“นางแพศยาน้อยบอกมานะ ว่าเมื่อคืนเ้าไปหว่านเสน่ห์ฝ่าาท่าไหนพระองค์ถึงได้แต่งตั้งเ้าเป็พระสนม” เหยาซู่หลวนไม่เคยเห็นน้องสาวปัญญาอ่อนคนนี้อยู่ในสายตามาั้แ่เล็กไหนเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งต้องใช้สามีร่วมกัน
“พี่รองท่าทางของท่านน่ากลัวมากเลย...” ดวงตาสุกใสกะพริบตาปริบ ๆ สองมือขยุ้มชายเสื้อ หน้าม่อยคอตกเหลือบมองเหยาซู่หลวนด้วยท่าทางขลาดกลัว
“เรียกข้าว่าหวงกุ้ยเฟยเ้านึกว่าที่นี่เป็จวนอัครเสนาบดีหรือไร รีบพูดมาเร็ว ๆ เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เมื่อเห็นเหยาโม่หว่านที่อยู่เบื้องหน้ามีสติปัญญาเท่ากับเด็กอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ เหยาซู่หลวนก็คิดไม่ออกว่านางจะมีความสามารถเทียมฟ้าอันใดได้
“เมื่อคืนเหรอ...ให้โม่หว่านนึกก่อนนะ...อ้อนึกออกแล้ว บิดาบอกว่าพี่รองไม่ว่าง เลยให้โม่หว่านไปเล่นเป็เพื่อนฝ่าา พี่รอง ปรกติฝ่าาก็ชอบเล่นกับท่านแบบนั้นหรือ?”เหยาโม่หว่านใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดวงตาใสแจ๋วบริสุทธิ์ ดูราวกับเทพธิดาน้อยที่ไม่แปดเปื้อนธุลีในแดนมนุษย์แค่ชำเลืองมองยังสะดุดตาสะดุดใจ ดวงหน้างามพิสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้ต่อให้บุรุษใจแข็งแค่ไหนก็ต้องหลอมละลายแต่ในสายตาของสตรีด้วยกันกลับเป็ที่น่าอิจฉาริษยาอย่างยิ่ง
“เล่น...อย่างไร?”เหยาซู่หลวนมุ่นคิ้วขมวด มองเหยาโม่หว่านด้วยความสงสัย
“เล่นแบบถอดเสื้อผ้าออกหลังจากนั้นก็จูบ ๆ หอม ๆ กันไง ฝ่าาทรงแข็งขันยิ่ง จูบโม่หว่านทั้งคืน จนถึงตอนนี้ยังเหนื่อยไม่หายอ่อ...ยังมีอีกนะ ตรงนั้นน่ะ...เจ็บมากเลย” เหยาโม่หว่านทำท่ากระมิดกระเมี้ยน ก่อนเข้าไปกระซิบข้างหูเหยาซู่หลวน
“วิปริต!มีเหตุผลแบบนี้เสียที่ไหน ออกไปห่าง ๆ เลยนะ” เหยาซู่หลวนผลักเหยาโม่หว่านออกไปอย่างรังเกียจหัวใจถูกไฟริษยาแผดเผาจนร้อนรุ่ม เส้นเืที่หน้าผากปูดโปนปานจะะเิ ไฉ่อิ๋งที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วยังหน้าแดงก่ำลอบกวาดสายตามองไปที่เหยาโม่หว่าน ถ้าตัดเื่ความขลาดเขลาทิ้งไป สตรีที่อยู่ตรงหน้ายังมีต้นทุนความงามมากกว่าเ้านายตนกับหวงโฮ่วที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วเสียอีกแต่นางก็ได้แค่คิดในใจ
เหยาโม่หว่านซวนเซถอยออกไปจนล้มลงที่พื้นหลังจากลุกขึ้นมายืนได้ ก็ทำปั่นปึ่งพลางเอ่ยวาจาตัดพ้อ “พี่รอง...ท่านดุจัง ฝ่าาไม่ชอบสตรีดุร้ายทรงตรัสว่าชอบสตรีนุ่มนวลอ่อนโยนแบบโม่หว่าน”
“นี่แน่ะ!อย่างเ้าไม่เรียกว่าอ่อนโยน แต่เรียกว่าโง่เขลาต่างหาก รู้ไว้ซะนังเด็กปัญญาอ่อน”เหยาซู่หลวนแผดเสียงดุด่าอย่างเกรี้ยวกราด
