เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับคำยืนยันจากทังหงเอิน และทังหงเอินก็เล่าสถานการณ์ของตระกูลจี้ให้เธอฟัง
คุณลุงของจี้เจียงหยวนทำงานอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในขณะที่คุณตาจี้ทำงานอยู่ในแวดวงการศึกษามาทั้งชีวิต มีลูกศิษย์และเพื่อนเก่าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
เมื่อชื่อเสียงแผ่ขยายในวงกว้าง ย่อมมีคนรู้สึกขัดหูขัดตา สมัยคุณตาจี้ยังมีชีวิตอยู่ คนอื่นไม่อาจปฏิบัติกับท่านอย่างไร้มารยาทได้ ทว่าหลังท่านจากไป หากตระกูลจี้ไม่มีลูกหลานที่โดดเด่นขึ้นมา โลกแห่งความเป็จริงก็จะเป็อย่างที่ทังหงเอินกล่าวไว้ทั้งสิ้น
คนอื่นให้เกียรติคุณตาจี้ หาใช่ให้เกียรติทุกคนในตระกูลจี้ ดังนั้นการให้เกียรติเช่นนี้จะลดน้อยลงเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
การอบรมสั่งสอนของตระกูลจี้ไม่ได้ย่ำแย่ มีเพียงแม่แท้ๆ ของจี้เจียงหยวนเท่านั้นที่ค่อนข้างหัวรั้นและไร้เหตุผล คนที่บ้านเองต่างก็พากันตามใจเธอ ออกไปอยู่ต่างประเทศมาสิบกว่าปี พฤติกรรมของเธอในตอนนี้แม้แต่ทังหงเอินก็รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน
คำพูดเหล่านี้ทังหงเอินไม่ได้พูดกับจี้เจียงหยวน อย่างไรก็ตามจี้เจียงหยวนกลับบ้านไปพร้อมกับมีเื่กลุ้มอยู่เต็มอก
ทังหงเอินพูดกับเซี่ยเสี่ยวหลานตามลำพัง เพราะอยากไว้หน้าจี้เจียงหยวน
“ฉันกับจี้หย่าศีลไม่เสมอกัน ตอนนี้ดูท่าต่อให้ไม่เกิดเื่วุ่นวายใน่ปฏิวัติวัฒนธรรม ไม่ช้าก็เร็วคงต้องแยกทางกันอยู่ดี ทว่าหย่ากันก็ดี คนสองคนที่มีอุดมการณ์ต่างกันหากอยู่ร่วมกันรังแต่จะทุกข์ใจ เื่เดียวที่ฉันรู้สึกเสียใจก็คือเจียงหยวน”
เดิมทีเขากับจี้หย่าคงไม่แตกหักกันเร็วขนาดนั้น แต่เพราะ่เวลาพิเศษทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เขากับจี้หย่าที่มีอุดมการณ์ต่างกัน ่นั้นสามีภรรยาหลายคู่อยู่คนละฝั่ง พ่อลูกกล่าวหาซึ่งกันและกัน ประกาศจุดยืนต่อหน้าสาธารณชน... เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับผู้คนมากมายจำนวนนับไม่ถ้วน!
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่รู้ว่าควรปลอบอย่างไร
เธอยังขาดประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาในครอบครัว อย่าว่าแต่การเสนอความคิดเห็นให้ทังหงเอินเลย ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ใน่เรียนรู้การคบหาดูใจกับใครสักคนด้วยซ้ำ การแต่งงานคืออะไรเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจ และทังหงเอินก็ไม่จำเป็ต้องขอคำชี้แนะจากเธอด้วยเช่นกัน
โดยสรุปคือ เซี่ยเสี่ยวหลานได้รู้สถานการณ์คร่าวๆ ของตระกูลจี้เป็ที่แน่นอนแล้ว
“คุณอาทัง คุณอาคิดว่าเขาจะเลือกทางไหนคะ”
‘เขา’ ที่ว่าหมายถึงจี้เจียงหยวน
ที่จริงทังหงเอินค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะสามารถเหนี่ยวรั้งจี้เจียงหยวนให้อยู่ต่อได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากใช้แผนการหรือกลยุทธ์อะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เขาเพิ่งบอกกับจี้เจียงหยวน คงมีเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีแค่ไม่กี่คนที่จะสามารถแบกรับได้ หนุ่มสาวมักอยากค้นหาโลกใบนี้ด้วยตัวเอง แต่จี้หย่ากลับเป็จอมบงการ อยากควบคุมชีวิตของจี้เจียงหยวน... ขณะที่ทังหงเอินนั้นเป็คนเปิดกว้างทางความคิด ความแตกต่างนี้ช่างชัดเจนเหลือเกิน จี้เจียงหยวนจะสามารถสลัดห่วงโซ่ที่ล่ามเขาออกได้หรือไม่ ทังหงเอินได้ช่วยกระตุ้นเขาแล้วอีกแรง
เขากลับออกจากบ้านตระกูลจี้แล้วมาดักเจอจี้เจียงหยวนก่อนที่คนตระกูลจี้จะติดต่อมาหาจี้เจียงหยวน นั่นก็เพราะเขาอยากอธิบายให้จี้เจียงหยวนเข้าใจก่อน ถือเป็ข้อได้เปรียบ
