พริบตาเดียวก็มาถึงก่อนหน้าวันแข่งขันใหญ่หนึ่งวัน
รายชื่อนักเรียนผู้จะได้เข้าศึก ในท้ายที่สุดก็ได้ประกาศบนกระจกศิลาทุกหัวระแหงพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังมีรายนามของสำนักหงส์ฟ้าอีกด้วย
ศิษย์สองสำนักออกันอยู่หน้ากระจก รับทราบรายนามนักเรียนทั้งยี่สิบอัจฉริยะที่ได้รับเลือกเข้าสู่สมรภูมิหุบเขาปัดป้อง เพื่อการต่อสู้ไม่ท้อถอยและเข่นฆ่า
นามของเ่ิูอยู่เป็หนึ่งในรายชื่อทั้งห้าของศิษย์ปีหนึ่ง
ดูท่าหัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนจะตอบรับคำขอของเขาแล้ว
ถึงเ่ิูจะเลื่อนชั้นเป็ปีสองแล้ว ทว่าเื่สิบวันมานี้ พลังของเขาเป็ที่รู้จักทั่วกันจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ดังนั้นการตัดสินใจครานี้ จึงกลับกลายเป็ว่าไม่เกิดข้อพิพาทอะไรใหญ่ใดๆ เลย
นอกจากเ่ิูแล้ว ศิษย์ปีหนึ่งคนอื่นก็ได้แก่ฉินอู๋ซวง ซ่งชิงหลัว ่เี่ิและเซี่ยโหวอู่
ในสี่คนนี้ เซี่ยโหวอู่กลับดึงดูดเสียงโต้แย้งมากที่สุด ด้วยนักเรียนชั้นสูงคนนี้แสดงผลงานในการประลองใหญ่ทั้งหลายมิได้ดีเด่อะไรเลย โดยเฉพาะคราวที่ถูกเ่ิูกลิ้งจนคว่ำ ยิ่งทำให้ระดับของเขาในสายตาและเสียงของทุกคนล้มครืนจนตกต่ำสุด
ทว่ารายชื่อนั้นได้ประกาศไปแล้ว เป็การยืนยันชัดเจนว่าเบื้องสูงของสำนักได้รับรองเรียบร้อย แม้จะมีข้อโต้แย้งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี
สิ่งเดียวที่ทำให้ศิษย์ผู้ยากจนข้นแค้นเสียดายเป็อย่างยิ่งก็คือ หากเยี่ยนสิงเทียนมิได้หายตัวไปแล้วไซร้ เขาต้องมีสิทธิ์ได้เข้าเป็หนึ่งในห้าอย่างไร้กังขา เวลานั้นก็เท่ากับต่อลมหายใจให้คนยากอีกหนึ่งเฮือก น่าเสียดายเหลือเกิน...
นอกจากนี้แล้ว ปีสอง ปีสามและปีสี่ก็ได้ประกาศต่อสาธารณะแล้วเช่นกัน ผู้ที่ได้เข้ารอบก็ล้วนแล้วแต่เป็เพชรน้ำงามของปีทั้งสิ้น หมายรวมถึงไป๋อวี้ชิง เี๋เี่า หานซวงสวี่ หานเซี่ยวเฟย...
เ่ิูยืนอยู่ล่างกระจกศิลา กวาดตาไล่มองทุกรายชื่ออย่างละเอียด
เื่เดียวที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ในรายชื่อของปีสามนั้นมีนามของัเีอยู่ด้วย
“ัเี? ใช่คนอาจารย์นำแถวตอนการทดสอบสนามจริงคราวแรกหรือเปล่านั่น” สมองของเขาพลันปรากฎภาพกายของชายหนุ่มผมยาวัเีผู้ดูเหลาะแหละ หาใดพึ่งพามิได้และชอบหัวเราะตาปิดขึ้นมา เขามึนงงไปชั่วขณะ
ัเีคนนี้ไม่ใช่ตำแหน่งอาจารย์หรือ?
ทำไมถึงกลายเป็ศิษย์ปีสามของสำนักกวางขาวได้?
หรือเบื้องสูงของสำนักกวางขาวจะโกงจับอาจารย์วรยุทธ์แก่กล้าปะปนเข้าไปในหมู่นักเรียน อยากจะเอาคืนสักรอบงามๆ? ยิ่งดูเหมือนเป็ไปไม่ได้นัก ศิษย์สำนักหงส์ฟ้าก็ไม่ใช่พวกโง่ หากตรวจสอบได้ก็รู้เื่ชัดเจนแล้ว หากแพร่กระจายออกไปไม่กลายเป็ข่าวคราวน่าทุเรศทุรังหรอกหรือ
น่าแปลกเหลือเกิน!
เ่ิูคิดอย่างละเอียดอีกครา เขาหาคำตอบให้ตัวเองมิได้ชั่วคราว
ทว่าัเีพลังน่ากลัวถึงเพียงนั้น มอบความทรงจำอันลึกล้ำไว้ให้แก่เ่ิู หากเขาออกหน้าแทนในปีสาม เช่นนั้นศึกของปีสามเห็นทีสำนักกวางขาวจะชนะใสกระมัง?
เมื่อมองไปอีกด้านที่สำนักหงส์ฟ้า ในบรรดารายชื่อทั้งหมด เ่ิูรู้จักมักจี่แค่สวี่เกอคนเดียวเท่านั้น ตอนตาประสานตาที่หอสมุดคลังแสงวันนั้น ทำให้เด็กหนุ่มจดจำได้แม่นมั่น ว่าเด็กหนุ่มนามสวี่เกอผู้นั้น น่ากลัวแน่นอน
และสวี่เกอคนนี้ เป็เพียงแค่ตัวแทนของปีหนึ่งสำนักหงส์ฟ้าเท่านั้นเอง
มองนามแล้วนามเล่าที่เขาไม่รู้จักแล้ว เ่ิูพลันมีลางสังหรณ์ว่าการแข่งใหญ่ครานี้ เป็วิกฤติครั้งมโหฬารของสำนักกวางขาวแล้ว
ระหว่างทางกลับหอพัก เ่ิูก็ถูกอาจารย์หนุ่มคนหนึ่งขวางทางไว้ นำเขาไปยังเขตรวมกายเตรียมสู้ศึก
“ยังมีการบรรยายเื่รวมกายเตรียมสู้ศึกด้วยหรือนี่?” เ่ิูใไม่น้อย
“การประยุทธ์ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนั้นไม่เหมือนการประมือธรรมดา ต้องมีการเตรียมตัวก่อนสู้ศึก โดยเฉพาะศิษย์ปีหนึ่ง ยังไม่มีประสบการณ์เข้าสมรภูมิ ไม่รู้จักสภาพการณ์ รอสักครู่ก็จะมีอาจารย์ผู้ศึกษาเกี่ยวกับสมรภูมิหุบเขาปัดป้องโดยเฉพาะมาบรรยายรูปแบบการต่อสู้และสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศในสมรภูมิ...”
อาจารย์หนุ่มเดินนำทางไปอธิบายไปอย่างใจเย็น
ระหว่างที่เอ่ยนั้นก็ผ่านทั้งเขตปีสอง เขตปีสามจนถึงศูนย์กลางของเขตปีสี่ เดินมาถึงศาลากลางน้ำรายเป็ทางยาวไกล อาจารย์หนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าวิมานใจกลางทะเลสาบ
“เข้าไปเถิด คณาจารย์ผู้ใหญ่กำลังรอเ้าอยู่”
เขาชี้ไปทางประตูใหญ่
“ท่านไม่ไปด้วยหรือ?” เ่ิูถาม
อาจารย์หนุ่มเผยสีหน้าสิ้นหวังและอิจฉา เขาตอบ “ตอนนี้ข้ายังไร้คุณสมบัติเข้า ‘ศาลาขึ้นฟ้า’”
เ่ิูนิ่งไป
เขาเงยหน้ามองดู ้าของวิมานใจกลางทะเลสาบนี้มีป้ายสีน้ำเงินแขวนไว้เด่นหรา อักษรทองคำสลักเป็นามศาลาขึ้นฟ้า ราวกับเป็อักษรจากลายมือของเทพมาร กลิ่นอายราวกับคนมองจากเบื้องบนนภาลงมา ทำให้คนมองเกิดความรู้สึกประหนึ่งว่าหากเหยียบย่ำเข้าไปในที่แห่งนี้ จักสามารถขึ้นไป์ชั้นฟ้าได้กระไรกระนั้น
“ขอบพระคุณขอรับ”
เ่ิูกล่าวแล้วก็เข้าไปในวิมาน
เมื่อเท้าเหยียบธรณีประตู พลันภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปรไปสิ้นเชิง เส้นแสงมอดมัวลง ตรงหน้าเป็เทวรูปหินมากมายลอยคว้างกลางอากาศ แผ่นหินแต่ละก้อนๆ ที่ลอยอยู่ใต้เท้า ไกลออกไปมีแสงวับวาวประดุจมาถึงกลางจักรวาลเวิ้งว้างเข้าแล้ว...
มโนภาพ?
เป็โลกใบเล็กอักขระใหม่อีกหรือ?
เ่ิูก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ในเวลาอึดใจก็มองเห็นสนามจัตุรัสหินผากว้างใหญ่เขาเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปก็มาถึงบนจัตุรัส จึงได้มองเห็นคนหลายสิบคนยืนอยู่ใต้ประติมากรรมั์นั้น มีทั้ง่เี่ิ ซ่งชิงหลัว เป็ต้น รวมทั้งผู้าุโหนวดเคราและไรผมขาวอีกหลายสิบท่านเช่นกัน...
“เ้าเป็คนสุดท้าย เอาล่ะ บัดนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว” น้ำเสียงของหวังเยี่ยนดังขึ้น ใต้เท้าหัวหน้าหมวดของปีหนึ่งเดินเข้ามาหา หมายความถึงเ่ิูที่ยืนอยู่กลางกลุ่มคนนี้
คนเหล่านี้คือเบื้องสูงและยอดหัวกะทิที่จะเข้าแข่งขันใหญ่แท้จริงใช่หรือไม่?
เ่ิูคาดคะเนในใจ มาหยุดยืนอยู่ข้างกาย่เี่ิที่พยายามลอบโบกมือทักทายอย่างแอบๆ สุดชีวิต ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
ถัดไปอีกคนหนึ่งคือฉินอู๋ซวงบุคคลผู้ได้สมญาว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของปีหนึ่ง เทียบกับสมัยก่อนที่ดีใจหรือโกรธขึ้งก็แทบไม่มีอาการแล้ว พอพ่ายแพ้ให้เ่ิู คุณชายสูงศักดิ์ผู้นี้ก็กลายเป็เหมือนกระบี่คมกริบ กลิ่นอายขู่ฟ่อบีบคั้น
เ่ิูประเมินคนด้านข้างตามอารมณ์ สายตาตกอยู่กับประติมากรรมั์เบื้องหน้า
นี่คือเทวรูปของจักรพรรดิอักขระลัวซู่ สูงหลายร้อยเมตร ละเอียดราวกับมีชีวิต หยัดยืนตระหง่านกลางสนาม ประหนึ่งขุนเขาสูงชะลูด นำแรงสั่นะเืสู่ชีวิตใดๆ ก็ตามที่ได้มองประดุจเทพเ้า
เบื้องสูงของสำนักทางด้านนั้นเริ่มบรรยายกันแล้ว ส่วนมากก็ล้วนตั้งใจฟังอย่างดีทั้งนั้น ด้วยมีวาสนาได้โอกาสดีงามเช่นนี้ ต่อให้เป็ศิษย์ปีสี่ก็เถิด ใครก็อดตื่นเต้นกันไม่ได้ทั้งนั้นปะไร
กลางหมู่ชนนั้น มีเพียงสองเท่านั้นที่จิตใจเลื่อนลอยเด่นชัด
ัเีผู้มีเกศาฟ้ายาวอิงบันไดหินอย่างเกียจคร้าน อ้าปากหาวหวอดเยี่ยงเบื่อหน่ายสุดฤทธิ์ ไม่สนใจการบรรยายของเบื้องสูงเลยแม้แต่น้อย แสดงความี้เีและเหนื่อยหน่ายออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง
ทว่าเหล่าผู้าุโของสำนักกวางขาว ก็ราวกับคุ้นชินเป็เื่ธรรมดาไปแล้ว จึงมิได้มองบุรุษผู้ไม่รักษาธรรมเนียมเลยสักคน
อีกคนที่ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ก็คือเ่ิู
ความสนใจของเขาไปตกอยู่กับเทวรูปจักรพรรดิอักขระเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นประติมากรรมนั้น เขาก็นึกถึงตำนานของสามจักรพรรดิห้าราชันขึ้นมาได้
คือประวัติศาสตร์ที่คลื่นความยากเข็ญถาโถมไม่เกรงกลัว ทว่าก็เป็เวลาที่วีรบุรุษน่าสรรเสริญถือกำเนิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ตำนานกล่าวว่าแผ่นดินกำเนิดของมนุษย์นั้น เป็ภพธารน้ำเงิน...ภพที่ด้อยคุณค่าในบรรดาภพนับหมื่นพัน ยามที่บังเกิดในภพธารน้ำเงินนั้นเป็เวลานานนัก ตัดขาดจากภพอื่นโดยสิ้นเชิง มนุษย์ค่อยๆ แพร่เผ่าพันธุ์อย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งศัตรูใด เป็จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร รุ่งเรืองยิ่งกว่าแดนไหนๆ
ต่อมาได้มีคนทำลายแดนข้างภพธารน้ำเงินโดยมิได้ตั้งใจ เมื่อได้ออกไปเผชิญโลกภายนอก จึงได้ค้นพบว่ามีภพที่กว้างใหญ่ไพศาลและมหัศจรรย์รออยู่ และได้มีปฏิสัมพันธ์กับเผ่านอกเทพมาร
