พันลี้จากสาขาย่อยตระกูลซูภายในห้องลับที่ซ่อนเร้น
ร่างกว่าสิบร่างนั่งหรือยืนอยู่ที่นั่นหากซูเซียวอยู่ที่นี่เขาจะต้องจำได้ว่าพวกนี้คือผู้นำของกองกำลังที่โจมตีสาขาย่อยตระกูลซูผู้นำของอำนาจใกล้เคียง
ในขณะนี้ผู้นำกองกำลังเหล่านี้มองไปยังร่างที่ประทับในตำแหน่งสูง
บุคคลนี้ดูเหมือนอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆสวมชุดคลุมหรูหรางดงามมีตัวอักษร‘หลิงซวี่’ปักด้วยสีม่วงและทองที่ข้อมือ
ขอบเขตของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้นำกองกำลังเหล่านี้เขาได้ก้าวสู่ขอบเขตเทวรูป
การเข้าสู่ขอบเขตสำแดงกฎในวัยเยาว์เช่นนี้นับเป็อัจฉริยะ
ทว่าเขาดูเหมือนได้รับาเ็และค่อนข้างหนักหน่วง
แต่ไม่มีผู้นำกองกำลังคนใดกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเพียงเพราะที่มาของเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการบ่มเพาะของเขา
เขาเป็ศิษย์จากสำนักหลิงซวี่
สำนักหลิงซวี่ขุมอำนาจที่มีชื่อเสียงและทรงพลังอย่างยิ่งในเขตคุนรองจากเพียงขุมกำลังระดับสูงสุดมีผู้บ่มเพาะขอบเขตนิพพานและราชันมากมายภายในสำนัก
มีแม้แต่กึ่งนักบุญและอาวุธนักบุญปกป้องยับยั้งดินแดนอันกว้างใหญ่ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจ
ผู้นำกองกำลังเหล่านี้ต่อหน้าเขานับเป็มดในหมู่มดดังนั้นแม้เผชิญศิษย์ที่าเ็สาหัสพวกเขาไม่กล้าทะนงตนแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาเขาเป็ศิษย์สายตรงของเ้าสำนักหลิงซวี่นับเป็ศิษย์ที่มีสถานะสูงสุดและถูกต้องของสำนักหลิงซวี่
ในขณะนี้
หลังจากสำรวจรอบด้านศิษย์สำนักหลิงซวี่ผู้นี้กล่าว“ข้าได้รับข่าวว่าตระกูลซูหลักได้ส่งคนมาเสริมกำลังได้ยินว่ามีผู้บ่มเพาะขอบเขตเทวรูปสามคนและขอบเขตตำหนักม่วงจำนวนมากมาถึง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ผู้นำกองกำลังที่อยู่ที่นี่ต่างสั่นะเือย่างไม่อาจปฏิเสธ
ไม่ต้องสงสัยพลังนี้เพียงพอที่จะกำจัดพวกเขาได้นับครั้งไม่ถ้วน
“ท่านแล้วเราจะ…”
“ไม่เป็ไรข้าพึ่งส่งข้อความกลับไปยังสำนักและความช่วยเหลือจะมาถึงในไม่ช้า”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกผู้นำกองกำลังที่อยู่ที่นี่ต่างผ่อนคลายหากความช่วยเหลือจากสำนักหลิงซวี่มาถึงมันจะเพียงพอที่จะแก้ไขทุกอย่าง
ต่อมา
ศิษย์สำนักหลิงซวี่ผู้นี้ไม่กล่าวอะไรอีกโดยตรงเพิกเฉยต่อผู้นำกองกำลังที่อยู่ที่นี่เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจพวกเขา
อันที่จริงหากเขาไม่ได้รับาเ็สาหัสจากการฝึกฝนก่อนหน้านี้บังคับให้เขาต้องพึ่งพาผู้นำกองกำลังเหล่านี้เขาจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว
พวกเขาเป็เพียงกลุ่มคนไร้ประโยชน์
“ทว่าถึงข้าจะต้องเร่ร่อนมาที่นี่เพราะาเ็สาหัสครั้งนี้มันกลับกลายเป็โชคในโชคร้ายทำให้ข้าค้นพบร่างพิเศษที่ยังไม่ตื่น”
ศิษย์ผู้นี้ชื่อซุนเฟิงเขาได้รับาเ็สาหัสจากอสูรที่ทรงพลังระหว่างการฝึกฝนและหนีมาถึงสถานที่ห่างไกลนี้
จากนั้นเขาเห็นซูโหรวที่ออกไปข้างนอกในวันนั้น
ในสายตาทุกคนซูโหรวเป็คนแปลกประหลาดเกิดมาร่างกายอ่อนแอผมและดวงตาสีม่วงไม่สามารถบ่มเพาะได้
แต่ซุนเฟิงเป็ศิษย์จากสายตรงของเ้าสำนักหลิงซวี่เดินทางมากและมีมุมมองกว้างขวาง
ยิ่งไปกว่านั้นเ้าสำนักหลิงซวี่กำลังฝึกฝนวิชาลับที่เรียกว่ายึดิญญาซึ่งต้องใช้คนที่มีร่างพิเศษและได้รวบรวมิญญาทั้งหมดของผู้ที่มีร่างพิเศษในโลก
ร่างกายที่เพรียวบางของซูโหรวแต่มีผมและดวงตาสีม่วงและปล่อยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
ดังนั้นซุนเฟิงรู้ว่าในอนาคตเธอจะต้องปลุกร่างพิเศษขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
จึงทำให้เขาอยู่ที่นี่ตั้งใจพึ่งพากองกำลังใกล้เคียงเพื่อจัดการกับสาขาย่อยตระกูลซูนี้จับตัวซูโหรวและส่งมอบเธอ
ไม่คาดคิดว่าซูเซียวััได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งการป้องกันในโอกาสแรกและขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลักทันที
และความเร็วของตระกูลหลักก็รวดเร็วยิ่งนักพวกเขามาถึงในไม่ช้าและเมื่อมาถึงมีผู้บ่มเพาะขอบเขตเทวรูปสามคนและขอบเขตตำหนักม่วงจำนวนมาก
ซุนเฟิงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งข้อความไปยังสำนักแต่นี่จะลดผลงานของเขาลงอย่างมาก
แต่ไม่มีทางอื่นดีกว่าการไม่มีผลงานเลยหรือแม้แต่เสียชีวิต
ต่อมาซุนเฟิงสั่งให้ผู้นำกองกำลังเหล่านี้ถอนตัวและเตือนให้พวกเขาซ่อนตัวให้มากที่สุดใน่นี้รอจนกว่าความช่วยเหลือจากสำนักหลิงซวี่จะมาถึงซึ่งจะเพียงพอที่จะปราบปรามทุกอย่าง
อีกด้านหนึ่ง
โถงหลักของเ้าสำนักหลิงซวี่
ร่างที่ปกคลุมด้วยร่องรอยเต๋าน่าสะพรึงกลัวนั่งขัดสมาธิที่นี่ทันใดนั้นเขาได้รับข้อความจากศิษย์
“ผมและดวงตาสีม่วงปล่อยกลิานอายแห่งการทำลายล้างนี่อาจเป็…”
วินาทีต่อมาเขาลุกขึ้นกลายเป็สายรุ้งพุ่งทะลุฟ้าดินหายไปจากสายตา
…
ดินแดนตระกูลซูหลัก
ซูเซวียนเก็บสายตากลับแล้วหยิบน้ำแห่งความสุขข้างๆขึ้นจิบและยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
“น่าสนใจไม่คาดคิดว่าจะมีร่างพิเศษเช่นนี้กำเนิดในตระกูลซู…”
ทันใดนั้นเขาดูเหมือนััอะไรได้อีกมองไปในทิศทางอื่นด้วยความประหลาดใจ
“์ ยังมีอีกคนที่นี่และดูเหมือนมีลักษณะตัวเอก”
“นับว่าไม่เสียทีที่เคยเป็เ้าแห่งโลกนี้ตระกูลซูหลังจากผ่านไปนานนับปียังคงมีโชควาสนาอันยิ่งใหญ่และทายาทจะให้กำเนิดอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้…”
ซูเซวียนหยุดให้ความสนใจและยังคงเพลิดเพลินขณะลิ้มรสน้ำแห่งความสุข
…
ที่นี่
ยังคงอยู่ในห้องลับที่ซ่อนเร้นนั้น
ศิษย์สำนักหลิงซวี่ซุนเฟิงนั่งขัดสมาธิหมุนเวียนวิชาลับรักษาของสำนักหลิงซวี่เพื่อรักษาตัวเอง
แต่เขาได้รับาเ็สาหัสเกินไปเกือบครึ่งชีวิตและแม้ด้วยวิชาลับรักษาการฟื้นตัวของเขาก็ช้ามาก
ตูม—
ทันใดนั้นเสียงะเิดังสนั่นจากภายนอกทำให้เขาตื่นตัวทันที
ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปเขาเห็นห้องลับะเิและจากนั้นร่างจำนวนมากปรากฏล้อมรอบเขา
“เ้า…!”
ซุนเฟิงมองใกล้ๆมีใครอื่นนอกจากสมาชิกตระกูลซู
“เ้ากลับหาที่นี่เจอ!”
“ฮ่าฮ่า ต้องขอบคุณสำนักกระบี่โลหิต ประตูเงามายาและตระกูลจางหากไม่มีพวกเขาเราคงหาที่นี่ไม่เจอแต่ไม่ต้องห่วงเ้าจะได้ไปพบพวกเขาในไม่ช้า”
สามผู้าุโใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดหัวเราะอย่างรื่นเริง
“นั่นคือพวกนั้นจริงๆไร้ประโยชน์เช่นเคยทว่าข้าเป็สมาชิกของสำนักหลิงซวี่เ้ากล้าฆ่าข้าหรือ”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกทั้งสถานที่ตื่นตระหนกแม้แต่สามผู้าุโใหญ่ก็ไม่เว้น
สำนักหลิงซวี่คือขุมอำนาจที่ทรงพลังอย่างยิ่งแข็งแกร่งกว่าสำนักปี้เซวียนหลายเท่ามีกึ่งนักบุญและอาวุธนักบุญปกป้องเกือบเทียบเท่าขุมพลังของนักบุญสูงสุด
และในความเข้าใจของสามผู้าุโประมุขตระกูลของพวกเขาก็เป็นักบุญขั้นสูงสุดเช่นกัน
หากพวกเขาไปโจมตีสำนักหลิงซวี่เพราะเื่นี้คงจะนำปัญหามาสู่ตระกูลและประมุขตระกูล
ขณะที่พวกเขากำลังลังเลทันใดนั้นจากเก้า์้าพลังศักดิ์สิทธิ์ของราชันลงมาพร้อมเสียงคำราม
มันปราบปรามทุกคนตรึงพวกเขาไว้ราวกับูเาั์ตกลงมาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้ว
จากนั้นเสียงเย็นเยียบอย่างยิ่งดังลงมาทะลวงลึกเข้าไปในจิติญญาของพวกเขา
“ข้าคือจวินเทียน เ้าสำนักหลิงซวี่ผู้ที่เห็นข้าจะต้องคุกเข่า!”