“เื่รอบตัวที่น่าสนใจในเมืองผิง” เป็รายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในท้องถิ่น
ไม่เครียดเหมือนดูข่าว แต่ก็ไม่เกินจริง เื่รอบตัว แค่เกริ่นก็เข้าใจ พุ่งประเด็นสำคัญไปที่เื่รอบตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็การทะเลาะวิวาทกันของเพื่อนบ้าน น้ำมันจากท่อระบายน้ำ[1]ที่ใช้ในร้านอาหาร การฉีดน้ำเพื่อเพิ่มน้ำหนักในหมู…มีข่าวทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
่ต้นปี 2000 ซึ่งอินเทอร์เน็ตยังไม่พัฒนาเท่ากับยุคปัจจุบัน หลายคนที่ปิดเทอมหรือเลิกงานจึงมักมีงานอดิเรกคือดูโทรทัศน์
เนื่องจากเป็รายการที่สมเหตุสมผล หลายปีมานี้ทำให้มีผู้ติดตามชมอย่างเหนียวแน่น
ในวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งตารอชมรายการ เปิดช่องโทรทัศน์เพื่อรอเวลา นั่งประจำที่รอดูรายการ “เื่รอบตัวที่น่าสนใจในเมืองผิง”
แต่ว่ารายการในวันนี้ดูแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อย
จางซานและหลี่ซื่อทะเลาะวิวาทกัน หวังเอ้อและหูลิ่วกำลังโต้เถียงกัน จู่ๆ ก็มีเื่แทรกเข้ามา “กองทุนช่วยเหลือการศึกษา”
สถานการณ์แบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มีเื่ดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ”
“ให้เงินเปล่าๆ ฝันไปเถอะ มีเบี้ยเลี้ยงชีพก็ยังต้องผูกมิตรกับผู้ใหญ่บ้าน หากไม่มีความสัมพันธ์อันดี ไม่มีทางได้รับความสำคัญ”
มีคนไม่พอใจก็ย่อมมีคนที่มีวิสัยทัศน์ “แต่ก็ต้องเป็คนเรียนดี ในโทรทัศน์ก็บอกไม่ใช่หรือว่าเด็กเ่าั้ล้วนแต่เป็เด็กที่มีผลการเรียนดี แต่ครอบครัวไม่มีเงินส่งเสีย เป็นักเรียนเรียนดีกันทั้งนั้น”
“นี่เป็เื่ดีจริงๆ…”
เมื่อมีข่าวกองทุนช่วยเหลือการศึกษาเข้ามาก็ได้รับความสนใจอย่างมาก คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ติดตามรายการนี้ แต่ก็นั่งดูอยู่หน้าโทรทัศน์ได้ถกเถียงกันเื่นี้
ต่างคนต่างแย่งกันพูด ถกเถียงกันด้วยความคิดต่างๆ
แต่แล้วการสนทนานี้ก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เมื่อในโทรทัศน์ปรากฏวิดีโอของอันธพาลจำนวนมากที่กำลังวิ่งไล่อะไรบางอย่าง ถึงแม้จะมีการเซนเซอร์หน้า แต่ในมือที่ถือท่อนเหล็กสามเหลี่ยม ไม้กระบอง มีดพร้า อาวุธต่างๆ ครบมือ รูปลักษณ์ที่ดุดันเ่าั้ทำให้ผู้ชมอดไม่ได้ที่จะใจหาย
พิธีกรรายการอย่างหลี่ิฉีรีบออกมารายงานสถานการณ์ข่าว
“่เย็นของวันนี้ ผมได้พบว่าในพื้นที่รกร้างทางเหนือของสถานีขนส่งเฉิงเป่ย เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด…”
เนื้อหาทั้งหมดใช้เวลารายงานราวๆ ห้านาทีเต็ม ระหว่างนั้นมีการสอดแทรกวิดีโอต่างๆ และรายงานอย่างชัดเจนั้แ่ต้นจนจบ แน่นอนว่าหลี่ิฉีไม่ใช่หนุ่มไร้เดียงสาที่จะรายงานไม่รอบคอบ ในตอนท้ายเขาได้ใส่ภาพตอนที่หน่วยปราบจลาจลมาถึง ซึ่งในข่าวได้ยกย่องในความรวดเร็วและความจริงจังในการทำงานของเ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามประชาชนได้มุ่งความสนใจไปที่ฉากเปิดการทะเลาะวิวาทในตอนแรกแล้ว
แต่แค่การทะเลาะวิวาทที่มาจากนักเรียนสองคน ทำไมถึงกลายเป็เื่ใหญ่ขนาดนี้…เมื่อได้ยินพิธีกรรายงานว่าผู้าเ็ในตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย ก็ทำให้ผู้ชมที่อยู่หน้าโทรทัศน์พากันใจหาย
