“ใช่แล้ว ข้าดูก็รู้แล้วว่า ท่านได้พบเจอเื่ราวบนโลกอันกว้างใหญ่นี้มามากมาย ขนาดวังเซียนเจินอวี้ ท่านยังรู้จัก กิ่งไม้นี้มาจากวังเซียนเจินอวี้จริง ๆ ข้าได้ยินมาจากคนที่ขายกิ่งไม้นี้ให้ข้าว่า บรรพบุรุษของเขาได้มันมา เมื่อครั้งที่ไปผจญอันตรายในวังเซียนเจินอวี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต่อมากิ่งไม้แห้งนี้จึงกลายเป็สมบัติล้ำค่าของบรรพบุรุษ หากมิใช่เพราะในยามนี้ครอบครัวของเขากำลังขัดสน เขาคงไม่ขายมันให้ข้าหรอก เขารู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษของเขามากที่ขายกิ่งไม้นี้” เ้าของแผงลอยพูดกับจุนห่าว พอเห็นจุนห่าวกำลังตั้งใจฟัง จึงเอ่ยขึ้นต่ออีกว่า “ข้าได้ยินจากคนที่ขายมันให้กับข้าอีกว่า ในเวลานั้นบรรพบุรุษของเขาได้พบกับสมบัติ์จำนวนมาก แต่เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับสัตว์อสูรผู้พิทักษ์เ่าั้ได้ จึงทำได้แค่มอง ต่อมาเขาก็ได้พบต้นไม้ใหญ่สีโปร่งใสที่ส่องแสงประกายสีขาวอยู่ต้นหนึ่ง มันสวยงามมาก บรรพบุรุษของเขารู้ทันทีว่า นี่มิใช่ต้นไม้ธรรมดาแน่ เขาจึงต้องตัดกิ่งไม้จากต้นไม้นี้กลับไปให้จงได้ เขาใช้เวลาอยู่หลายวัน เพื่อรอให้สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ต้นไม้นี้ออกไปหาอาหารก่อน และใช้่เวลานั้นตัดกิ่งไม้ด้วยมีดพกพา เมื่อตัดเสร็จเขาก็รีบหนีไป ใช่แล้ว ท่านไม่รู้สินะว่า สัตว์อสูรผู้พิทักษ์นั้น แท้จริงแล้วคือเทพเ้าเสือขาว เ้าคิดว่า สิ่งที่เทพเ้าเสือขาวปกปักรักษาอยู่นั้นเป็วัตถุธรรมดาไหมล่ะ?”
เมื่อเห็นว่า เ้าของแผงลอยสามารถเล่าเื่นี้ได้อย่างไหลลื่น จุนห่าวจึงกล่าวอย่างคล้อยตามว่า “สิ่งที่เทพเ้าเสือขาวปกปักรักษานั้น ย่อมมิใช่วัตถุธรรมดาอยู่แล้ว ข้าว่าท่านช่างโชคดีนัก ที่วัตถุแห่งเทพได้ตกมาถึงมือท่าน ในเมื่อมีวัตถุแห่งเทพอยู่ในมือ ท่านก็ควรเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีสิ ท่านเก็บเอาไว้เองเถอะ อย่าเอามันมาขายเช่นนี้เลย” จุนห่าวคิดในใจ นี่เขากำลังสงสัยในสติปัญญาของข้าอยู่อย่างนั้นรึ? เื่ราวที่เต็มไปด้วยช่องโหว่เช่นนี้ยังคิดจะหลอกลวงเขาอีกรึอย่างไร? หากเป็ต้นไม้แห่งเทพจริง ๆ มีดเพียงเล่มเดียวก็ใช้ตัดกิ่งไม้ได้อย่างง่ายดายเลยหรือ? แต่ถ้าจะให้พูด คารมของเ้านี่คมคายไม่เลวทีเดียว น่าจะใช้พรสววรรค์ตรงจุดนี้ให้ดี ช่างน่าเสียดายนัก
พอได้ฟังคำของจุนห่าว เ้าของแผงลอยก็คิดในใจ ไม่ใช่สิ ฟังเขาพูดสรรพคุณมาขนาดนี้แล้ว เขาควรจะรีบควักตั๋วเงินออกมาซื้อเลยมิใช่หรือ? แถมยังมาบอกให้เขาเก็บไว้เองอีก มีคนจิตใจดีเช่นนี้ด้วยหรือ? เจอสมบัติ์แท้ ๆ แต่กลับไม่สนใจ คนที่ขายหญ้าเมื่อครู่นี้ยังไม่ทันจะพูดเื่เทพเลย เขาก็ควักเงินซื้อแล้ว อย่าบอกนะว่า เพราะสิ่งนี้มิใช่สิ่งที่ภรรยาของเขาชอบ ต่อให้เป็สมบัติล้ำค่าขนาดไหน เขาก็จะไม่ซื้ออย่างนั้นหรือ?
