ซูลั่วจ้องมองไปยังเย่เทียนเซี่ย มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอยากจะหาเหตุผลจริงๆล่ะก็ จะบอกว่า.....ฉันเชื่อความรู้สึกของตัวเองก็ได้ สามร้อยล้าน คำไหนคำนั้น ฉันหวังว่าในหนึ่งปีนับจากนี้เฟยเฟยจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขและมีความสุขจริงๆขึ้นมาสักที...... นี่เป็คำขอร้องเดียวจากฉัน” เสียงของเขาขาดหายไป
“ครึ่งแรกผมสามารถรับรองได้ ส่วนครึ่งหลังที่เกี่ยวกับความรู้สึกของเธอนี่ ผมคงไม่สามารถควบคุมได้” เย่เทียนเซี่ยยกยิ้ม
“ไม่ นายทำได้” ซูลั่วส่ายหน้า ดวงตาสับสนจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเย่เทียนเซี่ย “นายคิดว่าเพียงเพราะนายมีความสามารถมากพอจะปกป้องเฟยเฟยได้เธอถึงยืนกรานที่จะมาอยู่ที่นี่จริงๆอย่างนั้นเหรอ? คืนนั้นที่นายช่วยชีวิตเธอไว้เธอก็ต้องเห็นความสามารถของนายแน่นอนอยู่แล้ว เธอถึงเชื่อว่านายจะสามารถปกป้องเธอและทำให้เธออุ่นใจได้...... แต่นายไม่คิดบ้างหรือไงว่าด้วยความสามารถและหน้าตาของนาย ยิ่งรวมกับการช่วยชีวิตของเธอในตอนที่เธอสิ้นหวังแบบนั้นมันย่อมส่งผลต่อผู้หญิง....... นายคิดไม่ถึงจริงๆเหรอ?”
“.......” เย่เทียนเซี่ย
“นี่ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิง” เย่เทียนเซี่ยนิ่งไปสองวิ ก่อนตอบออกมา
ซูลั่วพยักหน้า เขายกเท้าขึ้นเตรียมจะจากไป
“ดูเหมือนว่าคุณจะเชื่อผมแล้วสินะ แต่เกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกสาวคุณ ถ้าผมจะบอกว่าเื่พวกนี้ไว้ใจผมได้เลยก็คงจะไม่ใช่สไตล์ของคุณที่เป็นักธุรกิจที่ฉลาดที่สุดหรอกใช่ไหมล่ะ เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นของคุณและเพื่อทำให้คุณวางใจ........ และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อตัวผมเอง มีสิ่งนึงที่ผมอยากให้คุณดูให้ชัดๆซะก่อน”
ซูลั่วหยุดฝีเท้าลงเขาหันกลับมาด้วยความสงสัย เย่เทียนเซี่ยเดินตรงมาทางเขาก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากประเป๋าเสื้อ สิ่งนั้นมีขนาดพอๆกับฝ่ามือ มีลักษณะกลมๆเป็เหมือนตราสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง
เมื่อมองเห็นลวดลายและตัวหนังสือไม่กี่ตัวของสิ่งนั้นชัดๆสีหน้าของซูลั่วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขาพูดออกมาอย่างใ “ผ..... ผู้พิทักษ์หัวเซี่ย......”
“คุณไม่ต้องพูดชื่อของมันออกมาก็ได้ คุณซูนี่มีความรู้กว้างไกลจริงๆ แม้แต่สิ่งนี้ก็ยังรู้จักด้วย ในเมื่อคุณรู้แล้วว่ามันคืออะไร ก็น่าจะรู้ว่าที่ผมพูดไปทั้งหมดไม่ใช่เื่โกหกสินะ ตอนนี้คุณวางใจได้หรือยัง?” เย่เทียนเซี่ยหยุดคำพูดของซูลั่วไว้เพียงเท่านั้นแล้วจึงเก็บตราสัญลักษณ์นั้นกลับไปไว้ในกระเป๋าตามเดิม “พูดตามจริงนะ ตอนผมได้มันมาแรกๆผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ผมต้องใช้มัน..... เฮ้อ ยังดีที่ไม่ได้โยนทิ้งไปซะั้แ่แรก”
พายุในใจของซูลั่วมาถึงจุดที่รุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว ั้แ่ที่เขาเหยียบย่างเข้ามายังประตูบ้านของเย่เทียนเซี่ยเป็เวลาสั้นๆนี้เขาพบกับความตื่นตะลึงมากกว่าครึ่งชีวิตของเขาที่ผ่านมาเสียอีก อารมณ์และความรู้สึกของเขาก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็มาก่อน...... และเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเย่เทียนเซี่ยกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็ถึงกับเกร็งกระตุกไปเล็กน้อย........ ตรานั่นว่ากันว่าเป็สัญลักษณ์ของเกียรติยศสูงสุด ั้แ่ประเทศหัวเซี่ยก่อตั้งมาจนถึงทุกวันนี้เป็เวลาร้อยกว่าปีมีแค่สามคนเท่านั้นที่ได้มันมา...... ถ้านับตราที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ด้วยก็จะกลายเป็สี่คน และคนๆนี้ยังเคยคิดที่จะโยนมันทิ้งไปเนี่ยนะ
มันจะมีอะไรที่อยู่ในสายตาเขาจริงๆบ้างเนี่ย!?