ช่างเป็ข่าวที่เขย่าขวัญประชาชนจริงๆ
นักเรียนเดี๋ยวนี้ทำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงพยาบาลประชาชนประจำเมือง เ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาแยกทั้งคู่ออกอย่างทันท่วงทีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
ในเวลานั้นหลิวจินเซียงะโจนคอแห้ง แขนก็ปวดระบม
โจวกุ้ยฮวาที่ถูกเธอตบตีกลับมีสภาพย่ำแย่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาปูดบวม
“เกิดอะไรขึ้น”
คณบดีจางที่เลิกงานแล้ว เมื่อได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ก็รีบเดินจากอาคารที่พักมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“คณบดีจางคะ พวกเขาทำร้ายร่างกายคนอื่นและก่อเื่ค่ะ”
โจวกุ้ยฮวาที่เป็คนผิดรีบฟ้องก่อน แต่เพราะถูกทำร้ายาเ็ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงไม่ค่อยชัดเจน
แต่คนของตระกูลซูได้ยินชัดเจน เพราะความโกรธทำให้พวกเขาพูดไม่ออก
ทว่ายังมีอวี๋ฉิงที่รู้เื่ทุกอย่างดี เธอก้าวไปเบื้องหน้าและเล่ารายละเอียดทั้งหมด
“พวกเขาโกหกค่ะ หลานสาวของฉันเป็เด็กเชื่อฟัง แม้แต่แมลงวันสักตัวยังไม่กล้าตี…”
“พอแล้ว!”
คณบดีจางขัดขึ้นทันทีด้วยความโกรธ “เลิกพูดได้แล้ว เื่เป็ยังไงผมรู้ดี”
ในฐานะผู้ชมรายการ “เื่รอบตัวที่น่าสนใจในเมืองผิง” ตอนที่เริ่มรายการ คณบดีจางก็นั่งดูอยู่หน้าโทรทัศน์ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็อย่างไร เขารู้ดีเสียยิ่งกว่าทุกคนในนี้
“ทำร้ายคนอื่น อันที่จริงก็ไม่ถูกต้องหรอก แต่…”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คณบดีจางชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาหันไปทางห้อง ICU ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อมองผ่านกระจกก็เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาวที่อยู่ในนั้น
โกรธแค้นอะไรกัน ทำไมทำร้ายเด็กสาวคนนี้ได้ถึงขนาดนี้
คณบดีจางรู้สึกสงสารซูอิน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่อยู่ด้านข้าง ความรู้สึกเ่าั้ก็เปลี่ยนไป
หลิวจินเซียงรีบพูด “คณบดีคะ คุณอย่าเข้าข้างเธอเพราะเธอทำงานในโรงพยาบาล หลานสาวของเธอทำร้ายอินอินของเรา ไม่ขอโทษยังไม่เท่าไร แต่เธอกลับมายืนด่าอินอินของเรา เอาใจเขามาใส่ใจเราดูนะ หากเด็กที่นอนอยู่ในนั้นเป็บุตรหลานของคุณ คุณจะอดทนได้หรือคะ”
แน่นอนว่าไม่มีทางทนได้
คณบดีจางพยักหน้า แต่ไม่นานเขาก็จับใจความจากคำพูดของอีกฝ่ายได้ “นี่คือพนักงานในโรงพยาบาลหรือ”
“ใช่ค่ะ เมื่อครู่เธอพูดเองว่าทำงานอยู่ในโรงพยาบาลนี้”
เขามองหน้าโจวกุ้ยฮวาอย่างพิเคราะห์ รู้สึกคุ้นตาอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะรูปร่าง เหมือนกับว่าเคยเห็นบ่อยๆ แต่นึกไม่ออกว่าอยู่แผนกไหน
เมื่อนึกไม่ออกเขาจึงถามไปตรงๆ “ไม่ทราบว่าคุณคนนี้อยู่แผนกอะไรหรือ”
โจวกุ้ยฮวาตัวสั่น แต่ก็เลือกที่จะตอบตามความจริง “โรงอาหารค่ะ…ตักอาหาร…”
