“ช่างเถิด ลูกสะใภ้ใหญ่ เ้านั่งพักดีกว่า” เป็ไปดังคาด หูเฉวียนฝูเรียกนางไว้ทันที “ชิวเซียง ลูกสะใภ้ใหญ่ท้องแก่แล้ว ก่อนหน้านี้ยังหกล้มอีก ท่านหมอบอกให้ระมัดระวัง ข้าว่าเ้าไปอุ่นเองในครัวสักหน่อยเถอะ ต่างก็เป็คนกันเอง ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก”
“เป็เช่นนั้น ท่านพ่อ ข้ารู้ ห้องครัวของที่บ้านข้าเข้ามาสิบกว่าปี จะใช้ไม่เป็ได้หรือ” หูชิวเซียง หมุนตัวไปบอกเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยน “เสี่ยวเหยี่ยน เ้าอยู่นี่คุยเป็เพื่อนท่านตากับน้าสะใภ้นะ แม่จะไปอุ่นกับข้าวสักหน่อย”
“ทราบแล้วเ้าค่ะ ท่านแม่” เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเม้มปากยิ้มน้อยๆ ท่าทางเฉลียวฉลาดเชื่อฟัง
หูชิวเซียงเดินเข้าห้องครัวไปก่อไฟอุ่นกับข้าวอย่างไม่รีบร้อน อันดับแรกเอากระปุกเกลือและกระปุกน้ำมันข้างในตู้กับข้าวก่อน แล้วดูข้าว แป้งหมี่ วัตถุดิบเนื้อพะโล้ ผักดองและอย่างอื่นทั้งหมดที่อยู่ด้านข้างหนึ่งรอบ เงยหน้าขึ้นยังเจอเนื้อตากแห้งแขวนอยู่หน้าแท่นเตาอีกด้วย สายตานางเป็ประกายวิบวับ
เปิดหม้อบนแท่นเตาออก ไม่นึกเลยว่าถาดอาหารไม่กี่ถาดข้างในล้วนมีเนื้ออยู่ เนื้อหมู พะโล้หมู ซี่โครงหมู หูชิวเซียงกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว แม้ความเป็อยู่ที่บ้านจะพอผ่านไปได้ แต่เว้นไปสามวันห้าวันถึงจะซื้อพวกเนื้อได้เล็กน้อย นางมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง ยื่นมือไปฉกเนื้อพะโล้หนึ่งชิ้นเข้าในปากด้วยความว่องไว
อื้อหือ หอมมาก! ถึงจะเย็นแต่ก็อร่อย
หูชิวเซียงรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งปากน้ำลายเอ่อล้น ฝีมือบนเตามารดาของนางดีตลอดมา เนื้อพะโล้นี่อร่อยกว่าที่ซื้อในเมืองอีกจริงๆ นางยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น แล้วจึงเริ่มก่อไฟอุ่นกับข้าวด้วยความพึงพอใจ
หูชิวเซียงกับเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนทานอาหารมื้อเย็นเสร็จโดยอุทานว่าอร่อยออกมาตลอดเวลา เหลียงซื่อฝืนใจฉีกยิ้มตามไปด้วยอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นจึงได้หาข้ออ้างกลับห้องไปพักผ่อน หูเฉวียนฝูที่ยังเหลืออยู่จึงคุยสัพเพเหระเื่ชีวิตประจำวันอยู่เป็เพื่อน
หูชิวเซียงฉวยโอกาสถามสถานการณ์ในบ้านรวมทั้งช่องทางการหาเงิน่นี้ หูเฉวียนฝูเลือกเฉพาะที่สามารถเอ่ยได้บอกแก่นาง ส่วนเื่รายละเอียดตอบไปอย่างคลุมเครือ ถึงอย่างไรก็เป็บุตรสาวที่แต่งออกไปข้างนอก บางเื่ยังต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าเื่ไหนควรกล่าวหรือไม่ควรกล่าว
สองแม่ลูกหูชิวเซียงและเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนพอได้ฟังดวงตาก็เป็ประกาย เลี้ยงกระต่ายและขายอาหารหมักหาเงิน ที่บ้านคืนหนี้สินซื้อที่นาแล้วยังซื้อวัว หูฉางกุ้ยก็ซื้อล่อและปลูกบ้านใหม่ สิ่งเหล่านี้รวมกันแล้วที่บ้านต้องหาเงินได้อย่างน้อยหลายสิบหลายร้อยเหลียงเลยกระมัง? เป็จำนวนเงินที่พวกนางในยามปกติแค่คิดก็ยังไม่กล้าคิดเลย
สองคนรุมล้อมถามหูเฉวียนฝูไม่หยุดด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ไม่มีความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเร่งเดินทางมาทั้งวันแม้แต่น้อย
ผ่านยามห้าย [1] กลุ่มหวังซื่อไม่กี่คนจึงหิ้วโคมไฟกลับมา เห็นแม่ลูกหูชิวเซียงกับเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนจึงหัวเราะและสนทนากัน ไม่นานหลังจากนั้นล้วนพากันชะล้างสิ่งสกปรกแล้วไปพักผ่อน ยุ่งมาทั้งวันต่างเหนื่อยจนดูไม่ได้แล้ว ผ่านยามอิ๋น [2] ไปต้องตื่นแต่เช้าตรู่มาเตรียมงานเลี้ยงของพรุ่งนี้อีก
หูชิวเซียงอยากจะพูดคุยกับหวังซื่อมาก ้าสอบถามเื่รายละเอียดที่สกุลหูร่ำรวยขึ้นมาได้สักหน่อย แต่เห็นว่าหวังซื่อสีหน้าเหนื่อยล้าเลยทนไว้ อย่างไรเสียพวกนางยังต้องพักอยู่หมู่บ้านวั้งหลินอีกหลายวัน รอให้ยุ่งเื่งานเลี้ยงเสร็จสิ้นยังมีเวลาอีกมาก
“ปุงปังๆๆ”
หมู่บ้านในูเาเล็กๆ ยามรุ่งอรุณตามมาด้วยเสียงประทัดขึ้นเป็ระยะ
หนึ่งวันของบ้านหลังใหม่ครอบครัวหูได้เริ่มยุ่งขึ้น หวังหงเซิงพาหวังเป่าหยวนและภรรยาพร้อมหวังหรงฟาหลานชายคนเล็กเร่งมาช่วยเหลือแต่เช้า
หวังซื่อนำทางหลี่ซื่อกับชุ่ยจูไปดูแลรับรองแขกที่มาช่วยงานอยู่ในห้องครัวใหม่ ด้านหน้าประตูห้องครัว ผู้ที่ล่วงหน้ามาช่วยมีจางซื่อมารดาของเอ้อร์หนิว เจี่ยงซื่อภรรยาของหลิ่วฉางผิง พานซื่อท่านย่าของตงเซิ่งและติงซื่อมารดาของตงเซิ่ง ต่างช่วยกันหั่นผัก ล้างผัก จัดวางถาด...
พอเถียนซื่อเร่งมาถึงก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นเข้าช่วยงานในครัวทันที
เมื่อวันก่อนสกุลหูได้เชือดหมูทำพะโล้เนื้อขึ้น สับลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นเผือกและอื่นๆ ล่วงหน้าไว้แล้ว เตรียมงานไว้อย่างเต็มที่
งานเลี้ยงย้ายบ้านส่วนใหญ่ล้วนเริ่มงานเลี้ยงตอนกลางวัน สกุลหูอิงตามประเพณีที่จัดขึ้นตอนกลางวันเช่นกัน
ชาวไร่ชาวนาที่มาตอนกำลังยุ่งมีไม่มาก สาเหตุใหญ่ที่สุดคือเมื่อวานฝนหยุดตก วันนี้เลยเป็จังหวะเหมาะเจาะที่จะเก็บเห็ดได้ดีที่สุด วิธีใช้เตียงอบเห็ดให้แห้ง ทุกคนต่างเคยลองทำด้วยตัวเองมาแล้ว ผลการอบเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ให้แห้งทำได้ไม่เลวเลย ไม่นานทุกคนก็เก็บเห็ดกันอย่างฮึกเหิมเต็มที่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาแย่งกันขึ้นเขาเลยแม้แต่น้อย
ในเมื่องานเลี้ยงเริ่มตอนกลางวัน เช่นนั้นตอนเช้าย่อมไม่สามารถเสียเวลาได้
“ท่านแม่ บ้านใหม่ท่านน้ารองสร้างได้ใหญ่โตนัก!” เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมองซ้ายขวาไปรอบๆ ความอิจฉาชื่นชมเต็มไปทั่วดวงตา
“ก็ใช่น่ะสิ บ้านที่หลังคามุงกระเบื้องอิฐสีฟ้าครามและห้องมากมายเพียงนี้ ต้องจ่ายเงินเท่าไรกัน” หูชิวเซียงมองลานบ้านกว้าง สายตาทอวิบวับ
สองแม่ลูกเดินจากหน้าบ้านยันท้ายบ้านหนึ่งรอบ ชาวไร่ชาวนาไม่กี่คนยืนล้อมประตูบ้านใหม่ครอบครัวหู
“นั่นเป็ลูกสาวคนโตสกุลหูนี่! ไม่ได้กลับบ้านบิดามารดานานแล้วล่ะสิ”
“ลูกสาวคนโต บ้านใหม่ครอบครัวฉางกุ้ยสร้างได้มีสง่าราศีเช่นนี้ จ่ายเงินไปเท่าไรกัน?”
“ชิวเซียง สกุลหูเ้าร่ำรวยขึ้นแล้ว ทำไมเ้าไม่รีบกลับมาอาศัยบารมีหน่อยล่ะ”
ฟู่เหรินที่ล้อมรอบต่างพากันแย่งพูดเป็พวกพร่ำกล่าวไร้สาระ
“พี่ใหญ่! เสี่ยวเหยี่ยน พวกท่านมาแล้ว เข้ามานั่งในบ้านก่อน” หูฉางกุ้ยที่ได้ยินดังนั้นจึงเดินออกมาต้อนรับข้างหน้า
หูชิวเซียงจ้องตาโต มองบุรุษที่สวมชุดจีนตัวยาวสีน้ำเงินแดงตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือน้องชายคนเล็กที่ทึ่มทื่อ นิสัยซื่อๆ และเงียบขรึมพูดน้อยผู้นั้น?
“พี่ใหญ่ พวกท่านเข้าไปนั่งใบบ้านเถอะ ในลานยังไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง” หูฉางหลินยิ้มแล้วเสนอความเห็นออกมาแบบเดียวกัน
ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดวางโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งที่ยืมมา คนในหมู่บ้านมาก ทำได้เพียงจัดงานเลี้ยงในลานกลางแจ้ง ดีที่ว่าอากาศค่อยๆ อบอุ่นขึ้นแล้ว เลยไม่ได้เป็อุปสรรคใดๆ