“อืม......ถ้าคุณซูลั่ววางใจได้แล้ว จะสามารถจ่ายเงินสามร้อยล้านต่อปีนั่นให้ผมเร็วๆนี้ได้หรือเปล่า ไม่ใช่ครึ่งปีต่อจากนี้แต่ผมอยากได้มันมาอยู่ในมือเร็วๆมากกว่า” เย่เทียนเซี่ยเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาออกมา
“มิน่าล่ะ.......” ซูลั่วมองไปที่เย่เทียนเซี่ยด้วยสายตาที่สั่นไหวก่อนจะพูดออกมาช้าๆสามคำ
มิน่าล่ะแม้แต่จั่วเจิ้นหัวก็ยังอยากจะให้เขาไปเป็บอดี้การ์ดของตัวเอง และมิน่า... เขาถึงกล้าปฏิเสธแม้แต่จั่วเจิ้นหัว คนที่เคยได้รับตราสัญลักษณ์นี้ก่อนหน้าเขาทั้งสามคนนั้น....... ไม่มีใครสามารถคว้ามันมาได้ั้แ่อายุยังน้อยเช่นเขา เขาปกปิดอะไรเอาไว้เื้ักันแน่........
ตามที่เย่เทียนเซี่ยพูดมาความรู้สึกที่เย่เทียนเซี่ยมอบให้ซูลั่วนั้นทำให้ซูลั่วยอมเชื่อในตัวเขา แต่ทว่าการยอมเชื่อไม่ได้มายความว่าจะเชื่อจริงๆ แม้ว่าเย่เทียนเซี่ยจะแสดงความสามารถอังสูงส่งเกินกว่าที่ซูลั่วจะจินตนาการได้ออกมา แต่เื่เกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกสาวเขานั้น เขายังคงต้องรอบคอบ และต้องพยายามใช้ทุกวิถีทางสืบหาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเย่เทียนเซี่ย
แต่ในเมื่อมีตราสัญลักษณ์นั่นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่จำเป็อีกต่อไป เพราะคนที่มีตราสัญลักษณ์แบบนั้น เขาคงไม่จำเป็ต้องไปสืบหาประวัติของคนๆนั้นอีก ในขณะเดียวกันเพราะมีตราสัญลักษณ์นั่น ต่อให้เขามีหัวใจสักหมื่นดวงก็สามารถวางใจได้ทั้งหมด
ขอแค่ซูเฟยเฟยอยู่ข้างกายคนๆนี้ เธอจะต้องปลอดภัยไร้อันตรายอย่างแน่นอน
ทางเลือกของซูเฟยเฟยที่ทำตามใจตัวเองนั้น........ ในตอนนี้ซูลั่วเชื่อแล้วจริงๆว่าทางเลือกของเธอในครั้งนี้เป็ทางเลือกที่ถูกที่สุดในชีวิตของเธอ แม้แต่เธอเองก็คงไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เธอเลือกมาด้วยตัวเองจะเป็คนเช่นนี้
“พรุ่งนี้ก่อนเก้าโมงเช้า เงินสามร้อยล้านเหรียญหัวเซี่ยจะถูกโอนเข้าบัญชีของนาย” ซูลั่วพูดออกมา น้ำเสียงของเขาไร้แววความไม่พอใจ ปีละสามร้อยล้านสามารถซื้อความปลอดภัยให้ลูกสาวของเขาและยังสามารถซื้อความมั่งคงและความสงบสุขทางจิตใจของเธอได้อีกด้วย...... ขณะเดียวกันการได้คลุกคลีกับคนแบบนี้มากยิ่งขึ้น นักธุรกิจที่ฉลาดแบบเขาคิดว่ามันคุ้มค่า คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
“คุณซูนี่เป็นักธุรกิจที่ทำอะไรรวดเร็วดีนะครับ” เย่เทียนเซี่ยดีดนิ้ว ั์ตาของเขาแทบจะเปล่งประกายออกมา เงินหนอเงิน..... จริงๆแล้วมันช่างไหลมาเทมาได้อย่างง่ายดาย....... สิ่งสำคัญก็คืออีกฝ่ายเป็เศรษฐีอันดับหนึ่งของเอเชีย ถ้าไปคุ้มกันลูกสาวบ้านอื่นชาติหน้าก็ยังได้ไม่ถึงสามร้อยล้านเลย
ซูลั่วยิ้มออกมา “ถ้าตกลงแล้ว นายเรียกฉันว่าลุงซูหรืออาซูก็ได้”
“คุณอาซู” เย่เทียนเซี่ยเรียกคำนั้นออกมาอย่างไม่มีความลังเลและยินดียิ่ง ขณะเดียวกับเขาก็เผยยิ้มแบบเดียวกันออกไป
ซูลั่วยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นและเมื่อก้มหน้าลงมา เขาก็มองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเย่เทียนเซี่ย “ถูกคนอย่างนายเรียกว่าคุณอาแบบนี้ เฮ้อ..... ฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆ เฟยเฟย.....เธอเป็ลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุขไปตลอดชีวิต ถ้านายตกลงที่จะดูแลเธอไปทั้งชีวิต และเธอยินดีที่จะถูกนายปกป้องไปตลอดชีวิตล่ะก็ ฉันก็จะมอบทรัพย์สมบัติทุกอย่างของฉันให้นาย.....”
ความหมายของซูลั่วนั้นไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร
เย่เทียนเซี่ยเก็บอาการก่อนหน้านี้ลงไป สายตาของเขาเ็าและไม่มีการตอบรับใดๆ
ความรู้สึกผิดหวังพุ่งเข้ามาในจิตใจของซูลั่ว รูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติของลูกสาวเขาก็ไม่แพ้ผู้หญิงคนไหนๆ และครอบครัวของเธอ.... พ่อของเธอก็คือเขาที่เป็มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็อันดับหนึ่งของเอเชีย เขาเชื่อมาโดยตลอดว่ามีแต่พวกผู้ชายเท่านั้นแหละที่ไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา ไม่มีทางที่ลูกสาวของเขาจะไม่คู่ควรกับผู้ชายคนไหน และไม่มีทางที่ผู้ชายคนไหนๆจะปฏิเสธลูกสาวของเขาได้....... แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยความคิดที่เขาเชื่อมั่นก็ถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง
เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าลูกสาวของเขาไม่คู่ควรกับผู้ชายคนหนึ่ง...... ชายคนนี้เป็เหมือนกับั์ เขามีทุกอย่างที่คนธรรมดายากจะจินตนาการถึงได้ เขายืนอยู่ข้างกายของซูลั่วแท้ๆ แต่เขากลับเลือนรางราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่บนที่สูงคนละชั้นและจ้องมองมายังสิ่งมีชีวิตที่แสนจะธรรมดาเบื้องล่างจากที่สูงนั่น
ถ้าไม่ได้พบเย่เทียนเซี่ย เขาก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆ
และถ้าเฟยเฟยได้อยู่กับคนแบบนี้ ทั้งชีวิตของเธอคงจะสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง อย่างน้อยก็จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีกตลอดไป และเขาเองก็คงจะวางใจได้ยิ่งกว่าตอนนี้อีกเป็พันเป็หมื่นเท่า
เขาหันหลังกลับเดินลงไปชั้นล่างช้าๆก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงต่ำจนดังเข้ามาถึงหูของเย่เทียนเซี่ย “ดูแลเฟยเฟยให้ดี แต่ถ้านายขัดความ้าของเฟยเฟยและทำเื่ที่ไม่ควรขึ้นมา ไม่ว่านายจะเป็ใครฉันก็จะ...... ไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น”
เมื่อมองแผ่นหลังของซูลั่วเย่เทียนเซี่ยก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ “ดีครับ นี่เป็คำพูดที่พ่อควรจะพูดออกมาก”
พ่อ.......
เมื่อคิดถึงค่ำคืนที่ราวกับฝันร้าย สีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที แต่มันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือร่องรอยใดๆ เขายืนอยู่ที่ระเบียงนั้นแล้วจ้องมองไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่คุ้นเคยด้านนอกอย่างเงียบๆ สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ั์ตาของเขาราวกับน้ำนิ่ง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่หรือกำลังคิดหวนไปถึงสิ่งใด
