บทที่ 4 ิญญาหลุดจากร่าง
เมื่อกลับถึงบ้านหลิวจิ้งหลงก็สั่งให้หลิวจิ้งคงกับหลิวจิ้งอวิ่นไปตามหมอประจำหมู่บ้านแซ่หวังมา ส่วนตนเองก็นำชายแปลกหน้ารูปงามที่สลบไสลวางลงบนตั่งไม้เก่าคร่ำคร่าที่พอจะนอนเหยียดได้อยู่ิ่ ๆ เขามองสำรวจาแบนแขนและหน้าอกของคนเจ็บก็พบว่ามีร่องรอยเหมือนคมดาบ
“เอ…หรือว่าหมอนี่จะเป็พวกขุนนางหนีภัยหรือโดนคนดักปล้นแถวนี้กันแน่” เขาบ่นพึมพำ เพราะเท่าที่เขานั้นเรียนรู้มาส่วนใหญ่พวกขุนน้ำขุนนางที่ได้รับาเ็ มักจะเพราะหนีศัตรูมาหรือไม่ก็ถูกโจรปล้นชิงมา แต่ในใจลึก ๆ กลับคิดว่า
“หรือจะเป็ลูกขุนน้ำขุนนางผู้ดีกันนะ มีสมบัติติดตัวมาด้วยหรือเปล่านะ..เอาเป็ว่าข้าจะเก็บเอาไว้ให้เ้าก่อนก็แล้วกันนะเ้าหนุ่ม เพราะว่าไหนๆ เ้าก็กำลังจะมาเป็คนในครอบครัวของข้าแล้ว ถือเสียว่าเ้านำสินเดิมมาก็แล้วกัน ฮิฮีฮิ…”
พูดเสร็จก็รีบค้นตัวชายผู้นี้อย่างเบามือที่สุดเผื่อมีเงินสักสองสามตำลึงให้พวกเขาได้ใช้บ้าง เพราะเื่ชุดสีชมพูลายดอกเหมยนั้น เพราะเขายังไม่รู้ว่าจะไปหาขู่เอาเงินจากบ้านไหนนะสิ เพราะตอนนี้แต่ละบ้านก็ต่างขาดแคลนกันทั้งนั้น หากว่าได้เงินจากเ้าหนุ่มนี้สักเล็กน้อยคงจะพอหาซื้อชุดให้บุตรสาวได้ ลูบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เจอจริงๆ เป็ถุงเงินเล็กๆ แต่ค่อนข้างหนัก ลวดลายปักนั้นงดงามมาก เป็สิ่งที่ชาวบ้านแบบพวกเขาหาไม่ได้ เขาคิดว่าเพียงแค่ขายถุงเงินนี้ก็น่าจะได้เงินมาเกือบ1ตำลึงแล้ว หลิวจิ้งหลงคิด ก่อนที่เขาจะได้เปิดดูถุงเงินนั้น เสียงจากหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียงก่อนเขาจึง พลางรีบเก็บถุงเงินนั้นทันที
ไม่นานนัก หมอหวังก็เดินเข้ามาในบ้านโดยมีเ้าจิ้งอวิ่นและจิ้งคงเดินประกบมา เป็การบอกว่าการไปเชิญครั้งนี้ถึงจะไม่อยากจะมา แต่หมอหวังก็จำเป็ต้องมา...หลิวจิ้งคงและหลิวจิ้งอวิ่นตามประกบมาด้วยใบหน้าท่าทางตื่นเต้น ส่วนหมอหวังเองนั้นถึงจะหวาด ๆ ในชื่อเสียงความเป็อันธพาลของบ้านหลิว แต่พอรู้นี่คือการรักษาคนเจ็บจริง ๆ ไม่ใช่เล่ห์อุบายหลอกล่อ เขาจึงได้ยอมมากับสองพี่น้อง เมื่อมาถึงก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่ตามร่างกายเต็มไปด้วยาแ
“อืม… าแลึกพอสมควร แต่ยังรักษาได้ ไม่ต้องห่วง ๆ แต่เอะที่หลังศีรษะนี้เป็แผลใหญ่เลยนี่น่า...อันนี้น่าเป็ห่วงแล้วหล่ะ” หมอหวังตรวจอาการไปบ่นไปด้วย จากนั้นก็ทำการทำความสะอาดและดูแลแผลให้เขา
“ต้องต้มยาสมุนไพรให้เขาดื่ม และคอยเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวันนะ อีกสักหนึ่งสัปดาห์ถึงจะลุกได้น่ะ ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้นะ”
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จก็เขียนใบสั่งยาและยื่นให้พวกเขาเป็การบอกว่าพวกเขาต้องไปหามา
“โธ่ ถ้าไม่เสียเงินก็ดี” หลิวจิ้งหลงพึมพำจนหมอหวังทำหน้าปั้นยากก่อนจะรีบส่งใบสั่งยาให้แล้วหนีออกไป เพราะจะรอค่าตรวจนะเรอะ...ไม่เสียเงินให้พวกเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว หลิวจิ้งหลงจำเป็ต้องรีบไปหายามาให้ว่าที่บุตรเขยของตัวเอง ดีที่ว่ามีเงินจากถุงเงินนี้ เขาจึงล่วงและหยิบเงินตำลึงออกมาและให้เ้าใหญ่รีบไปซื้อยาตามใบสั่งทันที หลิวจิ้งอวิ่นนั้นใเล็กน้อยที่ท่านพ่อของเขามีเงินก้อนใหญ่แบบนี้แต่เมื่อเห็นถุงเงินแปลกตาเขาก็เข้าใจทันทีว่านี่น่าจะเป็ของเ้าหนุ่มคนนี้แน่
“ไปเ้าใหญ่รีบไปซื้อยา และก็ซื้อปลากับเนื้อ พวกเกลือ เครื่องปรุงมาด้วยนะ ไม่ได้ปลาจากลำธารก็ซื้อมาก็แล้วกัน” เขาบอกบุตรชายเสร็จสรรพ เมื่อหลิวจิ้งอวิ่นรีบเดินออกไป เ้าจิ้งคงก็เอ่ยขึ้นมา
“ท่านพ่อพาเขาไปนอนห้องของท่านก่อนดีหรือไม่” จิ้งคงเอ่ยขึ้นมา
“ห้องของพี่รองมีแต่กองเสื้อผ้าเต็มพื้น เก็บบ้านไม่เคยเรียบร้อย เดี๋ยวพอคนเจ็บฟื้นขึ้นมา อาจจะใสภาพห้องของพี่รองก็เป็ได้!” เขาเกรงว่าเมื่อเจอห้องที่แสนรกของพี่สาวพี่ชายรูปหล่อจะเป็ลมหนักกว่าเดิมนะสิ
“นั่นสิ เช่นนั้นพวกเราไปช่วยเ้ารองเก็บของก่อนดีกว่าแล้วค่อยพาเขาเข้าไป เ้ารองหลับอยู่แบบนี้ทำอย่างไรก็ไม่ตื่นหรอก”
หลิวจิ้งหลงนั้นรู้จักลูกสาวดียิ่งกว่าฝ่ามือของตัวเอง ตบไหล่ลูกชายคนเล็กและพากันเดินไปเก็บห้องที่แสนรกให้บุตรสาวที่กำลังนอนหลับเสียงกรนดังลั่นห้องไปหมด จากนั้นสองพ่อลูกก็ช่วยกันเก็บห้องที่แสนรกของลูกสาวที่รัก เมื่อเรียบร้อยก็ช่วยกันพาร่างสูงใหญ่หนักอึ้งของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายผู้นั้นเขามาในห้องของหลิวรั่วซีทันที เมื่อเก็บของในห้องของลูกสาวเรียบร้อยหลิวจิ้งหลงก็เดินมาที่เตียง
“ลูกรัก ตื่นเถอะ ตื่นเร็วเข้า พ่อมีอะไรให้เ้าดู”
เสียงของเขาดังขึ้นทำให้หลิวรั่วซีค่อย ๆ ตื่นฟื้นจากการนอนหลับที่แสนสบายของตัวเอง ร่างอ้วนกลมของนางยังคงสะลืมสะลือ แต่ทันทีที่ตาก็เปิดออก นางต้องเหลียวมองไปยังสิ่งที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน ชายหนุ่มรูปงามที่ไหนก็ไม่รู้นอนอยู่ตรงข้าง ๆ ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นมาทันที