หานรุ่ยมองจุนห่าวและเ้าของแผงลอยที่กำลังพูดไร้สาระกันอยู่ ก็รู้สึกว่า จุนห่าวว่างเกินไป ว่างจนไม่ทำอันใดแล้ว จนต้องมาหาเื่อะไรก็ไม่รู้ทำแทน สู้เอา่เวลานี้ไปบำเพ็ญเพียรแทนดีกว่า เขามองแค่ครู่เดียวก็รู้แล้วว่า เป็ของปลอม คำเท็จของเ้าของแผงลอย แม้แต่หานรุ่ยก็ยังไม่อยากจะฟังเลย แต่จุนห่าวกลับฟังอย่างเพลิดเพลิน ทั้งยังโต้ตอบกับเ้าของแผงลอยอีก เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เ้าของแผงลอยกำลังล่อลวงจุนห่าว หรือจุนห่าวเป็ฝ่ายที่กำลังล่อลวงเ้าของแผงลอยกันแน่ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ดูสนุกสนานกันดี เขาไม่ค่อยเข้าใจความชอบนี้ของจุนห่าวสักเท่าไหร่ ทำไมยามที่ไม่มีอะไรทำ ถึงได้ชอบล้อเล่นกับคนอื่นอยู่เรื่อย
จุนห่าวฟังเ้าของแผงลอยที่กำลังพูดเป็ต่อยหอยไปพลาง ก้มมองดูวัตถุอื่น ๆ ที่วางขายไปพลาง เขาเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายถือกิ่งไม้แห้งแทน และหยิบสิ่งที่ดูคล้ายกับลูกบอลสีดำทมิฬขึ้นมา เขารู้สึกว่า สิ่งนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่เขามองไม่ออกว่า มันทำมาจากวัสดุอะไร เขามองเห็นแต่สีดำสนิทที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย ลูกบอลนี้เป็หนึ่งในวัตถุที่วางขายอยู่ แต่ไม่ได้เตะตาเท่าไรนัก ในขณะที่มือซ้ายอีกข้างหนึ่งถือกิ่งไม้แห้งอยู่ เขาจึงใช้มือขวาออกแรงบีบลูกบอลสีดำทมิฬนั่น แต่ลูกบอลก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปทรงเลยแม้แต่น้อย จุนห่าวรู้พละกำลังของตัวเองดี และมองเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของเ้าสิ่งนี้ เขาปล่อยพลังิญญาให้กับลูกบอลทมิฬ เพราะเขาคิดที่จะใช้พลังิญญาเปิดเ้าสิ่งนี้ให้ออก แต่ทว่าเ้าสิ่งนี้กลับดูดซับพลังิญญาของเขาแทน ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังเท่าไร มันก็ดูดซับไปหมดสิ้น เมื่อเป็เช่นนี้จุนห่าวก็ไม่กล้าลองใช้มันอีกครั้ง เพราะเขาเกรงว่า สิ่งนี้จะดูดพลังิญญาของเขาไปจนหมด ถ้าเป็อย่างนั้นขึ้นมา คนที่ซวยก็คือเขา