ส่วนที่นั่งในห้องโถงเป็แขกญาติพี่น้องที่สำคัญมากๆ มีจ้าวเหวินเฉียงหัวหน้าหมู่บ้านกับผู้าุโที่มีคุณธรรมและสูงส่งในหมู่บ้าน ครอบครัวหวังหงเซิงอีกทั้งสามีภรรยาหูอู้จูกับหวงถิงเฉิง ครอบครัวหลิ่วฉางผิง และยังมีเฝิงซื่อท่านยายของผิงซุ่นกับหลานชายสองคน นอกจากนี้ยังมีคนที่ไปมาใกล้ชิดกับสกุลหูไม่กี่ครอบครัว
ผิงอันกับผิงซุ่นสองคนก็ลาหยุดหนึ่งวันมาช่วยงานที่บ้านด้วย
หูชิวเซียงนำทางเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเข้าบ้าน เหลือบมองห้องโถงกว้างที่คึกคักอย่างมาก หูเฉวียนฝูนั่งอยู่โต๊ะหลัก กำลังพูดคุยกับผู้อื่นอย่างอารมณ์ดี พูดถึงส่วนที่คึกคักที่สุดยิ่งเป็เสียงหัวเราะที่เต็มไปทั่วทั้งห้อง หูชิวเซียงใจเต้นตึกตัก ที่บ้านพัฒนาขึ้นแล้ว การติดต่อกับผู้คนก็ยกระดับขึ้นด้วย เมื่อก่อนตอนชีวิตความเป็อยู่ผ่านไปอย่างทุกข์ยาก คนเหล่านี้ที่นั่งอยู่ไหนเลยจะหัวเราะได้กระตือรือร้นเช่นนี้
ได้ยินข่าวที่เล่ากันมาว่าน้องชายคนเล็กของตนปลูกบ้านใหม่ขึ้น นางยังเชื่อหูไว้หู ตอนอู้จูแต่งงาน ที่บ้านยืมหนี้สินไม่น้อยถึงสามารถซื้อสินเดิมฝ่ายเ้าสาวหนึ่งชุดให้เหมาะสมได้ ตอนฉลองปีใหม่นางไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านบิดามารดา เพราะกลัวว่ามารดาของนางจะเอ่ยปากยืมเงินนางไปคืนหนี้สิน พอดูเช่นนี้แล้ว ที่บ้านไม่เพียงคืนหนี้สินได้หมด แต่ยังมีเงินให้น้องชายคนเล็กสร้างบ้านใหญ่โตฟุ่มเฟือยและมีสง่าเพียงนี้
“ท่านป้า เสี่ยวเหยี่ยน พวกท่านมาแล้ว มาทางนี้เถอะ พวกเรานั่งโต๊ะนี้เ้าค่ะ” หูอู้จูยืนขึ้นร้องทักพวกนางให้เข้าไป การเชิญแขกของพื้นที่ชนบท บุรุษและสตรีแยกโต๊ะกันนั่ง ตรงกลางแยกห่างกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเพียงนั้น
“เป็อู้จูนี่เอง!” หูชิวเซียงจูงบุตรสาวให้นั่งลงข้างกายนาง “เ้ามาเมื่อไร เมื่อครู่ทำไมไม่เห็นเ้า?”
“ข้าเพิ่งมา นี่ไม่ใช่ว่าพูดคุยเป็เพื่อนท่านแม่ข้าหรือเ้าคะ” หูอู้จูดึงเหลียงซื่อที่อยู่ข้างกายไว้ แม้เป็สะใภ้ที่แต่งออกไปแล้ว ตามปกติไม่ต้องมาช่วยทำงานที่ห้องครัว แต่ขณะนี้ครอบครัวหูฉางกุ้ยไม่เหมือนแต่ก่อน นางควรรู้จักวางตัวรุดหน้าอาสามาช่วยทำงานนิดๆ หน่อยๆ แต่ในใจนางไม่ได้มีความสุขนัก แล้วก็ไม่ได้อยากช่วยทำงานด้วย ดังนั้นเลยจูงเหลียงซื่อไว้แล้วหาข้ออ้าง “ท่านแม่ข้าท้องแก่แล้ว ข้าต้องดูแลน้องชายของข้าหน่อยเ้าค่ะ”
“…” หูชิวเซียงย่อมมองแผนของนางออก และไม่ได้เปิดเผยออกมา อู้จูผู้นี้ตอนยังเด็กถูกมารดานางให้ท้ายเสียนิสัย เมื่อก่อนก็หลบงานจนเคยชิน
เหลียงซื่อนั่งอยู่กับเฝิงซื่อมารดาของนาง สองฝ่ายล้วนหัวเราะและร้องทักทายกันอย่างสุภาพสองสามประโยค
“พี่ใหญ่!” เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนดึงมือของหูอู้จูขึ้นอย่างสนิทสนม “วันนี้ท่านสวมชุดนี้แล้วงดงามจริงๆ”
หูอู้จูสวมชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนลายดอกไม้ ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดชั้นดี ลูบแล้วอ่อนนุ่มลื่นละเอียด พอดูแล้วราคาไม่ถูกเลย
“สวยหรือ ทำขึ้นใหม่น่ะ วันนี้สวมครั้งแรกเลย!” มุมปากของนางยกขึ้นใบหน้าสดใส นี่เป็ตอนที่กลับมาฉลองปีใหม่บ้านบิดามารดา แล้วหวังซื่อให้ผ้ามาสองชิ้น ชิ้นหนึ่งสีม่วงอ่อน ชิ้นหนึ่งสีส้ม ล้วนเป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดชั้นดีสว่างสดใสทั้งหมด พอเสื้อผ้าเย็บเสร็จ นางสวมขึ้นบนร่างกายก็เลยตัดใจถอดไม่ลง
“งดงามมาก สีสวยจริงๆ เสื้อผ้าที่น้าสะใภ้ใหญ่สวมก็งดงามมากด้วย” เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนยิ้มบางๆ ในดวงตายิ้มหยีเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างชื่นชม
ฤดูใบไม้ผลิค่อยๆ อบอุ่นขึ้น เหลียงซื่อที่ค่อนข้างเ้าเนื้อกลัวจะร้อน วันนี้ท่อนบนของนางเลยสวมเสื้อสีแดง กระโปรงยาวสีเมล็ดซิ่งเหริน รอบเอวปล่อยหลวม มีท่าทางท่านหญิงของคนครอบครัวร่ำรวยอยู่หลายส่วน ดูมีความสุขแล้วยังดูร่ำรวยอีกด้วย
“จะไม่งดงามได้หรือ ผ้านี่เป็ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดชั้นดีของร้านซิ่วจิ่นในเมือง ผ้าหนึ่งพับต้องสองเหลียงเลยนะ” หูอู้จูใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ลูบคลำผ้าที่อยู่บนกายมารดาของนางอย่างพิถีพิถัน ท่านย่านางขี้งกเกินไปแล้ว ให้ผ้านางทำเสื้อผ้าเพียงสองชุดเอง สีแดงที่อยู่บนตัวมารดาของนางเองก็อยากได้หนึ่งชุด
“…หนึ่งพับราคาสองเหลียง?” สองแม่ลูกหูชิวเซียงและเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมองหน้ากันด้วยความใแวบหนึ่ง “ผู้ใดซื้อหรือ?”
มารดาของนางจะตัดใจจ่ายเงินสองเหลียงซื้อผ้าหนึ่งพับอย่างนั้นหรือ? ทั้งไม่ใช่แค่หนึ่งพับ?
เฝิงซื่อที่อยู่ด้านข้างใ ยื่นมือออกมาลูบผ้าบนกายบุตรสาว ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดนี้มีค่าเช่นนี้เลย?