สำหรับคนเรียบง่ายอย่างคณบดีจาง เขามักจะไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารของโรงพยาบาลอยู่เสมอ หากเป็คนตักอาหารก็แสดงว่าต้องเป็คนคนนั้นอย่างแน่นอน และเขาก็นึกออกอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ในโรงอาหารกำลังยุ่งอยู่หรือ”
โจวกุ้ยฮวา : …
“ฉัน…ได้ยินว่าเกิดเื่ขึ้นที่นี่ก็เลยวิ่งมาดูค่ะ"
คณบดีจางไม่รู้เื่ความสัมพันธ์ของโจวกุ้ยฮวาและซูอิน ทำให้เขาเข้าใจผิด “ดังนั้น คุณรู้อยู่แล้วว่าหลานสาวตัวเองทำร้ายลูกสาวของคนอื่น แล้วยังตั้งใจมาที่นี่ในเวลางานเพื่อด่าทอผู้ปกครองของคนอื่นหรือ”
“คณบดีจางคะ หลานสาวของฉัน…เธอ…เป็แค่เด็กสาวตัวเล็กๆ จะไปทำร้ายคนอื่นให้กลายเป็แบบนี้ได้ยังไงคะ”
ความอดทนของคณบดีจางหมดลงในทันที “พอเถอะ เื่นี้ออกข่าวโทรทัศน์แล้ว ในนั้นรายงานอย่างชัดเจนหมด ทุกคนล้วนรักลูกหลานในครอบครัวของตนเองทั้งนั้น แต่การที่คุณทำแบบนี้ ผมไม่เคยพบเคยเห็น พนักงานแบบคุณไม่คู่ควรกับโรงพยาบาลของเรา พรุ่งนี้หากแผนกการเงินมาทำงานแล้ว ก็เข้ามารับเงินเดือนซะ”
คณบดีจางเป็คนทำเพื่อคนอื่นอย่างตรงไปตรงมา หลายปีก่อนเมื่อรู้ว่าหลายๆ ครอบครัวของเ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลประสบปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเจ็บป่วยร้ายแรงก็ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ทำให้เขาคิด “บัญชีสำรองประกันสุขภาพ” ขึ้นมา ทางโรงพยาบาลจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ก่อน จากนั้นค่อยๆ หักจากเงินเดือนหรือเงินประกันสุขภาพในภายหลัง
คณบดีที่ไม่ได้คิดจะใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเช่นนี้ มีคุณธรรม ไม่มีทางที่เขาจะขัดต่อทัศนคติสามประการ
หากโจวกุ้ยฮวาเป็พนักงานประจำที่นี่ ตัวเขาคงไม่มีอำนาจไล่เธอออก แต่พนักงานที่ทำงานในโรงอาหาร หากจะไล่ออก แค่พูดประโยคเดียวก็จัดการได้ทันที
เหตุผลก็มีพร้อม ละทิ้งหน้าที่ในเวลางานโดยไม่มีเหตุผล
โจวกุ้ยฮวารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า
เธอเป็เพียงหญิงชนบท เรียนไม่จบชั้นประถม คนชนบทที่เหมือนกับเธอส่วนมากก้มหน้าตรากตรำทำนา ตัวเธอที่ได้มาทำงานในโรงอาหารของโรงพยาบาล นอกจากทำงานสบายแล้ว เงินเดือนก็ไม่น้อย บางครั้งที่กลับชนบทก็สามารถเสแสร้งเป็คนมีหน้ามีตาในสังคม
ไม่คิดเลยว่าการที่เธอแค่จะมาดูเื่สนุก จะทำให้ต้องตกงาน
ในเวลานี้โจวกุ้ยฮวาไม่เพียงรู้สึกเ็ปบนหน้า ในใจของเธอก็เริ่มรู้สึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
คณบดีจางไม่ใช่ผู้ติดตามชมรายการ “เื่รอบตัวที่น่าสนใจในเมืองผิง” เพียงคนเดียว ในคืนนั้นหลายครอบครัวก็ได้รับชม ข่าวเหตุการณ์นองเืเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ข่าวนี้จุดชนวนให้เกิดการอภิปรายในท้องถิ่นอย่างดุเดือด
กว่าซูอินจะฟื้นก็หลังจากนั้นสามวัน
ผ่าน่เวลาบ่มเพาะมาหลายวัน ทำให้ในเวลานี้สถานการณ์ด้านนอกเปลี่ยนไปมาก
--------------------------------------------------------------------------
[1] น้ำมันจากท่อระบายน้ำ คือน้ำมันราคาถูกที่ได้จากการตักน้ำมันตามบ่อดักไขมันในท่อระบายน้ำของพวกร้านอาหารขนาดใหญ่ในเมืองเพื่อนำมากลั่นเป็น้ำมันขายใหม่