เสียงโหยหวนดังก้องนภากาศ
ทุกคนแหงนมองแสงแรงกล้าบนท้องฟ้า
ติ๋ง!
มีหยาดโลหิตหยดลงบนใบหน้าของผู้คน ทุกคนมองเหม่อ แววตาเต็มไปด้วยความสงสาร อัจฉริยะผู้นั้นสิ้นชีพแล้วหรือ...
น่าสงสาร น่าเห็นใจ…
ใบหน้าของชางซิ่วและกู่อวี้มีรอยยิ้ม ในที่สุดเซียวเฉินก็ถูกฮ่องเต้สังหาร ผลลัพธ์เช่นนี้ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้สถานศึกษาชางหวง
คนของสถานศึกษาตี้ซิงและสถานศึกษาชางหลงวางตัวเป็กลาง ไม่แสดงความเห็นใดๆ ส่วนจั๋นอวี่มีสีหน้าน่าเกลียดและเหม่อลอย ยังคงไร้เรี่ยวแรง ในใจของเขาทั้งเศร้าโศกและเดือดดาล
“เซียวเฉิน ข้าพยายามเต็มที่แล้ว...”
จั๋นอวี่พึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน แหบเครือและแก่ชรา
พวกซูเฉินเทียนสี่คนที่อยู่ด้านล่างเวทีเหมือนถูกสูบพลังออกไป หมดแรงจะอยู่ตรงนี้ มองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานโดยไม่เอ่ยวาจา
ศิษย์น้องเล็ก ตายแล้วจริงๆ หรือ...
พวกเขามองโลหิตสดที่สาดทั่วพื้น ครุ่นคิดอย่างไร้กำลัง...
เผชิญหน้ากับการล่าสังหารของผู้เข้มแข็งอย่างลั่วเทียนอู่ ขั้นเสวียนฟ้าจะใช้สิ่งใดมาหนีพ้น?
หัวใจของพวกเขาโศกเศร้า
มีโลหิตหยาดหยด เสียใจกับการตายของเซียวเฉิน…
แสงอันกล้าแข็งสลายไป ไม่เห็นเงาร่างของเซียวเฉิน ทุกคนนึกว่าหมัดของลั่วเทียนอู่ต่อยเซียวเฉินจนสลายเป็ภัสม์ธุลี แต่ลั่วเทียนอู่กลับมีสีหน้าน่าเกลียด
แม้เขามั่นใจว่าหมัดของตนเองต่อยเข้าร่างของเซียวเฉิน แต่เขากลับรู้สึกว่าเซียวเฉินไม่ตาย!
เซียวเฉิน หนีไปแล้ว!
แต่เขาประกาศเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! เป็ถึงผู้เข้มแข็งขั้นยุทธ์์แต่สังหารขั้นเสวียนฟ้าคนหนึ่งไม่ตาย?
นี่มิใช่ตบหน้าเขาหรือ?
ลั่วเทียนอู่กลับมาที่หอสูงเหนือประตูเมือง มองผู้คนด้านล่างเวที เนิ่นนานจึงกล่าวว่า “ประชาชนของข้า ตอนนี้พวกเ้าต้องสงสัยแน่ว่าเหตุใดข้าจึงสังหารเซียวเฉิน ใช่หรือไม่?”
สิ้นเสียง ลั่วเทียนอู่ก็ไม่เอ่ยวาจา เขากำลังมองปฏิกิริยาของทุกคน แม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่สายตาก็บ่งบอกว่ายอมรับคำพูดของลั่วเทียนอู่
ลั่วเทียนอู่กล่าวต่อไปว่า “ข้าจะบอกสาเหตุให้พวกเ้ารู้ เพราะเซียวเฉินสังหารโอรสของข้า สังหารรัชทายาทของแคว้นชางหวง พวกเ้าคิดว่าข้าสมควรฆ่าเขาหรือไม่?”
ชั่วพริบตา ทั่วทั้งงานก็ส่งเสียงฮือฮา!
แม้แต่ชางซิ่วและอาจารย์ใหญ่อีกสี่คนก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดว่าจะได้ยินคำตอบนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงใสุดขีด
มิน่าเล่า ฮ่องเต้จึงพิโรธและสังหารเซียวเฉินทิ้ง
ที่แท้เซียวเฉินสังหารรัชทายาท!