“ไม่ใช่ซื้อเองหรอกเป็ผู้อื่นมอบให้” หูอู้จูเลิกคิ้วจงใจทำท่าทางลึกลับ กล่าวเสียงเบา “เ้าของร้านใหญ่จากร้านฝูอันถังมอบเป็ของกำนัลส่งท้ายปีให้ครอบครัวเรา หลายพับเลยด้วยนะ”
เหลียงซื่อที่กำลังพูดคุยเสียงเบากับเฝิงซื่อผู้เป็มารดาของนางอยู่ พอนางได้ฟังคำพูดนี้ เลยแอบขุ่นเคืองในใจ ดึงหูอู้จูเล็กน้อย ยัยเด็กน่าตายนี่ ที่บ้านมีของดีนิดหน่อยก็เผยแพร่สู่ภายนอก ไม่มีความคิดเลย สองแม่ลูกนี่มีครั้งไหนบ้างที่กลับมาบ้านบิดามารดาแล้วไม่หยิบของห่อใหญ่กลับไป กล่าวว่าจะมาดื่มสุราย้ายบ้านของน้องสามี แต่เมื่อวานนี้นางเห็นของขวัญที่มอบให้เป็ไข่ไก่ยี่สิบฟอง ผ้าหยาบสีแดงเข้มหนึ่งชิ้นกับเงินยี่สิบเหวิน เชอะ ของขวัญเล็กน้อยเช่นนี้ กลับไปแล้วไม่รู้ว่าจะเอาของจากครอบครัวนางกลับบ้านมูลค่าเท่าไร ให้พวกนางรู้ว่าที่บ้านมีผ้าชั้นดีมากมายเช่นนี้ ต้องแบ่งผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสองสามชิ้นกลับไปอย่างแน่นอน
พอคิดไปว่าผ้าเนื้อนุ่มละเอียดลื่นไม่กี่ชิ้นนั้นจะต้องถูกตัดไปอีกสองสามชิ้น มอบให้สองแม่ลูกผู้นี้ ใจของนางก็เ็ปไม่จบไม่สิ้น
ถลึงตามองหูอู้จูที่หัวเราะเอาใจหนึ่งที แล้วเปลี่ยนหัวข้อทันที “เจียเซิ่งกับเจียเฉียงเล่า ทำไมไม่มาด้วยกัน?”
“เจียเซิ่งไปทำงานในเมืองกับอาของเขาแล้ว เจียเฉียงอยู่บ้านช่วยพ่อของเขาถางไร่ ที่บ้านคนมาก ธัญพืชที่ปลูกในพื้นที่ไม่เพียงพอ ปู่ของเขาเลยให้พวกเขาถางไร่ถางป่ากันเอง เพาะปลูกพวกถั่วลิสงข้าวโพดและถั่วเหลือง จะได้เพิ่มเสบียงอาหารให้มากหน่อย” หูชิวเซียงลู่คิ้วตกลง ถอนหายใจเบาๆ ท่าทางกลุ้มใจ
เหลียงซื่อยิ้มเยาะในใจ สกุลเจี่ยงของพวกเขามีนาลุ่มสิบหมู่นาดอนยี่สิบกว่าหมู่ ต่อให้ที่บ้านคนมากยังจะหิวได้อีกหรือ? คำพูดเช่นนี้เอาไปล้อคนนอกเล่นเถอะ
นางฝืนใจยิ้มแล้วไม่กล่าวต่อ
หูชิวเซียงแอบเดือดดาลอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าปะทุออกมา บ้านบิดามารดาร่ำรวยขึ้น ต่อไปเื่ที่ต้องขอร้องคนในครอบครัวนี้ยังมีอีกมาก เหลียงซื่อเป็ครอบครัวลูกสะใภ้คนโต ไม่สามารถให้ความสัมพันธ์ขาดหายไปได้
“ผิงซุ่นเล่า? หนีไปเล่นที่ไหนแล้ว? ทำไมไม่เห็นเขาเลย?” หูชิวเซียงยิ้มแล้วถาม
“น่าจะอยู่กับพวกเจินจูกระมัง อีกเดี๋ยวงานเลี้ยงเริ่มก็เห็นแล้ว” เหลียงซื่อมองซ้ายขวาเล็กน้อย ั้แ่ผิงซุ่นเข้าโรงเรียนส่วนตัว เขาก็อยู่กับบุตรชายน้อยครั้งมาก ในทุกวันตื่นแต่เช้าไปเรียนหนังสือ ่บ่ายเลิกเรียนกลับบ้านมาเล่นสนุกทานข้าวแล้วก็ทำการบ้าน หลายวันแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกับผิงซุ่นเลย
“โอ๊ะ จะว่าไปแล้ว ยังไม่เห็นสองพี่น้องเจินจูกับผิงอันเลย?”
“วันนี้เป็วันที่พวกเขาย้ายเข้าบ้านใหม่ นี่หนีไปเล่นไหนกันหมด?”
เชิงอรรถ
[1] ยามห้าย คือ ่ 21:00 - 22:59 น.
[2] ยามอิ๋น คือ ่ 03:00 - 04:59 น.