แสงเทียนวูบไหว ทอแสงเรืองรองลงบนพื้นหินอ่อนอันเย็นเฉียบ เงาที่ทอดยาวจากแท่นบูชาแลดูรางเลือน ราวกับเป็เงาของสิ่งมีชีวิตที่กำลังเฝ้ามองความเป็ไปของผู้คน ลมค่ำคืนโชยผ่านม่านแพรเบาๆ แ่เบาดุจเสียงกระซิบของิญญา บรรยากาศภายในห้องโถงโอฬารเคร่งขรึมและเย็นเยียบ คล้ายว่ากำลังกลืนกินสรรพสำเนียงทั้งปวง
บนบัลลังก์สูง ท่านประมุขอี้เยว่แห่งพรรคเหินฟ้านั่งอยู่ด้วยอิริยาบถสงบนิ่ง พระพักตร์ของพระองค์เรียบเฉยดั่งผืนน้ำสงัด ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่อาจมองข้าม เพียงนั่งอยู่เฉยๆ ก็ก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาลแก่ผู้ที่ยืนเบื้องล่าง
ลู่วหยินค้อมกายโค้งคำนับต่ำ แม้ร่างกายจะมั่นคง แต่ภายในใจกลับหนักอึ้ง สายตาของเขาจดจ้องพื้นเบื้องหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์
เสียงท่านประมุขดังขึ้นก้องกังวานในความเงียบงัน ทว่าแฝงด้วยความนุ่มนวลประหลาด ราวกับสายลมที่ลูบไล้ยอดเขา “ลู่วหยิน เ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงเรียกเ้ามาในวันนี้?”
ลู่วหยินผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงมั่นคง “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ท่านประมุข แต่ไม่ว่าจะเป็เื่ใด ข้าน้อยยินดีรับใช้ท่านประมุขและพรรคเหินฟ้าด้วยชีวิต”
เงาสะท้อนจากแสงเทียนพลิ้วไหวบนผนัง คล้ายกำลังสะท้อนความนึกคิดภายในของเขา ลู่วหยินมิใช่บุรุษที่โดดเด่น รูปร่างของเขาไม่สูงใหญ่ อาภรณ์ที่สวมใส่ก็เรียบง่ายไร้ลวดลาย ผิวกายของเขาเป็สีน้ำตาลอ่อนจากการฝึกฝนกลางแจ้งมาเป็เวลานาน แม้บุคลิกภายนอกจะดูสามัญ แต่ในดวงตากลับฉายแววแห่งความมุ่งมั่นที่มิอาจลบเลือน
ในพรรคเหินฟ้า ที่ซึ่งเลื่องชื่อที่ได้รับการยกย่องว่าเป็แหล่งรวมจอมยุทธ์ผู้มีวรยุทธ์เลิศล้ำที่สุดในใต้หล้า ลู่วหยินกลับเป็เพียงจอมยุทธ์ต๊อกต๋อยที่ไม่ถูกให้การยอมรับ เขาถูกมองว่าเป็เพียงเด็กรับใช้ คนที่คอยทำหน้าที่รองบ่าวรับใช้ผู้ใหญ่ในพรรค มากกว่าที่จะเป็จอมยุทธ์ผู้มีชื่อเสียง คำพูดเหยียดหยามและการดูถูกจากคนในพรรคเป็สิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็คำเยาะเย้ยถึงความสามารถที่ต่ำต้อย หรือการถูกมองข้ามในทุกโอกาส
แต่ถึงกระนั้น ลู่วหยินก็ยังคงเป็สุนัขรับใช้ผู้ภักดี เขายอมทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อพรรคเหินฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อท่านประมุขพรรค ผู้ซึ่งเขาเคารพบูชาและยอมถวายหัวใจให้โดยไม่ลังเล ทุกการฝึกฝน ทุกการปฏิบัติหน้าที่ เขาทำด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นสูงสุด หวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะได้รับการยอมรับจากทุกคนในพรรค
หากเป็บุคคลอื่น คำดูแคลนเหล่านี้คงเป็ดั่งเข็มพิษที่ทิ่มแทงหัวใจให้สิ้นหวัง ทว่าลู่วหยินกลับมิได้ยี่หระ เขาใช้มันเป็เชื้อเพลิงหล่อเลี้ยงแรงปรารถนา ยิ่งถูกกดขี่มากเพียงใด เขายิ่งทุ่มเทฝึกฝนมากขึ้น เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่ง จะได้รับการยอมรับจากทุกผู้คนในพรรค
และในวันนี้ โอกาสนั้นก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ท่านประมุขอี้เยว่พยักหน้าช้าๆ แววตาสะท้อนความพึงพอใจ ทว่าลึกลงไปคล้ายแฝงเลศนัยบางประการ “ดี ข้ามีภารกิจสำคัญที่จะมอบหมายให้เ้า ภารกิจนี้มิใช่เื่ง่าย และอาจเป็อันตรายถึงชีวิต”