"ท่านพ่อ! เ้าเล็ก! นี่...ท่านไปหาเขามาจากที่ไหน? เหตุใดเขาจึงหล่อเหลาเช่นนี้!" เสียงของหลิวรั่วซีแ่เบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจ
ในขณะนั้น หลิวจิ้งหลงหัวเราะดังออกมาพร้อมกับความภาคภูมิใจในมาดอันธพาลของตน
"์คงจะรู้ว่าเ้า้าหนุ่มรูปงาม พวกเขาก็เลยส่งมาให้เ้าอย่างไรเล่า นี่ นี่ลูกรัก ดูสิ เขาหน้าตาดีอย่างที่เ้าชอบใช่หรือไม่?" เขาพูดพลางชี้ไปที่ใบหน้าที่แสนหล่อเหลาราวหยกสลักของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย
หลิวจิ้งคงก็รีบเดินเข้ามาหาพี่รองของเขาทันที "พี่รอง ท่านไม่ต้องห่วง เขาจะอยู่กับเราไปอีกนาน อีกไม่นานท่านก็จะได้แต่งกับเขาแล้ว ท่านไม่ต้องข้ามูเา 3 ลูกเพื่อไปดักพวกบัณฑิตผอมแห้งเ่าั้แล้ว พวกข้าหามาให้ท่านแล้วถึงบ้าน!" พูดเสร็จก็ตบหน้าอกเล็กๆ ของตัวเองราวกับว่าเขาได้ทำภารกิจที่สำคัญสำเร็จแล้ว
หัวใจของหลิวรั่วซีเริ่มเต้นแรงจนแทบจะะเิขึ้นในอก นางค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่ยังคงสลบอย่างสงบใบหน้าเขาสะท้อนแสงอ่อน ๆ จากแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่าง ทำให้นางรู้สึกเหมือนได้พบกับฝันหวานที่ยาวนานช่างหล่อเหลาเสียจริงๆ พี่เจิ้งและเหล่าบัณฑิตที่นางเคยพบนั้นเมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาราวกับเป็คนรับใช้อย่างไรอย่างนั้น
ในขณะที่นางพยายามจะเอ่ยคำสรรเสริญเยินยอหรือบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะพูดออกมา ความรู้สึกท่วมท้นในใจกลับกลายเป็ความเงียบจนคำพูดติดคอ เสียงหัวใจของนางดังก้องในหูอย่างหนักแน่น
"ตุบ ตุบ ตุบ" ทุกอย่างรอบตัวเริ่มหมุนวนเหมือนเกลียวคลื่นที่พัดพาเข้ามาจนสติของนาง
หลิวรั่วซีมองชายหนุ่มที่ยังคงสลบหลับใหล ด้วยตาเป็ประกาย หัวใจของนางเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา ความตื่นเต้นที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาใกล้ขนาดนี้ทำให้นางสูดหายใจไม่ทัน เสียงหัวใจของดังลั่นในหู ร่างกายเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย นางพยายามจะพูดบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดขัดในลำคอ ก่อนที่นางจะรู้ตัว โลกก็เริ่มหมุนวนเหมือนเกลียวคลื่นที่โหมกระหน่ำ นางรู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบตัวกลายเป็เงาจาง และจู่ๆ ความมืดก็กลืนกินทุกสิ่ง ขณะที่สติของนางดับวูบลงโดยสมบูรณ์
**** หล่อมาก หายใจไม่ทัน วูบ****