การปฏิสัมพันธ์ครานั้น มนุษย์ได้มีจิตมิตรภาพยิ่งนัก ทว่าสิ่งที่ต้อนรับพวกเขากลับเป็วิกฤติการณ์และการถูกใช้เยี่ยงทาส ภพหลายพันภพได้แว้งเขี้ยวฉีกกินภพธารน้ำเงิน เผ่ามนุษย์ที่คุ้นชินกับการเป็ผู้ในภพธารน้ำเงิน ต้องประสบเคราะห์กับภัยพิบัติที่ทำให้เสียศูนย์
เมื่อเผ่ามารผู้แข็งแกร่งปรากฏกายขึ้นมา พลังวรยุทธ์ที่ไม่อาจพรรณนานาได้ ได้กลบทับอารยธรรมที่เผ่ามนุษย์ได้ถักทอร้อยเรียงกันมา จากที่เคยเป็สิ่งมีชีวิตบนจุดสูงสุดของห่วงโซ่กลับล้มกลิ้งเป็ผู้อ่อนแอ
ภพธารน้ำเงินกลายเป็แหล่งสั่งสมอำนาจสถุล ของพวกเผ่ามารที่ฉลองอย่างตะกละตะกราม
หลังจากนั้นหลายพันปี มนุษย์แห่งภพธารน้ำเงิน เผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าฉลาดปราดเปรื่องที่สุดเผ่าหนึ่งได้ถูกบังคับขายเป็ทาส ยามนั้นที่ผู้แข็งแกร่งและชนชั้นสูงของภพอื่นโดยมากมองลงมาอย่างผู้อยู่เหนือกว่า สั่งสมทาสชาวมนุษย์เป็เครื่องแสดงบารมี เผ่ามนุษย์ทยอยสาบสูญและห่างหาย ชะตาชีวิตถูกคนอื่นควบคุมไว้ในกำมือ ทุกข์ระทมขมขื่นนัก ต้องทนรับความอัปยศและความลำบากแสนสาหัส จนยากจะจินตนาการออก
มนุษย์เกือบจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
สถานการณ์เช่นนั้น เมื่อถึงเพลาที่ผู้แข็งแกร่งแห่งมวลมนุษย์นามลัวซู่ผงาดกล้าขึ้นมา สถานการณ์ถึงได้เริ่มพลิกพัน
จักรพรรดิอักขระลัวซู่
ฟ้าประทานแห่งมนุษย์ที่โดดเด่นเหนือบุคคลอื่นนี้ มีพร์คับฟ้าและจิตใจเด็ดเดี่ยวเกินจะหาใครเทียบ นำโครงสร้างวรยุทธ์ของเผ่ามารและอารยธรรมของมนุษย์มารวมกัน สร้างเป็อารยะแห่งอักขระ...อารยะเดียวที่สามารถคุกคามเผ่ามาร ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
อักขระของลัวซู่เมื่อสำเร็จในขั้นแรกก็เรืองอำไพไปสี่ทิศ ใช้พลังเพียงครั้งเดียวก็เกือบจะล้างเผ่ามารที่มาฝังรากในภพธารน้ำเงินทั่วสารทิศจนเหี้ยน นำแสงสว่างคืนสู่ภพธารน้ำเงิน สั่นะเืทั่วแหล่งหล้า!
หลังจากนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิดตามกันมาเรื่อยๆ แม้ฐานะเป็ทาสที่ระหกระเหินอยู่ในภพใดๆ ก็ตามที ก็ไม่อาจบดบังสายเืที่เต็มไปด้วยพร์และปัญญา หลายพันปีที่ตกตะกอนความทุกข์ยากราวกับว่าไม่อาจสร้างหนทางไหนได้อีก ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงร้อยปี มนุษย์กลับปรากฏอัจฉริยบุคคลผู้ชัชวาลและมุ่งตรง เป็ผู้แข็งแกร่งเบ็ดเสร็จหลายต่อหลายท่าน...
กระบวนาและวรยุทธ์ที่เหมาะกับการฝึกฝนของเผ่ามนุษย์ ได้ผลิตผลออกมาไม่ขาดสาย
การเจียระไนของความยากแค้น ทำให้มนุษย์ได้ค้นพบหนทางและโครงสร้างการฝึกที่เหมาะสมกับตนเองเข้าจนได้ การต่อสู้คือแปลงเพาะแพร่พันธุ์วรยุทธ์ พลังโดยเฉลี่ยของเผ่าพุ่งสูงเร็วเหมือนบิน
และสามจักรพรรดิห้าราชันในตำนานนี้ การกำเนิดของทั้งแปดท่านผู้พิเศษเหนือคนธรรมดา ได้นำพามนุษย์สู้รบปรบมือกับพวกเผ่ามารหลายร้อยปี ในที่สุดก็สามารถได้สิทธิ์แห่งการดำรงอยู่และขยายเผ่าพันธุ์บนโลกอันแสนโหดร้ายและเยือกแข็ง พื้นที่ในแดนนี้ มิให้ผู้ใดซื้อขายเป็ทาสรองมือรองเท้าได้อีกเลย...