“ท่านกล้าสังหารข้าหรือ?” หลินเชียนกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ทำไมข้าจะไม่กล้า?” หลินไห่ตอบกลับอย่างเ็า จิตสังหารทะลักออกมายิ่งกว่าเดิม
“หลินไห่ เ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเ้ากำลังทำอะไรอยู่?” สีหน้าของหลินป้าต้าวและผู้าุโหลายท่านพลันเปลี่ยนไปทันที
“อย่ามาผายลม วันนี้หากใครกล้ามาขวางทางข้า ข้าจะสังหารมันให้หมด!!!” หลินไห่กวาดสายตามองฝูงชนด้วยสายตาเ็า
“งั้นหรือ?” จู่ๆ ผู้าุโท่านหนึ่งก็หัวเราะออกมาอย่างเ็า “หลินไห่ เ้าคิดว่า เ้าสามารถฆ่าใครก็ได้อย่างนั้นหรือ?”
หลินไห่มองไปที่ผู้าุโคนนั้นซึ่งกำลังฉีกยิ้มอย่างปลิ้นปล้อน ดวงตาของเขาหยีลงดูน่าสงสัย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ
“หลินไห่ เ้าช่างอวดดียิ่งนัก”
สิ้นประโยคนี้ ที่ไหนสักแห่งในอาณาเขตของตระกูลหลิน ก็มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งะเิออกมา จากนั้นฝูงชนก็เห็นเงาคนกำลังบินอยู่ในอากาศ ซึ่งห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เงานั่นบินข้ามหัวของฝูงชนและะโลงมาบนเวทีประลอง
ชายชราผู้นี้มีดวงตาที่ลึกล้ำและคิ้วเข้มดุจหมึก นอกจากนี้ยังมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนหลินไห่กับหลินป้าต้าว
“ท่านผู้าุโสูงสุด” หลินไห่พึมพำออกมา ก่อนที่ใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที แต่เป็รอยยิ้มที่โศกเศร้า คนคนนี้คือลุงของเขา ผู้าุโสูงสุดของตระกูลหลิน หลินหลุ่ย
ปกติแล้วหลินหลุ่ยจะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะ ส่วนธุระต่างๆ ภายในตระกูลหลิน ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้าุโจะเป็คนจัดการ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้หลินหลุ่ยจะเป็คนออกหน้าจัดการเอง
“ท่านผู้าุโสูงสุดช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” ทุกๆ คนในตระกูลหลินต่างพากันตกตะลึง เขาบินอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางเหมือนกำลังเดินเล่นก็ไม่ปาน นี่เป็เคล็ดวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งมาก
หลินเฟิงมองหลินหลุ่ย จากความทรงจำของเขา หลินเฟิงได้เจอหลินหลุ่ยเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ท่านผู้าุโสูงสุดผู้นี้ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นเท่าไรนัก
“ท่านผู้าุโสูงสุด หลินไห่ไม่ได้มีตระกูลหลินอยู่ในใจเลย เขาสังหารผู้าุโเจ็ดอย่างไม่เป็ธรรม มิหนำซ้ำยังคิดจะสังหารหลินเชียนซึ่งผู้เป็อัจฉริยะของตระกูลหลิน นอกจากนี้เขายังใช้อำนาจมาข่มขู่ข้าอีกด้วย โปรดลงโทษหลินไห่ด้วยเถิด ท่านผู้าุโสูงสุด” เมื่อผู้าุโเปิดปากพูด เื่ราวทั้งหมดกลับกลายเป็ความผิดของหลินไห่
“หลินไห่ เ้าหัวเราะอะไร?” หลินหลุ่ยถามอย่างเ็า
“ที่ข้าหัวเราะเพราะข้ารู้แล้วน่ะสิ ว่าทำไมพวกเขาถึงได้กล้าทำตัวไร้ยางอายขนาดนี้ ที่แท้ก็มีท่านผู้าุโสูงสุดคอยสนับสนุนอยู่เื้ันี่เอง” หลินไห่กล่าวแดกดันอย่างไม่ไว้หน้า
“อวดดี!!! เ้าพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลินหลุ่ยตวาดอย่างเ็า ั์ตาเปล่งประกายไปด้วยความโกรธ
“ท่านลุง ข้าคือผู้นำของตระกูลหลิน ต่อให้ท่านเป็ผู้าุโสูงสุด แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาตั้งถามในสิ่งที่ข้าทำ” น้ำเสียงของหลินไห่เต็มไปด้วยความกระด้างและดื้อรั้น เขายืนหลังตรงขณะมองไปที่หลินหลุ่ย
“น้องรอง เ้าช่างเหิมเกริมยิ่งนัก ท่านลุงไม่เพียงเป็ผู้าุโสูงสุด แต่ยังเป็ผู้าุโของเ้าอีกด้วย เ้ากล้าดีอย่างไรถึงไม่แสดงความเคารพ? สมควรถูกลงโทษ” หลินป้าต้าวกล่าววาจายั่วยุขึ้นมา
“สมควรถูกลงโทษ? ข้าเป็ถึงผู้นำของตระกูลนี้ จะโดนลงโทษได้ยังไง” หลินไห่รู้ว่าเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้คงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงหันหลังเดินไปหาหลินเฟิง
เสียงร้องหึอย่างเ็าก็ดังขึ้น ก่อนที่สายลมอันเย็นเยือกจะพุ่งเข้าไปหาหลินไห่ ถึงแม้ว่าหลินไห่จะรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้ามาหาตัวเอง แต่ทว่าเขากลับไม่คิดที่จะหลบเลยสักนิดและยังคงเดินไปด้านหน้าต่อ เมื่อหมัดปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเขา ความหนาวเย็นะเืที่รุนแรงก็แช่แข็งร่างของหลินไห่ในพริบตา ทั่วทั้งร่างกลายเป็สีขาวก่อนจะะเิออกมา หลินไห่กระเด็นไปทางหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่าวขาดสายป่าน
“อึก!” หลินไห่ร้องออกมาเบาๆ ไม่ช้าร่างของเขาก็ตกลงมาที่พื้น แต่ในตอนนั้นเอง หลินเฟิงก็พุ่งเข้ามาพยุงร่างของหลินไห่
ั้แ่ต้นจนจบสีหน้าของหลินไห่ก็ยังคงเฉยเมย ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ท่านลุง ข้ารับหมัดของท่านแล้ว นับจากนี้เป็ต้นไปท่านกับข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก” เืไหลออกมาจากมุมปากของหลินไห่ ขณะที่นั่งคุกเข่าหันหลังให้กับหลินหลุ่ย ร่างของเขาสั่นระริกเล็กน้อยเพราะไอความหนาวเย็น ถ้าหากหลินเฟิงไม่ช่วยพยุงไว้ หลินไห่คงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
“เหอะ!!! เห็นแก่สายเืของตระกูลหลินที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเ้า ข้าจะไม่ฆ่าเ้า ไสหัวไปซะ” หลินหลุ่ยกล่าวอย่างเฉยเมย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลินไห่จะไม่ต่อต้าน และยอมรับหมัดของเขาโดยตรง ในใจก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมา แต่เมื่อมองไปที่หลินเชียน ความปั่นป่วนในใจก็พลันสลายหายไป ด้วยพร์อันล้ำเลิศที่หลินเชียนได้แสดงออกมา เมื่อนางเติบใหญ่ขึ้นจะกลายเป็เครื่องมือที่พาตระกูลหลินพุ่งทะยานไปสู่ความรุ่งโรจน์ เมื่อถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าตัวเขาเองก็อาจได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นกัน และผลประโยชน์เ่าั้จะช่วยส่งเสริมให้เขาทะลวงผ่านคอขวดนี่ได้
“แต่น่าเสียดาย ความจริงแล้วพร์ของไอ้ขยะหลินเฟิงก็ดูเหมือนจะไม่เลวเช่นกัน แต่จิติญญาของมันกลับไร้ประโยชน์สิ้นดี ไม่สามารถนำมาเทียบกับหลินเชียนได้” หลินหลุ่ยคิดในใจเงียบๆ
“เสี่ยวเฟิง พวกเราไปกันเถอะ” หลินไห่กระซิบกับหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
หลินเฟิงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ในใจของเขากลับเยือกเย็น สีหน้าของเขาก็ดูขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด
หลินเฟิงประคองหลินไห่ออกจากลานประลอง โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ได้ฝังลึกลงไปในหัวใจแล้ว
ทุกคนในตระกูลหลินต่างมองไล่หลังสองพ่อลูกที่เดินจากไปอย่างเงียบๆ ในใจของพวกเขาราวกับมีระลอกคลื่นั์ถาโถมอยู่
หลินเฟิงเป็ที่รู้จักกันดีในฉายาว่า ‘ไอ้ขยะ’ แต่ด้วยพลังของเขาทำให้สามารถบังคับหลินอู๋ กลิ้งลงจากเวทีประลองไปอย่างเชื่อฟัง และเพราะเคล็ดวิชาดาบที่ทรงพลัง ทำให้หลินเฟิงสามารถเอาชนะหลินหง ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาได้ จะมีไอ้ขยะที่ไหนสามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ไหม?