“แต่ฝ่าาบอกว่าชอบคนโง่เขลานี่นา...”โม่หว่านยังคงต่อปากต่อคำ ขอบตาเริ่มแดงเรื่อ
“เ้า! แค่กๆเมื่อครู่เ้าบอกว่าบิดาให้เ้าไปหาฝ่าาเมื่อคืนหรือ?” เหยาซู่หลวนเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองกำลังทะเลาะกับคนเขลาคนหนึ่งอยู่เสียภาพพจน์หวงกุ้ยเฟยของนาง ครั้นแล้วจึงกระแอมกระไอเบา ๆ สงบจิตใจให้เยือกเย็นก่อนเบี่ยงเบนประเด็นไปเื่อื่น
“ใช่แล้วบิดากำชับกับโม่หว่านั้แ่ตอนที่ฝ่าายังไม่มาแล้ว ว่าพี่รองต้องไปอยู่เฝ้าดวงิญญาของพี่ใหญ่ไม่มีเวลาว่าง ให้โม่หว่านไปเล่นเป็เพื่อนฝ่าาแทนท่าน” เหยาโม่หว่านตอบข้อสงสัยของเหยาซู่หลวนอย่างใสซื่อ
“ฮึ!จะให้เปิ่นกงอยู่เฝ้าิญญานังแพศยาชั้นต่ำนั่น? นางคู่ควรหรือ เสียแรงที่เป็ถึงอัครเสนาบดี...”เหยาซู่หลวนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบ่นพึมพำด้วยความคับแค้นใจ ความเยียบเย็นทอประกายวาบใต้ก้นบึ้งดวงตามิน่าเล่ามีเวลาตั้งนมนานมารดาไม่เคยระแคะระคายเื่ซูมู่จื่อกับเหยาอวี้ เพียรต้องมารู้เื่ในวันที่ฝ่าาเสด็จไปจวนอัครเสนาบดีพอดีที่แท้บิดาก็วางแผนเตรียมการไว้แล้วนี่เอง
บิดาผู้ยิ่งใหญ่ของข้า...ท่านคงไม่คิดว่านังเด็กปัญญาอ่อนคนนี้จะกอบกู้สถานการณ์สกุลเหยาได้หรอกกระมังไม่เป็ไร...ซู่หลวนจะพิสูจน์ให้ท่านเห็น ว่าเกียรติยศของสกุลเหยาในวันข้างหน้ามีเพียงข้าเหยาซู่หลวนเพียงผู้เดียวที่คู่ควรจะรับหน้าที่นี้
ขณะที่เหยาซู่หลวนกำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิดร่างกายพลันเซถลาไปด้านหลัง หากไม่เพราะไฉ่อิ๋งประคองไว้ทัน คงจะล้มลงพื้นไปแล้ว
“เหยาโม่หว่านเ้าบ้าไปแล้วหรือ มาผลักข้าทำไมเนี่ย?” เหยาซู่หลวนถลึงตา ตวาดใส่เหยาโม่หว่านอย่างเดือดดาล
“พี่รองอยากมาว่าพี่ใหญ่ก่อนทำไมล่ะ?ถึงโม่หว่านจะไม่รู้ความ แต่รู้จักรักพี่รักน้อง พี่ใหญ่ดีต่อพวกเราขนาดนั้น ท่านอยู่เฝ้าดวงิญญาให้แก่นางย่อมสมควรแล้วแต่พี่รองกลับปากเสียพูดจาแย่มาก” เหยาโม่หว่านค้อนปะหลับปะเหลือก ยู่ปากบ่นอู้อี้
“เด็กโง่อย่างเ้าจะไปรู้อะไรหลีกไป !” เหยาซู่หลวนไม่มีอารมณ์จะมาเอาความกับคนสติปัญญาไม่สมประกอบพอทราบว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความคิดของบิดา ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่วนเหยาโม่หว่านนางมีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อว่าฝ่าาทรงเห็นน้องสาวผู้โง่งมเป็เพียงเครื่องมือช่วยอุ่นเตียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นถ้าจะบอกว่านังเด็กนั่นมีปัญญามา่ชิงความโปรดปรานไปจากตนเอง ก็คงเป็เื่น่าขันที่สุดในใต้หล้าแล้ว