“หลินเฟิง เขารู้มาก่อนแล้ว?”
ม่อเสียที่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก เมื่อครู่นี้หลินเฟิงไม่ได้หลบ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาจงใจยั่วยุ
แต่เงานั้นไม่เคยปรากฏออกมา หลินเฟิงเขารู้ได้อย่างไร?
“ผู้าุโ”
ม่อเสียกล่าวกับเงานั่นแต่เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว เขากลัวว่าถ้าเคลื่อนไหวแล้วเงานั่นจะต้องลงมือฆ่าเขาอย่างแน่นอน
“นิกายมีผู้าุโที่เลวทรามอย่างเ้า มันคือความอัปยศ”
เสียงดังกล่าวดังมาจากความว่างเปล่า ทันใดนั้นได้ปรากฏแสงสีเขียวออกมา เร็วดุจดั่งฟ้าผ่า
ไม่เห็นวี่แววของร่างเงา เห็นเพียงแค่แสงสว่าง
แต่เมื่อแสงนั้นจางหายไป ในที่สุดเ้าของร่างเงาก็ปรากฏตัว
เงาร่างนั้นสวมชุดสีดำราวกับซ่อนอยู่ในความมืด ตอนนี้ในมือของเขาได้ถือกริชสีเขียวมรกต ตรงปลายที่แหลมคมของกริชได้มีเืสีแดงสดหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง
เืสีแดงฉานนั้นเป็ของม่อเสีย
ม่อเสียในตอนนี้ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
ดวงตาของม่อเสียที่เบิกกว้างอย่างน่าเหลือเชื่อนั่น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถูกฆ่าโดยไม่มีโอกาสขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
ตรงลำคอมีเืสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมา และตอนนี้ร่างของเขาก็ได้ล้มลงบนพื้น
“ไม่คิดเลยว่าการโจมตีนี้จะได้ฆ่าผู้าุโร่วมนิกายของตัวเอง ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก”
ชายชราในชุดดำบ่นพึมพำ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
“ผู้าุโคง”
หลินเฟิงะโเรียกชายชราในชุดสีดำ เดิมทีเงานั้นได้อยู่ในความว่างเปล่า ผู้าุโคงนั้นคอยปกปักรักษาอยู่ที่ผาเทียนเชี้ยน
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
ผู้าุโคงพยักหน้าให้หลินเฟิงและถามด้วยความสงสัย ตอนที่เขาได้ใช้จิติญญาเงา มีเพียงแค่เงาที่ปรากฏ อีกทั้งเมื่อครู่นี้เขาก็ไม่ได้เปิดเผยตัว แต่หลินเฟิงรู้ว่าเขาอยู่ข้างๆ จึงได้หลอกล่อม่อเสีย
“ข้ารู้สึกได้”
หลินเฟิงตอบกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง ในตอนที่เขาปลดปล่อยจิติญญา เขาไม่ได้ใช้ตาดูโลก แต่ใช้สมองและหัวใจเพื่อดูโลก
ในโลกสีเทา ทุกสิ่งได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างชัดเจน ราวกับว่าเขาเป็จ้าวแห่งจักรวาล ที่สามารถรับรู้ได้ถึงทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวอย่างชัดเจน
ถึงแม้ผู้าุโคงจะมีเพียงร่างเงา แต่เขาก็ยังรับรู้ได้
เขาเข้าใจได้ทันที ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเงาปรากฏและตอนนี้ก็ยังคงปกป้องอยู่เคียงข้างเขา
ผู้าุโคงกะพริบตาแล้วพยักหน้าทันที
“หลินเฟิง เ้าเป็รุ่นเยาว์ที่มีพร์ที่ดีที่สุดั้แ่ข้าเคยเห็นมา ถ้าเ้ายังมีชีวิตอยู่ หวังว่าสักวันจะสามารถทำให้นิกายหยุนไห่เป็ที่ประจักษ์ต่อโลกใบนี้ได้”
ผู้าุโคงกล่าวอย่างคร่ำครวญ ผู้าุโคงได้คอยปกป้องรักษานิกายหยุนไห่มาโดยตลอด แต่ในวันนี้กลับต้องถูกทำลายลง
“ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ ในภายภาคหน้าข้าจะต้องสร้างนิกายหยุนไห่อย่างแน่นอน”