จากนั้น สายตาของทุกคนมองจั๋นอวี่ สีหน้าแปรเปลี่ยน เื่ที่องค์ชายถูกสังหาร จั๋นอวี่ต้องรู้แต่แรก ทว่าเขากลับมิได้กราบทูลฮ่องเต้ ได้รู้จากปากผู้อื่นจะเป็อีกเื่หนึ่ง
ทุกคนมองจั๋นอวี่ด้วยสีหน้ายินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น
ปกป้องนักโทษสังหารองค์ชาย คราวนี้สถานศึกษาชางหวงนับว่าถูกทำลายลงด้วยมือของจั๋นอวี่โดยสมบูรณ์
ลั่วเทียนอู่มองจั๋นอวี่และเอ่ยเรียบๆ “จั๋นอวี่ เ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?” น้ำเสียงเ็าเหมือนกำลังประกาศโทษอย่างไร้ความรู้สึก
จั๋นอวี่มีสีหน้าเฉยชา กล่าวว่า “ไม่มีอะไรจะพูด”
ลั่วเทียนอู่จ้องมองจั๋นอวี่ด้วยสายตาคมปลาบ สุดท้ายเอ่ยช้าๆ “นับจากวันนี้ไป ลบสถานศึกษาชางหวงออกจากห้าสถานศึกษา ริบทรัพย์สินที่ดินใดๆ ในแคว้นของสถานศึกษาชางหวงให้หมด!”
ประโยคเดียว ทำให้ร่างของจั๋นอวี่สะท้าน แววตาเดือดดาลสุดขีด แต่กลับไร้เรี่ยวแรง ได้แต่ทำตามคำสั่ง
นับจากนี้ไป สถานศึกษาชางหวงตกต่ำ ไม่อาจกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกแล้ว
แต่คนผิดเป็ใคร?
เขาหรือเซียวเฉิน?
จั๋นอวี่ยิ้มเย้ยหยันตนเอง “ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่เมตตา จั๋นอวี่ทูลลา”
เมื่อสถานศึกษาชางหวงถูกลบทิ้ง จึงต้องจัดอันดับใหม่ อันดับหนึ่งสถานศึกษาเซิ่งเต้า อันดับสองสถานศึกษาตี้ซิง อันดับสามสถานศึกษาเทียนเฉิน และอันดับสี่สถานศึกษาชางหลง นับจากนี้ ห้าสถานศึกษาเหลือสี่สถานศึกษา แบ่งทรัพย์สินของสถานศึกษาชางหวงให้สถานศึกษาอีกสี่แห่งเท่าๆ กัน
ที่ดินศักดินาของสถานศึกษาชางหวงถูกถอดยศ เปลี่ยนเป็สถานที่ผิดบาป
เพราะองค์ชายสิ้นพระชนม์ที่นี่
สามวันต่อมา แคว้นชางหวงสั่นะเื การประลองห้าสถานศึกษาครั้งนี้ถูกเรียกว่าการประลองห้าสถานศึกษาที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุด และถูกเรียกว่าการประลองห้าสถานศึกษาครั้งสุดท้ายเช่นกัน เพราะอันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้ถูกสังหาร และสถานศึกษาชางหวง หนึ่งในห้าสถานศึกษาถูกลบทิ้ง เปลี่ยนเป็สถานที่ผิดบาป
ทุกสิ่งทุกอย่างแพร่กระจายออกมา
ในสถานศึกษาชางหวงซบเซา ไม่รุ่งโรจน์เหมือนวันวาน ทุกคนเศร้าเสียใจ แม้แต่ระดับสูงก็ยังเป็เช่นนี้
สถานศึกษาชางหวงไม่เจิดจรัสอีกต่อไป
ตกต่ำและแก่ชราเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง
เมื่อมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และเสิ่นเล่ยได้สติก็วิ่งไปหาเซียวหวงและซูเฉินเทียนยังที่พักเพื่อถามถึงสภาพการณ์ของเซียวเฉิน แต่คำตอบที่ได้ทำให้ทั้งสองคนตะลึงงันและน้ำตาคลออยู่ตรงนั้น
เซียวเฉินถูกฮ่องเต้สังหาร!
ถูกสังหาร!
คนทั้งสองเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ิญญาหลุดจากร่าง
นับจากวันนั้น มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็มิได้เหยียบย่างออกจากหอสุ่ยเยวี่ยสักก้าว เหมือนหายตัวไปจากโลกนี้ ส่วนเสิ่นเล่ยเ็าเป็น้ำแข็งยิ่งกว่าในอดีต
เ็าเหมือนเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ หนาวเหน็บดุจน้ำค้างแข็ง
รัตติกาลหมื่นหลี่ไร้เมฆา
ภายในลานเรือนผู้าุโ มีเทพธิดากำลังร่ายรำกระบี่ตามลำพัง แสงกระบี่ดุจหิมะ ปราณกระบี่ดั่งน้ำค้างแข็ง กระบวนท่างดงาม แต่เสียงกระบี่กลับคับแค้นเสียใจ ทุกแห่งหนที่ผ่านมีความเศร้าที่ไม่จางหาย แม้แต่สีหน้าของผู้ร่ายรำก็โศกศัลย์
งดงามจนทำให้คนปวดใจ
คนผู้นั้นคือเสิ่นเล่ย ส่วนกระบี่ที่ร่ายรำคือคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์!