ต้องใช้กลยุทธ์เช่นนี้กับลูกชายบังเกิดเกล้า ทังหงเอินเองก็รู้สึกจนใจจริงๆ
ตระกูลจี้บีบคั้นกันถึงขั้นนี้ ทังหงเอินไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
“ไม่ว่าเขาเลือกทางไหน ฉันก็จะยอมรับ”
ทังหงเอินไม่ได้เล่นแง่กับตระกูลจี้ เขาแค่อยากให้จี้เจียงหยวนมีชีวิตที่ดีขึ้นเพียงเท่านั้น
ความยึดติดเกินพอดีของจี้หย่าคืออาการป่วย ซ้ำร้ายอาการยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดูแนวโน้มแล้วชาตินี้จี้หย่าคงไม่มีทางปล่อยมือจากจี้เจียงหยวนได้อย่างแน่นอน
ทังหงเอินหยุดประเด็นนี้ไว้ เขาถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่า่นี้ยุ่งเื่อะไรอยู่บ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าเื่การแข่งขันภาษาอังกฤษที่ผ่านมา “ฉันน่าจะไม่มีหวังแล้วล่ะค่ะ นอกจากเื่นี้ฉันยังอยากร่วมหุ้นกับคนอื่นเพื่อเปิดบริษัทเสื้อผ้า พัฒนาแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองที่หยางเฉิงด้วย”
เื่ ‘Luna’ ไม่ใช่ความลับอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานอยากฟังความคิดเห็นของทังหงเอินมากกว่า
“ทำธุรกิจเสื้อผ้าที่หยางเฉิงนั้นถูกต้องแล้ว แม้หยางเฉิงจะไม่มีวัตถุดิบในการทำเสื้อผ้า แต่ความสามารถทางด้านการแข่งขันนั้นสูงกว่าซางตูแน่นอน ตอนนี้ก็เห็นความแตกต่างแล้ว อนาคตความแตกต่างจะยิ่งชัดเจนขึ้น เมืองท่าจะพัฒนาได้เร็วกว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจกำหนดมันไว้แล้ว”
เดิมทีทังหงเอินอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานจดทะเบียนบริษัทที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
แต่พอคิดดูแล้ว เขาดำรงตำแหน่งอยู่ที่เผิงเฉิงเพียงไม่กี่ปี เช่นนั้นสู้ไปเปิดที่หยางเฉิงจะดีกว่า อย่างน้อยธุรกิจเสื้อผ้าที่หยางเฉิงก็สามารถพัฒนาเป็แบบแผนได้ง่ายกว่า
ทังหงเอินชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานจากจุดนี้เช่นกัน เธอใช้โอกาส่ปฏิรูปเศรษฐกิจ ตั้งใจทำธุรกิจอย่างจริงจัง
ร้านขายวัสดุก่อสร้าง บริษัทเสื้อผ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ธุรกิจที่ไปได้ไกล ปัจจัยสี่คือความ้าพื้นฐานของมนุษย์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าสองธุรกิจนี้ก็คือ ‘ที่อยู่อาศัย’ และ ‘เครื่องนุ่งห่ม’ จากสี่ปัจจัยทั้งหมด
หากคนฉลาดอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานเอาเงินทุนที่ได้ไปลักลอบค้าของเถื่อน ทังหงเอินคงทั้งผิดหวังและปวดหัวเป็แน่
“เื่หลิวเทียนเฉวียนไม่ต้องกังวลอีกแล้ว เครือเชิงหรงส่งคุณชายใหญ่มาที่เผิงเฉิง ทำให้หลิวเทียนเฉวียนสูญเสียอำนาจ ตอนนี้เขากำลังกังวลว่าจะเสียกิจการที่ตัวเองพยายามสร้างไว้ที่เผิงเฉิง คงไม่มีเวลาไปหาเื่พวกเธออีกแล้วล่ะ”
ห้องเต้นรำถูกบุกค้น ไม่เพียงแต่จะได้ทำให้หลิวเทียนเฉวียนเดือดร้อนเท่านั้น หลังได้ข้อมูลที่มีประโยชน์บางอย่าง ทังหงเอินก็ส่งต่อให้กับทางมณฑลิ่ การปราบปรามพวกลักลอบค้าของเถื่อนคือนโยบายที่ประเทศไม่มีทางผ่อนปรน เครือเชิงหรงอยากลงทุนที่เผิงเฉิงย่อมได้ ทว่าหากพวกเขาคิดจะทำธุรกิจถูกกฎหมายเป็แค่ฉากหน้า ธุรกิจค้าของเถื่อนที่มณฑลิ่ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ตู้เ้าฮุยอาจคิดว่างานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษราบรื่นดี ทังหงเอินยินดีต้อนรับการลงทุนของเครือเชิงหรง แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้เครือเชิงหรงทำสิ่งใดตามใจชอบ แน่นอนว่าสองเื่นี้ไม่ขัดกัน!