หลินเฟิงพยักหน้า นี่เป็สัญญาระหว่างเขาและชายชรา แต่อย่างแรกเขาจะต้องรอดชีวิตออกไปให้ได้
แต่ต้วนเทียนหลางจะไม่ฆ่าเขาอย่างเด็ดขาด
“ตายซะเถอะ”
เหนือท้องฟ้ามีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับสายฝนเื นั่นคือชายชราในชุดสีเทา หรือว่าจะเป็ผู้าุโของนิกายหยุนไห่
“คงิ ข้ารอเ้าอยู่นานแล้ว”
ผู้นี้ได้ก้าวลงมาจากท้องฟ้า และตรงมาที่ผู้าุโคงยืนอยู่
ผู้าุโคงถึงกับพูดไม่ออก ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านและลำตัวก็เปล่งแสงออกมา จากนั้นร่างของเขาก็หายไป หลงเหลือเพียงเงาที่ยังคงอยู่บนพื้นดิน
ในขณะนั้นร่างเงาบนท้องฟ้ากำลังจ้องมองไปที่ซากศพของม่อเสียที่อยู่บนพื้น แล้วเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันไม่มีที่สิ้นสุด
“นิกายหยุนไห่ ข้าม่อชั่งหลันได้ทำทุกอย่างเพื่อเ้ามามากมาย แต่พวกเ้ากลับฆ่าลูกชายเพียงคนเดียวของข้า”
ม่อชั่งหลันมีสายตาที่บ้าคลั่งไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขากำลังมองต้วนเทียนหลางและหนานกงหลิงต่อสู้กันอยู่ ด้วยแววตาที่ลุกไหม้ดั่งเปลวเพลิงที่เต็มไปด้วยความเกียดชัง
“ตายซะ!” ม่อชั่งหลันะโอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตาก็ได้มาอยู่ที่ด้านข้างของหนานกงหลิงแล้ว และมุ่งเน้นโจมตีเฉพาะหนานกงหลิงโดยไม่ได้สังเกตซากศพของม่อเสีย แต่คิดไม่ถึงว่าเป้าหมายของม่อชั่งหลันจะเป็เขา
หมัดที่โเี้หาที่เปรียบมิได้ได้พุ่งเข้าหาหนานกงหลิง ขณะที่หนานกงหลิงกำลังโจมตีต้วนเทียนหลาง
หลังจากนั้นเืได้พุ่งทะลักออกมาจากแขนซ้ายของหนานกงหลิงที่ถูกดาบตัดอย่างบ้าคลั่ง
“ม่อ… ชั่ง… หลัน!”
ร่างของหนานกงหลิงร่วงหล่นลงพื้น แต่เขาไม่ได้มองแขนซ้ายที่ถูกฟันขาด เขาแค่จ้องมองไปที่ม่อชั่งหลันที่โจมตีเขา ม่อชั่งหลันนั่นเป็ถึงกับผู้าุโสูงสุดของนิกายหยุนไห่ ใยถึงทำเช่นนี้กัน
“นี่คือการแก้แค้นของข้า” ม่อชั่งหลันกล่าวอย่างเยือกเย็นขณะมองไปที่ศพของม่อเสีย
หนานกงหลิงก็มองไปที่ศพของม่อเสีย เช่นเดียวกับที่มองาแของเขา จากนั้นก็มองไปยังผู้าุโคงที่กำลังต่อสู้
ม่อเสียถูกสังหารด้วยน้ำมือของผู้าุโคง
หนานกงหลิงก็สามารถเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฆ่าได้ก็ดี”
หนานกงหลิงดูเยือกเย็นและปรายตามองรอบๆ ผู้าุโของนิกายหยุนไห่ล้วนอ่อนแอ แต่ฝ่ายตรงข้ามยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่เข้าร่วมต่อสู้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีไปได้
“ทุกคนในนิกายหยุนไห่จงฟัง และมารวมตัวกันที่ข้า”
หนานกงหลิงะโเสียงดัง จึงทำให้เหล่าศิษย์มารวมกันที่ลานประลองเป็ตาย
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงหลิง ทุกคนจึงรีบทิ้งการต่อสู้กับอีกฝ่ายที่ยุ่งเหยิง กลับไปที่ลานประลองเป็ตาย เพื่อรวมกลุ่มกับหนานกงหลิง
นอกจากหนานกงหลิงต้องสูญเสียแขนแล้ว ยังมีอีกหลายๆ คนที่ได้รับาเ็ สายตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างบ้าเื
หลินเฟิงยังคงอยู่ในท่าทีเงียบสงบอยู่ข้างหลังฝูงชน ฉากนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าจนกระทบไปถึงจิติญญาของเขา
“รู้หรือไม่ว่าเ้าต้องทำเช่นไร?”
เืยังคงไหลออกมาจากแขนของหนานกงหลิงอย่างต่อเนื่อง แต่แววตากลับมีแต่ความเด็ดเดี่ยวหนักแน่น ขณะจ้องเขม็งไปที่ต้วนเทียนหลาง
เหล่าศิษย์ของนิกายหยุนไห่ต่างพยักหน้ากันอย่างเงียบๆ โดยไม่จำเป็ต้องพูด พวกเขาเข้าใจความหมายของหนานกงหลิงดี
“ผู้าุโเป่ย พาตัวเขาไป”
หนานกงหลิงหันไปมองผู้าุโเป่ยด้วยสายตาที่หนักอึ้ง
ผู้าุโเป่ยพยักหน้า เขาใช้จิติญญานกกระเรียนที่ทั้งแข็งแกร่งและการเคลื่อนไหวก็รวดเร็วมาก
จากนั้นผู้าุโเป่ยได้มาถึงตัวหลินเฟิงและกางปีกออก จากนั้นคว้าตัวหลินเฟิงไป
รูม่านตาของหลินเฟิงหดตัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายของหนานกงหลิง พวกเขา...
ทั้งผู้าุโและเหล่าศิษย์ต่างมองไปที่หลินเฟิง แต่ในสายตาเหล่านี้กลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน... ความหวัง!
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หลินเฟิงด้วยความหวังอันริบหรี่ หลินเฟิงนั้นเป็ตัวแทนความหวังของพวกเขา รวมถึงเป็ความหวังของนิกายหยุนไห่
หลินเฟิงได้รับแรงกดดันจากเหล่าศิษย์จนรู้สึกหนักใจเป็อย่างมาก ราวกับมีูเากดทับร่างของเขาเอาไว้
ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งของนิกายเหล่านี้ จากที่้าชีวิตของพวกเขา แต่เปลี่ยนไปหมายชีวิตหลินเฟิงแทน จึงต้องใช้ผู้ฝึกยุทธ์มากเช่นนี้
และถ้าพวกเขาทำสำเร็จก็จะเปลี่ยนชีวิตหลินเฟิงได้ แต่ยังไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะเป็เช่นไร แล้วหลินเฟิงจะทำอะไรต่อ พวกเขาต่างรู้สึกสับสนงงงวย
ท่ามกลางเหล่าศิษย์ มีหนานกงหลิงเท่านั้นที่ไม่ได้มองหลินเฟิง แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองอีกฝ้าย
“เหล่าศิษย์เปรียบเสมือนกระเื้ัคาของข้า ที่คอยปกป้องข้าอยู่ตลอด”
ที่คนรุ่นเยาว์ได้พูดเช่นนี้เพราะยังไม่เชื่อใจ สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดอยู่คือจะทำอย่างไรให้หลินเฟิงออกไปได้
“ไปซะ”
ในขณะนั้นหนานกงหลิงได้ะโเสียงดัง จากนั้นก็ะโขึ้นไปในอากาศ
เหล่าศิษย์และผู้าุโของนิกายหยุนไห่ต่างเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน และก้าวตามหนานกงหลิงมาติดๆ ก้าวแรกนี้ก็คือชีวิต
“นิกายหยุนไห่ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ข้าหนานกงหลิง ขอโทษนิกายหยุนไห่ด้วย!”