เวลานี้ เสิ่นเล่ยเหมือนลุ่มหลงอยู่ในวิชากระบี่ แววตาค่อยๆ พร่ามัว ปกคลุมด้วยละอองน้ำบางๆ จนหนาแน่นขึ้น สุดท้ายหยดจากเบ้าตา
น้ำตาร่วงแต่ยังร่ายรำกระบี่ต่อไป
เบื้องหน้าคือความทรงจำ ครั้งแรกที่เจอเซียวเฉิน เขาขโมยผลไม้ิญญาที่พวกนางเฝ้ารออย่างลำบากยากเย็น นางไล่ล่าสังหารพันหลี่ แต่กลับถูกสัตว์ปิศาจโจมตี และเขาช่วยนางไว้
ครั้งที่สองในเขติญญา นางถูกคนล่วงเกิน เขาโอบนางไว้กับอก ขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า เอ่ยอย่างอหังการ ผู้ข้ามกระบี่นี้มาต้องตาย! อาจจะเป็ชั่วขณะนั้นที่เงาร่างของเขาสลักลงในใจของนาง ลบไม่ออกและลึกล้ำมากขึ้นทุกที
สุดท้ายคนทั้งสองก็ได้พบกันอีกครั้งในเขติญญา เข้าสุสานผู้เข้มแข็งขั้นดารา์ด้วยกัน แม้เขาจะไม่ใส่ใจนางมากนัก แต่นางก็รู้สึกได้ว่าเขาปกป้องนางอยู่ตลอดเวลา นางจมอยู่ในเงาร่างของเขาโดยไม่รู้ตัว
ฝึกกระบี่ใต้แสงจันทร์คืนนั้น เสิ่นเล่ยรู้ใจตนเองอย่างชัดเจนว่าเหตุใดจึงได้รับผลกระทบจากเด็กหนุ่มผู้นั้น เหตุใดจึงหวั่นไหวไปกับคำพูดเชื่อมั่นและความมั่นใจของเขา เนื่องจากไม่รู้ว่าเมื่อใดเด็กหนุ่มผู้นั้นเข้ามาอยู่ในใจของตนเองนานแล้ว
นางจำต้องยอมรับว่า นางหลงรักเซียวเฉิน
รักอย่างลึกล้ำ ทั้งยังลุ่มหลง แม้ความรักนี้มาอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่กลับสลักลึก ความรักนี้ทำให้นางเมามาย ปวดร้าวใจถึงขีดสุดและถึงขั้นชาหนึบ
เพราะไม่รู้ว่าคนที่นางรักเป็หรือตาย
ตอนที่นางค้นพบก็เหลือเพียงความเ็ปที่สลักลึกลงไปถึงกระดูกแล้ว...
เสิ่นเล่ยหลั่งน้ำตาดุจดอกสาลี่ต้องสายฝน
นางงดงาม งามจนทำให้คนแทบหยุดหายใจ งามจนทำให้คนปวดใจ
นางหัวช้าเื่ความรัก แต่กลับรักอย่างลึกซึ้ง
“เซียวเฉิน เ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่...” น้ำเสียงของเสิ่นเล่ยสั่นเครือ ขอบตาแดงก่ำ นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก เ็ปจนหายใจไม่ออก ราวกับหลับตาลงก็เห็นเงาร่างของเซียวเฉิน
.....
ริมลำธารเล็กๆ ณ เทือกเขาแห่งหนึ่งไม่ทราบนาม ภายนอกแคว้นชางหวง สายน้ำถูกย้อมเป็สีแดงฉาน มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งลอยอยู่ต้นธารน้ำ ดวงตาปิดสนิท าเ็ทั่วร่าง ลมหายใจรวยรินจนแทบจะไม่หายใจ แต่หยกประดับของเขากลับแผ่แสงจางๆ ออกมาตลอดเวลา ราวกับพลังงานชีวิตอันบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ในหยกนั้นกำลังบำรุงเขา
ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“พี่ใหญ่ ตรงนี้มีคนาเ็ ยังหายใจอยู่” สตรีผู้หนึ่งส่งเสียง จากนั้นบุรุษผู้หนึ่งเดินมา เมื่อเห็นเซียวเฉินในยามนี้ก็ขมวดคิ้ว
“ทำไมาเ็จนเป็แบบนี้ได้ พากลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน”