวี่สิงที่พุ่งออกไปราวกับเ้าป่าพิโรธ เฟิงเยี่ยนเป็คนแรกที่รับมือกับความรุนแรง เผยสีหน้าจริงจัง เขามีพลังเพียงพอที่จะรับมือมัน!
“ปัง!”
ตอนนั้นเอง ในขณะที่เริ่นอวี่สิงกำลังจะโจมตีเฟิงเยี่ยนก็เกิดเสียงดังปังขึ้น มีร่างหนึ่งถูกพาขึ้นไปบนท้องฟ้า นั่นคือเริ่นหู่
“อ๊ะ! น้องพี่!” เริ่นอวี่สิงมองเห็นเริ่นหู่ที่อยู่กลางอากาศจึงหยุดการเคลื่อนไหวทันทีและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในก้าวเดียว พยายามจะคว้าจับน้องชายไว้
“สายไปแล้ว!”
“ควั่บ!”
หลังจากเสียงะโของฉู่อวิ๋น สายรุ้งอันสดใสก็เผยโฉมบนท้องฟ้า ฉายแสงแวบวาบอย่างรวดเร็วราวกับัที่ทะยานสู่ท้องนภา!
“ฉึก!”
่เวลาครู่นั้น ก่อนที่เริ่นอวี่สิงจะคว้าถึง ร่างของเริ่นหู่ก็ถูกแทงด้วยกระบวนท่ากระบี่ดาวตก หน้าอกของเขาฉีกขาด เืสีแดงสดไหลอาบ
“น้องพี่!!” เริ่นอวี่สิงะโด้วยความใ เขาไม่คิดว่าเริ่นหู่จะถูกฉู่อวิ๋นสังหารต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้!
“พวกท่าน วิ่งสิ!”
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็ะโบอกให้กลุ่มัเหล็กแยกย้ายกันหนี!