ส่วนหลินไห่ สังหารผู้าุโเจ็ดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยังข่มขู่ทุกคนว่า หากใครกล้ามาขวางทางเขา เขาจะสังหารมันให้หมด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านผู้าุโสูงสุดปรากฏตัวออกมาแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครสามารถขวางหลินไห่ได้แน่
น่าเสียดายที่หลินป้าต้าวมีลูกสาวดีๆ อย่างหลินเชียน ไม่อย่างนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ยังคงเป็หลินไห่อย่างแน่นอน อย่างไรเสียหลินไห่ก็เหมาะสมกว่าหลินป้าต้าว ฝูงชนในเวลานี้ล้วนรู้สึกประทับใจในตัวหลินไห่และหลินเฟิงเป็อย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน แต่พวกเขาก็ยังคงน่ายกย่องอยู่ดี
“น่าเสียดาย ถ้าหากตระกูลหลินสามารถสามัคคีกันได้ พวกเราคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการฟื้นฟูตระกูลหลินอีกต่อไป” ผู้าุโหกมองเงาของสองพ่อลูกที่เดินจากไปอย่างเงียบๆ แล้วถอนหายใจออกมา เขาไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงเื่เหล่านี้ได้ ทำได้เพียงแต่ก้มหน้ายอมรับอย่างเงียบๆ
หลินไห่นั่งสมาธิอยู่บนเตียงในห้องของเขา ร่างกายของหลินไห่ดูดซึมหมอกสีขาวๆ เข้าไปในร่างอย่างบ้าคลั่งเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นภายในร่าง ไม่นานนักหลินไห่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาดูเปล่งประกายขึ้นมา
“ท่านพ่อ เป็อย่างไรบ้าง?” หลินเฟิงถาม
“อาการาเ็เกือบจะหายดีแล้ว เสี่ยวเฟิง เม็ดยานี้ดีมาก เ้าไปเอามาจากไหน?” หลินไห่คว้าขวดยามาถือไว้ในมือ หลังจากที่เขาทานเม็ดยาที่อยู่ข้างในนี้แล้ว อาการาเ็ของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ ตอนนี้อาการาเ็ก็ฟื้นฟูขึ้นมากว่า 70% แล้ว
“ดูเหมือนว่าถ้ามีโอกาสข้าจะต้องไปขอบคุณท่านผู้พิทักษ์คงซะแล้ว” บนใบหน้าของหลินเฟิงปรากฏรอยยิ้มออกมา เขาไม่ได้คาดหวังว่าสรรพคุณของเม็ดยาจะล้ำเลิศขนาดนี้ ตอนที่หานหมานได้รับาเ็และสามารถฟื้นฟูอาการาเ็แทบจะทันทีเมื่อทานยาเม็ดเข้าไป หลินเฟิงก็รู้สึกว่ามันน่าอัศจรรย์มากพออยู่แล้ว แต่หลินไห่ที่ได้รับาเ็จากการโจมตีของผู้าุโสูงสุด ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็หานหมานมารับหมัดนั่นแทน คงตายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง สามารถจินตนาการได้เลยว่าอาการาเ็ของหลินไห่สาหัสกว่าหานหมานหลายเท่า แต่เพราะหลินไห่แข็งแกร่งกว่าหานหมาน ดังนั้นพลังป้องกันจึงสูงกว่าและสามารถทนรับการโจมตีนั่นได้
แต่ถึงอย่างนั้นเม็ดยานี้ก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพของมันได้อย่างเยี่ยมยอด เพียงใช้เวลาไม่นานก็ทำให้หลินไห่ฟื้นฟูอาการาเ็ได้ถึง 70% เห็นได้ชัดว่าสรรพคุณของเม็ดยานี้ล้ำเลิศขนาดไหน
“ท่านพ่อ มีผู้าุโท่านหนึ่งในนิกายได้มอบเม็ดยานี้ให้แก่ข้า” หลินเฟิงตอบตามความจริง
“อืม” หลินไห่พยักหน้า “เสี่ยวเฟิง เ้ากลับไปที่นิกายเถอะ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน เ้าจะสามารถก้าวข้ามหลินเชียนได้”
“ก้าวข้ามหลินเชียน?” ในใจของหลินเฟิงหัวเราะอย่างเ็า หลินเชียนไม่ใช่เป้าหมายของเขา เส้นทางแห่งนักรบนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเป็อย่างมาก แล้วทำไมเขาจะต้องเลือกตัวตนเล็กๆ อย่างหลินเชียนมาเป็เป้าหมายด้วย
“ท่านพ่อ แล้วท่านล่ะ? ท่านเตรียมตัวจะไปไหน?” หลินเฟิงไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดออกมา แต่กลับย้อนถามหลินไห่แทน ตอนนี้พวกเขาไม่อาจอยู่ในตระกูลหลินอีกต่อไปได้
“ข้าจะไปเมืองหลวง”
“เมืองหลวง!” หลินเฟิงรู้สึกตกตะลึง เมืองหลวงของอาณาจักรเสวี่ยเยว่ย่อมเป็เมืองที่เจริญรุ่งเรืองและคึกคักที่สุดในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ ซึ่งมันอยู่ไกลจากเมืองหยางโจวมาก ที่นั่นต่อให้เป็ตระกูลเล็กๆ ก็สามารถทำลายตระกูลหลินได้อย่างง่ายดาย ราชวงศ์ของอาณาจักรเสวี่ยเยว่แข็งแกร่งมาก และไม่มีตระกูลไหนสามารถเทียบได้ มิฉะนั้นคงไม่ได้เป็ราชวงศ์ของอาณาจักรแห่งนี้แน่
ความจริงแล้วราชวงศ์ของอาณาจักรเสวี่ยเยว่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากนิกาย และยังเป็นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเสวี่ยเยว่อีกด้วย
“วางใจเถอะเสี่ยวเฟิง ถึงแม้ว่าเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือ แต่ถ้าพ่อไม่ไปหาเื่หรือสังหารใคร ก็ไม่จำเป็ต้องกลัวอะไร อีกอย่างพ่อแค่อยากไปที่นั่น ไว้ระดับการบ่มเพาะของเ้าแข็งแกร่งกว่านี้ก็ค่อยมาหาข้าที่เมืองหลวงก็ได้” หลินไห่มองหลินเฟิงที่กำลังขมวดคิ้วด้วยรอยยิ้มจางๆ
“เอาล่ะ พวกเราควรออกเดินทางกันได้แล้ว” หลินไห่ลุกขึ้นยืนและได้นำภาพวาดบางส่วนติดตัวไป จากนั้นเขากับหลินเฟิงก็เดินทางออกจากคฤหาสน์ และควบขี่ม้าพันลี้ไปที่นอกเมืองหยางโจว
เมื่อมองไปยังด้านหน้าที่มีขอบฟ้าอันกว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด หลินไห่ถอนหายใจออกมา แล้วหันมามองหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ พลางพูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “เสี่ยวเฟิง หนทางของเ้ากับข้ามันแตกต่างกัน ดังนั้นเ้าไปก่อนเถอะ”
“ท่านพ่อ ข้าเพียงมาส่งท่านเฉยๆ” หลินเฟิงกล่าวขณะส่ายหน้า
หลินไห่ตะลึงงัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน “ดี เสี่ยวเฟิง จำไว้นะจิตใจของคนเราล้วนอันตรายและน่าหวาดกลัว หลังจากนี้ต้องระวังให้มากขึ้น”
เมื่อพูดจบ หลินไห่ก็ขี่ม้าพันลี้จากไปอย่างรวดเร็ว เงาของหลินไห่ค่อยๆ หายไปจากสายตาของหลินเฟิง เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งที่หลินเฟิงแสดงออกมาในงานชุมนุมประจำปี หลินไห่ก็มั่นใจในตัวหลินเฟิงมากขึ้น เขาเชื่อว่ามีหลายเื่ที่เขาไม่จำเป็ต้องชี้แนะหลินเฟิงอีกต่อไป
“จะให้ข้ายอมจากไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง? ถ้าหากหลินเชียนถูกไอ้ขยะที่โดนขับไล่ออกจากตระกูลหลินเอาชนะในงานชุมนุมเมืองหยางโจวได้... ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะรู้สึกยังไง?” หลังจากหลินเฟิงเห็นหลินไห่จากไปแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วดึงบังเหียนม้าให้เดินกลับเข้าไปในเมืองหยางโจว