ลู่วหยินสูดลมหายใจลึก ก่อนจะขานรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าน้อยยินดีรับภารกิจใดๆ ที่ท่านประมุขมอบหมาย ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ข้าจะทำให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้ขอรับ”
ท่านประมุขยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย คล้ายรอยยิ้มที่มิเคยมีใครอ่านออก “เ้าต้องแย่งชิง ‘หัวใจแห่งโลกา’ ของวัตถุโบราณที่ทรงอำนาจ ทว่าตอนนี้มันตกอยู่ในมือของพรรคมาร ที่ตอนนี้พวกนั้นกบดานอยู่ในสำนักสงฆ์ร้าง ในป่าไผ่ในแดนทมิฬ เ้าจงไปแย่งชิงมันเสีย หากพวกมันปลุกเทพมารที่ถูกผนึกไว้ โลกาจะต้องเผชิญกับมหันตภัยครั้งใหญ่ เหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน”
ได้ยินดังนั้น ลู่วหยินพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววแข็งกร้าว เขารู้ซึ้งถึงความน่าสะพรึงกลัวของพรรคมาร อีกทั้งป่าไผ่ในแดนทมิฬนั้น เป็สถานที่ที่ถูกกล่าวขานมานานว่ามีิญญาอาฆาตสิงสถิตอยู่ เท่ากับว่าเขาต้องบากบั่นปราการธรรมชาติ เพื่อไปถึงยังพรรคมารที่ซ่อนตัวอยู่ แต่แม้จะเป็เช่นนั้น เขากลับไม่อาจปฏิเสธภารกิจนี้
“ข...ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ ท่านประมุข หน้าที่ของข้าน้อยคือแย่งชิง ‘หัวใจแห่งโลกา’ มาให้จงได้”
ท่านประมุขอี้เยว่พยักหน้า ลุกขึ้นจากบัลลังก์ก้าวมาหยุดตรงหน้าลู่วหยิน มือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่เขา น้ำเสียงของพระองค์อ่อนโยนลงเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าเ้าเป็คนที่มีความมุ่งมั่นและความภักดีสูง ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่จะพิสูจน์ความสามารถของเ้าเท่านั้น แต่ยังเป็บททดสอบของเ้าในฐานะจอมยุทธ์แห่งพรรคเหินฟ้า หากเ้าคู่ควรมากพอ เ้าจะไม่มีใครกล้าสบประมาทเ้าอีกต่อไป”
ลู่วหยินก้มศีรษะลงเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงกับโอกาสที่ได้รับ เขารู้ดีว่าภารกิจครั้งนี้อันตรายเกินกว่าภารกิจใดๆ ที่เขาเคยได้รับ อย่างมากก็ส่งสารข้ามแดนไปตามพรรคพันธมิตร ที่ต้องเผชิญกับพวกสัตว์ประหลาดตามทาง แต่ครั้งนี้ในต่างออกไป มันไม่ใช่เพียงแค่โอกาสในการพิสูจน์ตนเอง หากแต่เป็เส้นทางที่อาจเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขาไปตลอดกาล
“ข้าน้อยจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เป็ประจักษ์ แม้จะเป็เพียงจอมยุทธ์ชั้นล่าง ข้าน้อยก็สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้”
ท่านประมุขอี้เยว่เพียงยิ้มรับ แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีร่องรอยของความเหยียดหยามซ่อนอยู่ลึกๆ ทว่าพระองค์กลับเลือกที่จะปิดบังมันไว้ด้วยถ้อยคำอันแฝงความย้อนแย้ง “ดี ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเ้า จำไว้ว่า ไม่ว่าเ้าจะเผชิญกับสิ่งใด ข้าเชื่อมั่นในตัวเ้า”
ลู่วหยินโค้งคำนับลึกด้วยความเคารพ “ขอบพระคุณท่านประมุข ขอรับ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ท่านประมุขพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังบัลลังก์สูงอีกครั้ง น้ำเสียงสุดท้ายเปี่ยมด้วยอำนาจ “ไปได้ ลู่วหยิน และจำไว้ว่า พรรคเหินฟ้าจะอยู่ข้างหลังเ้าเสมอ”
เขาค้อมกายคำนับอีกครั้ง ก่อนจะหมุนกายออกจากห้องโถง ทิ้งเงาร่างเดียวดายที่ค่อยๆ จางหายไปกับแสงเทียนที่ริบหรี่ โดยไม่รู้เลยว่าท่านประมุขกำลังแสยะยิ้มมีเลศนัยบางอย่างอยู่ด้านหลังประตู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้