เซี่ยเสี่ยวหลานฟังแล้วรู้สึกหนาววาบ คุณอาทังไม่ใช่คนไม่รู้จักพลิกแพลง หากมีใครสามารถเอาเปรียบทังหงเอินได้ นั่นเป็เพราะเขายินดีให้ทำเช่นนั้น... จุดนี้อีกไม่นานเครือเชิงหรงกับตระกูลจี้คงรู้ซึ้ง!
—------------------------------------------
“เขาใหญ่มาจากไหน...”
จี้หย่าอาละวาดอยู่ครึ่งวัน ทำเอาคนทั้งบ้านรู้สึกเหนื่อยล้ากันไปหมด แม้แต่จอร์จเองก็หมดเรี่ยวแรงเช่นกัน สุดท้ายก็ต้องฉีดยาให้จี้หย่า เธอถึงจะสงบลงได้
คนตระกูลจี้ไม่เคยอยากยอมรับว่าจี้หย่าป่วย จี้หย่าเองก็ต่อต้านการใช้ยาเป็อย่างมาก
หากไม่ร้ายแรงเกินไป คุณลุงจี้คงไม่อนุญาตให้ฉีดยากล่อมประสาทให้กับจี้หย่าอย่างแน่นอน
ฤทธิ์ของยาบ่อนทำลายร่างกาย คนที่ฉีดยากล่อมประสาทบ่อยครั้งย่อมได้รับผลข้างเคียง
ใช่ ทังหงเอินเป็ใครมาจากไหน ผู้เฒ่าจี้เพิ่งตายจากไป ทังหงเอินก็มาวางอำนาจบาตรใหญ่ถึงบ้านจี้
“เขาหมายความว่าอย่างไร เขาห้ามจี้หย่ากับเจียงหยวนออกนอกประเทศได้อย่างนั้นหรือ”
จอร์จไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศจีนแม้แต่น้อย อเมริกาเป็ประเทศที่เกิดจากการรวมตัวของมลรัฐ เ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจมาก แต่ก็ถูกควบคุมโดยนายทุนเช่นกัน คนมีเงินย่อมสามารถบงการเ้าที่รัฐได้ตามใจชอบ ส่วนคนที่ทำไม่ได้แสดงว่ายังรวยไม่มากพอนั่นเอง
ระบบทุนนิยม นายทุนย่อมอยู่สูงสุด
จอร์จรู้สึกว่าประเทศจีนช่างโง่เขลาเหลือเกิน แถมยังลิดรอนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลอีกด้วย
วัฒนธรรมและค่านิยมของทั้งสองประเทศแตกต่างกัน คุณลุงจี้คงอธิบายให้จอร์จเข้าใจได้ยาก แต่ทังหงเอินตัดสินใจเฉียบขาดว่าจะขัดขวางจี้หย่ากับจี้เจียงหยวนไม่ให้ออกนอกประเทศ เขาสามารถทำได้จริงหรือ?
คุณลุงจี้รู้อยู่เต็มอกว่า เขาทำได้
นี่ก็คือสาเหตุที่คุณลุงจี้ะเิโทสะ หลังพ่อของเขาจากไป ตระกูลจี้ก็ไม่มีใครเป็ที่นับหน้าถือตาอีกแล้ว
ตอนนี้ทังหงเอินมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต เขาอยากให้เกียรติตระกูลจี้ ตระกูลจี้ถึงจะมีเกียรติ หากทังหงเอิน้าแตกหัก เกียรติของตระกูลก็คงใช้งานต่อไปไม่ได้... ที่คุณลุงจี้กับจี้หย่าะเิอารมณ์ ก็เพราะสองพี่น้องคิดเหมือนกันคือ ถูกแทงใจดำ
หรือตอนนั้นที่จี้หย่าขอหย่าร้างคือการกระทำที่ผิดพลาด?
ไม่ จี้หย่าไม่ผิด คนที่ผิดคือทังหงเอิน เขาไม่ยอมอธิบายอะไรให้แน่ชัด มองดูตระกูลจี้เลือกข้างผิด ทำให้ตระกูลจี้ต้องตกต่ำลงเช่นนี้
จี้เจียงหยวนถูกเรียกไปคุยตอนอยู่มหาวิทยาลัย พอกลับมาถึงบ้านก็เจอกับความไม่พอใจของคุณลุงจี้
“เจียงหยวน แม่หลานจะพาหลานกลับอเมริกา ลุงอยากให้พวกหลานรีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด”
ฉวยโอกาสตอนทังหงเอินยังไม่เคลื่อนไหว รีบไปได้ก็ควรรีบไปเสีย
จี้เจียงหยวนไม่ตอบรับในทันที ทว่าก็ไม่บอกปฏิเสธ คำพูดของทังหงเอินติดค้างอยู่ในใจเขา เขาจึงถามกลับไปว่า
“ถ้าผมกลับอเมริกาตอนนี้ ปีกว่าที่ผ่านมาเท่ากับเสียเวลาโดยเปล่า ผมก็ต้องยื่นสมัครมหาวิทยาลัยใหม่ คุณลุงครับ ผม้าเวลา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้