หลิวจือโม่รู้สึกผิดมาก ไม่เพียงแต่ไม่เป็ประโยชน์แล้วยังจะเป็ตัวถ่วงอีก
"ขอโทษ…"
เขากล่าวขอโทษกะทันหัน ทำให้หลี่ชิงหลิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติอีกครั้งจึงเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
นางดึงหน้าเศร้าของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่ไม่ใช่เทพเ้าเสียหน่อย เป็คนก็ป่วยได้หมด จะขอโทษทำไม จริงๆ เลย…”
เมื่อวานเขาเหนื่อยเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายรับไม่ไหวถึงได้เป็ไข้
ถ้าจะบอกว่าเขาผิด นางก็ผิดด้วย นางเอาแต่สนใจเื่การล่าสัตว์ ไม่ทันได้สนใจสภาพร่างกายของเขาเลย
เมื่อเห็นว่านางยังคงยิ้ม หลิวจือโม่ก็ยิ้มเล็กน้อย เขาชอบที่นางมองโลกในแง่ดี ไม่หดหู่เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก แต่เผชิญกับมันด้วยความเข้มแข็ง
“หลับตาพักเถอะ ไว้ต้มยาเสร็จแล้วจะเรียก” นางพยุงให้เขานอนลงบนพื้น แต่แตะพื้นแล้วรู้สึกชื้นเล็กน้อย จึงให้เขาลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง “รอเดี๋ยวนะ” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากถ้ำ ทิ้งหลิวจือโม่ไว้ในความงุนงง
หลี่ชิงหลิงไม่กล้าไปนานเกินไป เพราะกลัวยาที่ต้มไว้จะแห้ง นางจึงลากใบไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากจากบริเวณใกล้เคียงกลับถ้ำ กระจายบนพื้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงจะพยุงหลิวจือโม่ให้นอนลงไปอย่างวางใจ
หลิวจือโม่ง่วงนอนมาก หลังเอนตัวลงไปได้ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป หลี่ชิงหลิงฟังลมหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอ ก่อนจะหัวเราะหันหลังกลับไปดูยา
ต้มยาอยู่ครึ่งชั่วยามจึงเสร็จ นางยกยามาและแอบหยดน้ำจิติญญาสองหยด หวังว่าน้ำจิติญญาจะเป็ประโยชน์ต่อหลิวจือโม่
นางเปิดฝาหม้อดินเผาเพื่อให้ยาเย็นลงเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นไปเรียกหลิวจือโม่
ทันทีที่นางเข้าใกล้หลิวจือโม่ก็เห็นเขาขดตัวสั่นเทา ปากพร่ำว่าหนาว เมื่อเห็นสภาพของเขา หัวใจของนางก็สะดุดอีกครั้ง
"พี่จือโม่ ตื่น..."
หลี่ชิงหลิงเรียกหลายครั้ง หลิวจือโม่จึงจะฝืนลืมตาขึ้น “เสี่ยว… หลิง…” เขาหนาวจนฟันกระทบกึก
นางพยุงเขาขึ้นมานั่งพิงกำแพงหิน แม้ว่ายาจะยังร้อนอยู่ นางก็ป้อนเขากิน
หลิวจือโม่ดื่มยาและนอนลงอีกครั้ง หลี่ชิงหลิงขมวดคิ้วและขยับกองไฟมาใกล้เพื่อให้เขาอุ่นขึ้น
หลังจากนั้น เด็กสาวก็เห็นว่าเขายังคงตัวสั่นและเริ่มกังวลขึ้นมา กลางป่ากลางเขาแบบนี้ไม่มีผ้าห่ม แล้วจะใช้อะไรเพื่อทำให้เขาอบอุ่นได้?
นางรู้สึกร้อนรน ฉับพลันนึกถึงเื่ของใช้ร่างกายสร้างความอบอุ่น
หลี่ชิงหลิงชำเลืองมองหลิวจือโม่ กัดฟัน ลองสักตั้งก็แล้วกัน
นางวิ่งไปถอดเสื้อผ้าของหลิวจือโม่ หลิวจือโม่ตื่นขึ้นมาและถามนางด้วยเสียงแหบแห้งว่าจะทำอะไร? มือข้างหนึ่งยังคงจับเสื้อไว้แน่น เขามองดูนางอย่างระแวดระวัง ราวกับว่านางเป็คนฉวยโอกาส
หลี่ชิงหลิงที่หน้าแดงกระแอม บอกว่าจะรักษาความอบอุ่นให้
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง นางก็ดึงมือออก ถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วจนหลิวจือโม่หยุดไม่ทัน
หลังจากถอดเสื้อผ้าเสร็จ หลี่ชิงหลิงก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง ซึ่งทำให้หลิวจือโม่ใยิ่งกว่าเดิม
ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วของเขาเปลี่ยนเป็สีแดงยิ่งขึ้น เขาหันหลังไม่กล้ามองนาง "หลี่ชิงหลิง..." เขากัดฟันเรียกชื่อเต็ม "ใส่เสื้อผ้าซะ"
คิดจะทำอะไรของนางกันแน่? ถึงจะเป็คู่หมั้นกันก็เถอะ แต่… จะทำแบบนี้ไม่ได้!
หลี่ชิงหลิงไม่สนใจเขา นอนลงข้างกาย กอดเขาจากด้านหลังและเอาเสื้อผ้ามาคลุมทั้งคู่ไว้
อุณหภูมิร่างกายอันอบอุ่นของนางแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เขาพยายามดิ้นรนด้วยความอายเพื่อให้นางปล่อยเขาไป
กำลังของนางมีมากกว่าเขาอยู่แล้ว บวกกับเขากำลังป่วย มือและเท้าอ่อนแรง เขาย่อมไม่มีเรี่ยวแรง ดังนั้นแม้จะดิ้นสักเท่าไรก็ไม่สามารถหนีไปได้
"อย่าขยับ..." หลี่ชิงหลิงดุ นางรู้สึกเหมือนกำลังกอดก้อนน้ำแข็ง ที่ชวนหนาวสะท้านจนตัวสั่น "ในอนาคตพี่จะแต่งงานกับข้าใช่ไหม"
"แน่นอน…"
“งั้นก็ไม่เป็ปัญหา” หลี่ชิงหลิงตบหน้าอกของเขา “นอนเถอะ นอนหลับหน่อยก็หายดีแล้ว”
ชีวิตก่อน นางเองก็เคยเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเปลือยกายลงไปอาบน้ำในแม่น้ำในหมู่บ้าน ไม่ได้มีใครคิดอะไรมากมายนัก
ตอนแรกร่างกายที่แข็งทื่อของหลิวจือโม่พยายามฝืนตื่น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ของยาได้ ดวงตาปรือปิดลงช้าๆ
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของเขาอ่อนลง หลี่ชิงหลิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายหลับแล้ว
ก่อนที่หลี่ชิงหลิงจะรู้ตัว นางก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตนอยู่ในอ้อมแขนของหลิวจือโม่ ถูกเขากอดไว้แน่น
เด็กสาวหน้าแดงเล็กน้อย พูดตามตรง นางไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้มาก่อน
นางเงยศีรษะขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแบบสามร้อยหกสิบองศาโดยไม่มีมุมอับ นางกลืนน้ำลาย หากเขาไปเป็ดาราในยุคปัจจุบันจะต้องดังะเิแน่ๆ
หลังจากคิดไปทั่วอยู่พักหนึ่ง นางก็จำอาการของเขาได้และรีบเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขาแล้วแตะหน้าผากตัวเอง อุณหภูมิกลับเป็ปกติแล้ว
ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในหัวใจของนางก็ถูกยกออก
อย่างไรก็ตาม นางกลับรู้สึกลังเลอีกครั้ง นางควรลุกขึ้นหรือนอนในอ้อมแขนของเขาต่อไปดี?
ถ้านางขยับเขาจะตื่นไหม?
หลังจากลังเลอยู่นาน สุดท้ายหลิวจือโม่ลืมตาขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหันหน้าหนีพร้อมกัน
เดิมทีนางไม่อายเลย แต่ตอนนี้เริ่มอายขึ้นมาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กระแอมในลำคอ "รู้สึกยังไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นไหม"
หลิวจือโม่ตอบรับ บอกว่าเขาดีขึ้นมาก
"งั้นก็ดี..." หลี่ชิงหลิงเคาะแขนของเขา "ปล่อยข้าได้แล้ว"
หลิวจือโม่จึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังกอดนางแน่น โดนนางเคาะแบบนี้แล้วเขารีบหดมือราวกับถูกไฟฟ้าดูด ใบหน้าของเขาแดงอีกครั้ง
เมื่อเห็นเขาเป็เช่นนี้ ความอายเล็กน้อยในใจหลี่ชิงหลิงก็หายไป นางยิ้ม ลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ทอดสายตามองข้างนอก น่าจะเที่ยงแล้ว ได้เวลากินข้าวแล้ว
“ข้าจะไปหาอาหารมาให้” นางวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง ถือหม้อดินและไก่ป่าไปด้วย
ทันทีที่นางจากไป หลิวจือโม่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตบหน้าตัวเองแล้วรีบแต่งตัว
การเจ็บป่วยของเขาขัดขวางการล่าสัตว์ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ชิงหลิงก็กลับมาพร้อมกับหม้อดินเผาและสมุนไพร นางยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าเป็ธรรมชาติ “กินให้อิ่มท้องก่อน แล้วข้าจะต้มยาให้” ต้องกินยาอีกหน่อย นางถึงจะวางใจได้
หลิวจือโม่ก่อกองไฟ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูด "ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว เรายังมีเวลาออกล่าอีกไหม"
หลี่ชิงหลิงใส่ไก่ลงไปต้มแกงจืด "ไม่ล่ะ พี่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก จะเหนื่อยเกินไม่ได้ พักผ่อนที่นี่อีกหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับกัน" คงไม่สามารถเข้าไปลึกอีกต่อไป ถ้าเจอสัตว์ร้าย นางที่มีหลิวจือโม่ด้วยคงไม่มีโอกาสชนะ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวจือโม่ก็พยักหน้าด้วยความรู้สึกผิดในใจ
นางเข้ามาใกล้ ตบไหล่เขาและบอกว่าอย่าคิดมาก เด็กที่คิดมากจะไม่สูง
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่ตัวน้อย เขาก็หัวเราะออกมา "เ้าเด็กกว่าข้าอีก!" ถ้าเขาเป็เด็ก นางก็เด็กเสียยิ่งกว่า
หลี่ชิงหลิงเลิกคิ้ว ยืดคอแล้วพูด "ข้าไม่ได้คิดมาก อนาคตข้าต้องสูงแน่นอน” ตอนนี้ร่างกายของนางยังเหมือนถั่วงอกขนาดเล็ก ทั้งผอมทั้งลีบ อนาคตคงต้องตั้งใจทำงานหนักหาเงินมาซื้อเนื้อเพื่อกินให้สูง
เขายิ้มและเอื้อมมือไปแตะศีรษะของนาง พยักหน้า “อืม สูงแน่” อย่างไรก็ตาม เขาต้องสูงกว่านาง
หลี่ชิงหลิงทำหน้ามุ่ย น้ำเสียงปลอบโยนเด็กนี่มันอะไรกัน? นางไม่ใช่เด็กนะ
หลิวจือโม่วางคางบนเข่า มองด้วยสายตาลึกซึ้ง ทำเอาเด็กสาวต้องจับหน้าแล้วถามว่ามีอะไรติดหน้าตนหรือเปล่า?
เขาส่ายหัว "เสี่ยวหลิง ขอบคุณนะ!" ขอบคุณที่ดูแลเขา
หลี่ชิงหลิงไม่อายเลยและพูดจาอวดดี "อืม จำไว้ว่าทีหลังต้องดีกับข้า เข้าใจไหม?” หยุดเล็กน้อยก่อนจะเสริม "หลิวจือโม่ ข้าบอกให้นะ ข้าเป็พวกรักสะอาด จะไม่ใช้สามีร่วมกับผู้อื่น พูดแบบนี้เข้าใจไหม?”
นางไม่สามารถรับอะไรอย่างสามภรรยาสี่อนุในยุคนี้ได้ ถ้าเขาได้สาวคนอื่นกลับมา นางจะทิ้งเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำแน่
เขาไม่กลัวติดเชื้อ แต่นางกลัว!
เขาไม่เข้าใจว่ารักสะอาดคืออะไร แต่เขาสามารถเข้าใจความหมายของคำพูดสุดท้ายได้
สิ่งที่นางพูดถึงถือเป็การละเมิดกฎเจ็ดข้อ แต่เขาได้ยินแล้วรู้สึกมีความสุขมาก
“อืม ทั้งชีวิตนี้ข้าจะมีเ้าคนเดียว” เขาไม่ได้โหยหาชีวิตสามภรรยาสี่อนุ เขาอยากเหมือนพ่อแม่ที่มีคนรักคนเดียวตลอดชีวิต
หลี่ชิงหลิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ข้าจะเชื่อใจแล้วกัน!" ชีวิตยืนยาวขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจหรือไม่? อย่างที่ว่า พวกคำสาบานอะไรเนี่ย เป็สิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด
หลิวจือโม่เงียบ การกระทำดีกว่าคำพูด เขาจะทำให้นางเห็นอย่างแน่นอน
หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ หลิวจือโม่ก็กินยา หลี่ชิงหลิงให้เขาพักในถ้ำ ส่วนตนเองออกไปเดินดู
เขารู้ว่าเขาหยุดนางไม่ได้ เขาจึงบอกนางให้ระวังตัวและอย่าไปไกลเกินไป
เด็กสาวพยักหน้า หายออกไปราวสองเค่อ เมื่อหลิวจือโม่รู้สึกไม่สบายใจและกำลังจะออกไปหา นางก็กลับมา
ในมือมีกวางตัวน้อยและกระต่ายป่าสองตัว เดินกลับมาด้วยรอยยิ้ม
"ดูสิ ล่ามาได้ไม่น้อยเลย”
เขายิ้มและพยักหน้า เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เขาจึงไปเตรียมอาหารเย็น นางยังอยากไปอีก แต่เขาไม่ให้ไป ให้นางนั่งพัก ส่วนตนเองไปทำอาหาร
นางไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้ จึงต้องตอบตกลง
หลังอาหารค่ำ ทั้งสองพักผ่อนในถ้ำอีกหนึ่งคืน ก่อนจะเดินกลับในเช้าวันรุ่งขึ้น
ระหว่างทางกลับ เด็กสาวมองสำรวจอย่างระมัดระวัง เมื่อนางเห็นผลไม้ป่าบนต้นไม้ ขอแค่กินได้ก็จะปีนขึ้นไปเก็บไม่มีปล่อย
จากนั้นวิ่งไปดูกับดักที่ขุดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็มีเหยื่อมาติดจริงๆ
คราวนี้หลี่ชิงหลิงยิ้มจนตาปิด การเดินทางครั้งนี้ได้ผลเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งตะกร้าของนางและหลิวจือโม่เต็มไปด้วยเหยื่อ คงขายได้เงินไม่น้อยเลย
