น่าเหนื่อยใจเหลือเกิน
เสิ่นม่านคางพับคอตก ตอบกลับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “รู้แล้ว”
คนงานก่อสร้างไม่มี การก่อสร้างร้านค้าของนางก็มิอาจคืบหน้าได้ เช่นนั้นการค้าเต้าฮวยในอนาคตจะทำอย่างไร?
เยี่ยนชีเหลืองมองนาง ทำท่าเหมือนอยากพูดแต่แล้วก็หยุด
ร้านค้าไม่มีความคืบหน้า จึงต้องพักไว้ชั่วคราว โชคดีที่ตระกูลจางให้การสนับสนุนอย่างดี วันนี้ผู้ดูแลถังเพิ่มรายการสั่งซื้อเต้าหู้อีกหนึ่งร้อยชั่ง
ส่วนผู้ดูแลจากโรงเตี๊ยมที่อยู่ตำบลข้างเคียง เมื่อเห็นสกุลเสิ่นมีการขายสินค้ามากขึ้น เขาจึง้าสั่งเพิ่มหนึ่งร้อยชั่งเช่นกัน
แต่เสิ่นม่านปฏิเสธและยืนกรานว่าจะขายให้มากสุดห้าสิบชั่ง
ปัจจุบันโรงงานสามารถผลิตเต้าหู้ได้มากสุดห้าร้อยชั่งต่อวัน หากผลิตมากกว่านี้ก็ต้องจ้างคนงานเพิ่ม ทว่าตอนนี้เสิ่นม่านยังไม่คิดขยายโรงทำเต้าหู้ นางมีแผนอื่นสำหรับโรงทำเต้าหู้
เพื่อที่จะหาคนงานก่อสร้าง เสิ่นม่านจึงไปปิดประกาศที่ตำบลด้วยตนเอง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ป้ายประกาศกลับไม่มีคนเหลียวแล
พอสืบจึงรู้ว่า มีคนไม่น้อยที่บอกว่านางเป็ตัวกาลกิณี มีทั้งศพและงู ไม่รู้ว่าถึงเวลาจะพบกับอะไรอีก ดังนั้นชาวเมืองส่วนใหญ่จึงยินดีไปทำงานอย่างอื่น แต่ไม่ยินดีมาทำงานที่เขตก่อสร้างของนาง
ไร้เหตุผลยิ่งนัก
เสิ่นม่านตระเวนสืบถามเื่ราวของตนอยู่ทั้งวัน ั้แ่เื่เขตก่อสร้างไปจนถึงเื่พี่สะใภ้กับหวังเอ้อร์โก่วเป็ชู้กัน สุดท้ายก็ไปอีกประเด็นหนึ่ง
พี่น้องตระกูลเฉียนแหกคุก
เดิมทีคนที่ถูกตัดสินปะาหลังฤดูใบไม้ผลิ หลังจากถูกจับขัง ไม่รู้ว่าผู้คุมดูแลอย่างไร ถึงได้ปล่อยให้คนเป็ๆ สองคนกลับหนีหายไปได้
หลายวันมานี้จางหงอี้ยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้นก็เพื่อสืบเื่พี่น้องคู่นี้
เมื่อได้ยินข่าว ปฏิกิริยาแรกของเสิ่นม่านก็คือ สองคนนั้นจะฉวยโอกาสมาแก้แค้นบ้านนางหรือไม่? หากจะพูดถึงความล่มสลายของตระกูลเฉียน ผลงานส่วนใหญ่มาจากเสิ่นม่าน
ตระกูลจางจะเอาอยู่หรือไม่นางไม่รู้ แต่การจะเอาคืนครอบครัวนาง สองพี่น้องคงมีวิธีเหลือเฟือ
นางเพิ่งจะรู้สึกหวาดกลัว
สมัยก่อนตัวคนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะถึงไหนถึงกัน เพราะอย่างไรก็มีกฎหมายคุ้มครอง ขอเพียงนางเคารพกฎกติกา ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรนางได้
ตอนนี้ต่างออกไป นางมีคนที่้าปกป้อง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องปกป้องเด็กทั้งสามด้วยชีวิต!
“พี่เสิ่น! รับสมัครคนงานหรือ?”
เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นทันใด ทำเอาเสิ่นม่านสะดุ้งโหยง พอดูให้แน่ชัดก็พบว่านี่เหล่าเกิงไม่ใช่หรือ?
นางยกเก้าอี้ให้เหล่าเกิงนั่ง “วันนี้มีเวลามาเที่ยวเล่นแถวนี้ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ไปช่วยคนต่อเติมบ้านไม่ใช่หรือ?”
เหล่าเกิงเกาศีรษะ จากนั้นเหลือบมองป้ายประกาศของนางและเอ่ยด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“อย่าเอ่ยถึงเลย ก่อนหน้านี้ข้าทำงานซ่อมแซมสวนให้เฉียนซานเจียง ตอนนี้พวกเขาพี่น้องหนีไป บ้านก็ถูกยึด เงินก็ไม่จ่าย ตอนนี้แม่ข้ายังต้องรอข้าวสารกรอกหม้ออยู่เลย”
เหล่าเกิงอายุใกล้สามสิบปี ถือว่าเป็ชายหนุ่มที่ร่างกำยำ ในอดีตเคยมีเื่วิวาทการงานไม่ราบรื่นนัก ดังนั้นจึงเริ่มออกนอกลู่นอกทาง
นับั้แ่เสิ่นม่านจัดการให้เขาเปลี่ยนจากฝ่ายอธรรมเป็ฝ่ายธรรมะ ตอนนี้เขาได้กลับตัวเป็คนดีและทำงานขนอิฐเลี้ยงชีพ ใครจะรู้ว่าขนได้ไม่กี่เดือน นายจ้างก็ล่มจม เขาไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว ตอนนี้จึงหน้าย่นราวกับมะระ
“พี่เสิ่น ข้าไม่รู้อักษร ท่านบอกข้าทีว่ากำลังรับสมัครงานอะไรหรือ? ข้าจะได้ช่วยถามให้”
เสิ่นม่านตบหน้าขา “แน่นอน ก็ร้านค้าของข้าน่ะสิ ข้า้าหาคนมาสร้างร้าน ค่าแรงวันละสองร้อยอีแปะ แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดยอมมา”
เหล่าเกิงดวงตาเป็ประกาย “ข้าสมัครได้หรือไม่? ข้ากับพี่น้องทนความลำบากได้ จะต้องช่วยสร้างร้านให้ท่านได้อย่างสมบูรณ์แน่”
เหล่าเกิงน่ะหรือ?
เสิ่นม่านก็ดวงตาเป็ประกายเช่นกัน “พูดจริงหรือ?!”
เหล่าเกิงตะลึงกับความตื่นเต้นดีใจของนาง “ข้ามีคำขอหนึ่งข้อ ได้หรือไม่?”
“เ้าว่ามา!”
เหล่าเกิงยิ้มอย่างเก้อเขิน “คือว่า ข้ากับพี่น้องทำงานหนักมาสองเดือน แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ตอนนี้จึงไม่มีเงิน ท่านสามารถให้เราเบิกเงินล่วงหน้าสักหน่อยหรือไม่?”
คงเพราะกลัวเสิ่นม่านจะเข้าใจผิด เขารีบอธิบาย “ใช่ว่าข้าจะไม่ทำ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเงินจริงๆ ที่บ้านยังรอข้าวสารกรอกหม้ออยู่ ่นี้ท่านแม่ข้าก็ล้มป่วย ไม่มีเงินไปซื้อยา… พี่ใหญ่เสิ่น พวกเราพี่น้องกลับตัวเป็คนดีแล้ว ไม่ได้ชั่วช้าเหมือนสมัยก่อน”
“ข้ารู้”
เสิ่นม่านขัดเขา “้าเท่าไร? ให้พวกเ้าเบิกล่วงหน้าสิบตำลึงเพียงพอหรือไม่? ส่วนอาการป่วยของแม่เ้า ข้าจะให้เบิกล่วงหน้าอีกหนึ่งตำลึง เื่รักษาแม่เ้านับเป็เื่เร่งด่วน”
“จริงหรือ?”
เหล่าเกิงคิดไม่ถึงว่านางจะใจกว้างเช่นนี้ เขาฉีกปากยิ้มกว้าง แต่รอยยิ้มนั้นค่อนข้างอัปลักษณ์
“ข้าขอขอบคุณแทนท่านแม่ข้าด้วย! ท่านวางใจได้ รอข้าเอาเงินไปให้พวกพ้อง วันรุ่งขึ้นเราก็พร้อมทำงานได้เลย! พวกข้าเองก็ได้ข่าวแล้วว่าที่ดินผืนนั้นของท่านเกิดเื่จากฝีมือตระกูลเฉียน หากรู้ว่าพวกเขาพี่น้องเป็คนเช่นนี้ เราคงไม่ทำงานให้พวกเขา หากเราเจอพวกเขาเมื่อใด จะต้องหักขาพวกเขาให้ได้!”
เสิ่นม่านนั่งเอามือล้วงกระเป๋า วันนี้อากาศแจ่มใส ดวงอาทิตย์สาดแสงอบอุ่น จิตใจของนางก็อบอุ่นไปด้วย
นางนำเงินที่ขายเต้าฮวยได้ในวันนี้ทั้งหมดสิบสองตำลึงกับสามร้อยแปดสิบอีแปะ ยื่นใส่มือของเหล่าเกิง
“ตอนนี้ข้ามีเพียงเท่านี้ พวกเ้าเอาไปใช้ก่อน”
เหล่าเกิงรับถุงเงินที่หนักอึ้งไว้ หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น ขอบตาที่ดำคล้ำเริ่มแดงก่ำ จากนั้นพยักหน้าเต็มแรง
“อืม! ขอบพระคุณเ้านาย! พวกข้าพี่น้องจะมาทำงานวันรุ่งขึ้น!”
เสิ่นม่านตบบ่าเหล่าเกิงที่น้ำตาซึม “เหล่าเกิง เ้าช่างน่านับถือนัก!”
เ้ามาได้ถูกจังหวะเหลือเกิน! พริบตาเดียวก็สามารถจัดการปัญหาใหญ่ได้!
ที่เหลือคือเื่ขาดแคลนวัสดุอย่างกระเบื้องเขียว แต่ก็ไม่ใช่เื่ยาก นางสามารถไปซื้อที่ตำบลข้างๆ ได้ อย่างมากก็แค่จ่ายค่าขนส่งให้คนขนมา
หลังจากจัดการสะสางปัญหาหนักใจเรียบร้อย นางค่อยนึกขึ้นได้ถึงเป้าหมายในการมาครั้งนี้
ต้องซื้อถั่วเหลืองแล้ว
แม้ว่าโรงเก็บของจะตุนถั่วเหลืองไว้หลายร้อยชั่ง แต่อย่างมากสุดก็เพียงพอสำหรับหนึ่งสัปดาห์ หากจะทำเต้าฮวยกับเต้าหู้ที่มากกว่านั้น ถั่วเหลืองคือสิ่งจำเป็
นางไปที่ร้านเสบียงธัญญาหารที่ใหญ่ที่สุดในตำบล เถ้าแก่ร้านแซ่หวัง รูปร่างผอมแห้ง หลักแหลมยิ่งนัก
เถ้าแก่หวังเห็นว่านางคือลูกค้าเก่าแก่ เมื่อเห็นนางก็ปั้นหน้ายิ้มแต่ไกลและเดินเข้ามาทักทายถามไถ่อย่างเป็มิตร
“แม่นางเสิ่น วันนี้้าซื้ออะไรดี?”
เสิ่นม่านเดินตรงไปที่ถั่วเหลืองและสอบถาม “วันนี้ข้า้าซื้อถั่วเหลืองสองร้อยชั่ง มีหรือไม่?”
สองร้อยชั่ง! รายการสั่งซื้อใหญ่อีกแล้ว!
เถ้าแก่หวังถึงกับตาวาวและรีบพยักหน้า “มีๆๆ เ้านั่งลงก่อน ข้าจะไปจัดของให้เดี๋ยวนี้!”
เสิ่นม่านตอบรับ จากนั้นไปดูวัตถุดิบอื่นในร้านต่อ แล้วก็ซื้อข้าวสารอีกห้าสิบชั่ง
ถั่วเหลืองใกล้บรรจุเรียบร้อย เถ้าแก่หวังเดินยิ้มแย้มมาพร้อมกับใบชำระ เสิ่นม่านดู ทั้งหมดเท่ากับหนึ่งพันห้าร้อยอีแปะ
ราคาสูงกว่าที่เคยซื้อในอดีตไม่น้อย
เสิ่นม่านขวางเถ้าแก่หวังที่กำลังจะขนของออกไป “เหตุใดราคาวัตถุดิบจึงได้สูงขึ้นเพียงนี้?”
เถ้าแก่หวังชะงัก ดวงตาเขากลอกไปมาและยิ้ม
“เพราะ่นี้แดนเหนือเกิดภัยแล้ง ราคาเสบียงธัญญาหารจึงขึ้น เดิมทีถั่วเหลืองราคาสองอีแปะ จึงเพิ่มขึ้นมาเป็ห้าอีแปะ”
ถั่วเหลืองชั่งละห้าอีแปะ? ข้าวสารยังราคาแค่สิบอีแปะเองนะ!
เสิ่นม่านเข้าใจในทันที
เถ้าแก่หวังคิดจะหลอกขายนางกระมัง?
-----