ทันใดนั้นมีกลิ่นอายอันทรงพลังได้ถูกปลดปล่อยมาจากร่างของหนานกงหลิง และพุ่งตรงไปเล่นงานผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งของอีกฝ่าย จากนั้นะเิพลังลมปราณโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
“รนหาที่ตาย!”
เสียงเสียงหนึ่งะโออกมา พร้อมเสียงคำรามดังกึกก้อง ด้วยประกายแสงของดาบได้ดูดกลืนทุกๆ สิ่ง จนร่างของหนานกงหลิงกลายเป็ฝุ่นผง และหายไปกับสายลม
ประมุขที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่… ถูกสังหารแล้ว!
ไม่มีใครเสียใจและร้องไห้ ผู้าุโของนิกายหยุนไห่ต่างมองฉากนี้ด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นโจมตีอย่างกล้าหาญและทรงพลัง จนบรรยากาศเริ่มปะทุและรุนแรงมากขึ้น ฟ้าดินราวกับถูกซัดโหมกระหน่ำ
ผู้คนเหล่านี้ต่างโจมตีอีกฝ่ายที่กำลังสกัดกั้นอย่างไม่กลัวตาย ถึงร่างกายจะหลบได้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่้าฆ่า เพราะพวกเขายังไม่อยากตาย
“ตายซะ!”
“ตายซะ ตายซะ ตายซะ…”
สายลมอันหนาวเย็นะเื ผู้าุโของนิกายหยุนไห่ต่างอยู่ในความเงียบ จากนั้นก็ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด พุ่งเข้าหาอีกฝ่าย มีเพียงแค่การโจมตีอย่างไม่ถดถอย โดยไร้การปกป้อง
เหล่าผู้าุโต่างหมดหวังและยอมแพ้ ด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายของชีวิต จากนั้นร่างกายที่อ่อนระทวยได้หล่นลงจากท้องฟ้า หลินเฟิงมองไปยังร่างของผู้ที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าตาไม่กะพริบ แต่ก่อนที่จะตายพวกเขาได้หันหน้ามามองหลินเฟิง เพื่อให้หลินเฟิงเห็นสิ่งที่พวกเขา้าก่อนที่จะตาย
“ไปซะ”
ในที่สุดผู้าุโเป่ยก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ราวกับลำแสงที่ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
การกระพือปีกของนกกระเรียนได้ทำให้กระแสการไหลเวียนของอากาศเกิดบ้าคลั่ง จากนั้นได้บรรเลงบนร่างของหลินเฟิง เหมือนกับใบมีดมากรีดลงที่ิัของเขา ตอนนี้หัวใจของหลินเฟิงรู้สึกเ็ปอย่างมาก
“จะไปไหน?”
เสียงเสียงหนึ่งดังออกมา พร้อมกับกลิ่นอายของดาบที่แหลมคมได้พุ่งมาจากเหนือท้องฟ้า เป็ดาบั์ที่เปล่งประกาย นั่นคือชายชราที่อยู่ข้างๆ ต้วนเทียนหลาง
“เงาทะลวง... ตายซะ!”
เสียงดังแผดออกมาในความว่างเปล่า ประกายแสงสีเขียวมรกตที่เริ่มจางลงจนไม่มีใครสนใจมองประกายแสงนั้นอีก
ผู้ที่จิติญญาเงา สามารถสังหารได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหว
“เ้ากล้า...” ชายชรากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว และดาบั์ได้ปะทะกับเงา ดูเหมือนว่าในชั่วพริบตาก็สามารถกลืนกินอีกฝ่ายได้ หลังจากการโจมตี ประกายแสงของดาบก็จางลง จนชายชราถึงกับต้องหายใจถี่ เพราะตรงหน้าอกของเขาได้มีเืไหลซึมออกมา
ในขณะนั้นร่างเงาก็ปรากฏขึ้น แขนและกริชสีเขียวมรกตก็ได้หายไป
ผู้าุโเป่ยไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังคงกระพือปีกและบินไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง
