“ท่านอ๋องก็เสวยด้วยสิเพคะ” เยว่เฟิงเกอยื่นซาลาเปาอีกลูกในมือให้ม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอกินเข้าไปมากมาย ในที่สุดก็อิ่มท้องอิ่มใจแล้ว
นางมองแผงขายอาหารอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่น หลังจากให้ม่อหลิงหานซื้อเมล็ดแตงโมมาอีกห่อหนึ่ง ก็เดินปอกเมล็ดแตงโมกินไปเรื่อยๆ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” เยว่เฟิงเกอพูดแล้วเดินอาดๆ จากไป
ม่อหลิงหานมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตารักใคร่ เขาตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้ยามที่พาเยว่เฟิงเกอออกมา เขาจะไม่ให้นางปลอมตัวเป็ชายอีก
มิเช่นนั้นเขานึกอยากจะจับมือสักหน่อยก็ไม่ได้ จุมพิตนิดหน่อยก็ไม่ยอม
คนทั้งสองออกไปเดินเล่นที่ถนนสายอื่นจนเหนื่อยแล้วถึงได้เดินกลับจวน
ม่อหลิงหานเห็นว่าถึงเวลาที่เขาควรเข้าวังไปประชุมเช้าได้แล้ว ถึงได้ส่งเยว่เฟิงเกอกลับจวน ก่อนจะนั่งรถม้าเข้าวัง
เยว่เฟิงเกอกลับไปถึงเรือนเยว่เหยาก็ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ทันที จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น
ด้วยเหตุนี้เองตำราวรยุทธ์ลับเล่มนั้นจึงถูกเยว่เฟิงเกอทอดทิ้งโดยสิ้นเชิง หากไม่มีเื่อะไร นางก็ี้เีจะอ่าน
เยว่เฟิงเกอนึกขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้นางไม่ได้เล่นเกมเลย สิ่งแรกที่ทำจึงเป็การเปิดเกมเมืองหิมะลุ่มหลง
ทว่า นางเพิ่งเข้าไปในเกมกลับได้ยินเสียงมู่เหยียนรั่วดังไปทั่วโลกในเกม “ท่านพี่ ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงต้องตายเป็แน่”
เพียงไม่นานมู่เหยียนเฉินก็พูดขึ้นบ้าง “น้องหญิงอย่าได้กลัว มีพี่อยู่ พี่ไม่มีทางปล่อยให้เ้าตายแน่”
เดิมเยว่เฟิงเกอยังไม่คิดจะไปช่วยพวกเขา นางอยากปล่อยให้พวกเขาเผชิญความยากลำบากอยู่ในนั้นไปก่อน แต่พอมาได้ยินเสียงของมู่เหยียนเฉินกับมู่เหยียนรั่วที่ค่อยๆ อ่อนแอลงเหมือนจะไม่ไหวแล้วจริงๆ นางก็คิดว่าจะอย่างไรตัวนางก็หาได้มีความแค้นกับพวกเขา เช่นนั้นเป็คนดีเสียหน่อยจะเป็ไร นางจะเข้าไปช่วยพวกเขาก็แล้วกัน
ในใจคิดเช่นนี้ เยว่เฟิงเกอก็เข้าควบคุมตัวละครในเกมมุ่งหน้าไปยังด่านกลไกไร้เทียมทาน
เมื่อนางไปถึงหน้ากลไกไร้เทียมทานก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง ปัง” ที่ประตู
“ด้านนอกมีใครอยู่ไหม รีบปล่อยพวกเราออกไป” เสียงร้อนรนของมู่เหยียนเฉินดังออกมา “น้องหญิงข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว นางต้องได้ออกไปเดี๋ยวนี้ นาง้าทั้งอาหารและน้ำ”
เมื่อเสียงของมู่เหยียนเฉินเงียบลง ในโลกของเกมก็มีเสียงแก่ชราดังขึ้น “เนื่องจากพวกเ้าไปััถูกอีกค่ายกลหนึ่งเข้า ทำให้กลไกการเปิดปิดของด่านกลไกไร้เทียมทานถูกทำลายไป พวกเ้าจะถูกขังอยู่ในนี้ตลอดไป ไม่อาจหนีออกมาได้”
เสียงแก่ชรานี้ราวกับเป็คำสาปแช่งที่ทิ่มแทงหัวใจคนทั้งสาม
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึงว่ากลไกเปิดปิดจะถูกทำลายได้ด้วย ตอนนั้นที่นางเล่นแล้วผ่านด่านไปยังไม่มีอะไรเช่นนี้เลย
ในเวลาเดียวกันนี้ เสียงแก่ชราที่ดังขึ้นทำให้สองพี่น้องในด่านกลไกไร้เทียมทานใเป็อย่างมาก มู่เหยียนรั่วเริ่มร้องไห้ออกมา นางรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของนางกำลังแตกสลาย
มู่เหยียนเฉินกอดมู่เหยียนรั่วไว้พลางกล่าวปลอบให้คนสงบสติอารมณ์ด้วยเสียงเบาๆ “น้องหญิงไม่ต้องกลัว มีพี่อยู่ พี่ต้องปกป้องเ้าให้ปลอดภัยได้แน่”
“ท่านพี่ ข้ากลัว ข้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ฮือฮือฮือ...”
หลังสิ้นเสียงของสองพี่น้อง ด่านกลไกไร้เทียมทานก็เริ่มส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
แม้แต่ตัวละครของเยว่เฟิงเกอที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ยังรับรู้ได้ถึงความสั่นไหวและเสียงดังสนั่น ร่างกายนางขยับไปตามแรงสั่นนั้น
เยว่เฟิงเกอรีบควบคุมตัวละครในเกมทันที นางรู้ว่าจะเปิดด่านกลไกไร้เทียมทานนี้ได้อย่างไร
ถึงแม้ด่านนี้จะอยู่ในโหมดปิดตายชั่วนิรันดร์ ทั้งยังจะกำลังทำลายตัวเอง แต่เยว่เฟิงเกอรู้ช่องโหว่ของเกมนี้ดี นางเพียงต้องไปเปิดกลไกเปิดปิดนั่น ซึ่งจะทำให้ประตูใหญ่บานนี้เปิดออก
เนื่องจากมันสั่นไหวอย่างรุนแรง เยว่เฟิงเกอจึงบังคับตัวละครของตนให้ไปเปิดกลไกเปิดปิดนั้นได้ยากยิ่ง
ด่านกลไกไร้เทียมทานกำลังจะถล่มลงมาอยู่แล้ว แต่ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็ควบคุมตัวละครของตัวเองได้ นางััลงไปที่กลไกเปิดปิดนั้น
เพียงไม่นานก็มีเสียงดัง เสาหินหนาหนักแผ่นใหญ่กำลังจะถล่มเข้าใส่มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วสองพี่น้อง
ในตอนที่เสาหินถล่มและกำลังจะล้มทับพวกเขานั้น ก็มีขุมกำลังรุนแรงสายหนึ่งซัดเข้าใส่จนเสาหินแหลกละเอียดเป็ผุยผง
มู่เหยียนเฉินกอดมู่เหยียนรั่วแน่น กดศีรษะนางไว้แนบอก หลับตาปี๋ เฝ้ารอความตายที่กำลังจะมาถึง
แต่ตอนนี้เองเสียงของเยว่เฟิงเกอก็ดังขึ้น
“พวกเ้ายังมัวอยู่ในนั้นทำอันใด รีบออกมาสิ”
มู่เหยียนเฉินเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเยว่เฟิงเกอยืนอยู่นอกด่านกลไกไร้เทียมทาน นางกำลังออกแรงดันประตูหินหนาหนักนั้น
มู่เหยียนเฉินไม่มีเวลาให้ตกตะลึงมากนัก เขาอุ้มมู่เหยียนรั่วที่กำลังอ่อนแอไว้แล้วรีบวิ่งมาทางประตูหิน
เนื่องจากด่านกลไกไร้เทียมทานกำลังพังทลายลง ประตูหินเองก็กำลังเคลื่อนปิดอย่างรุนแรงเช่นกัน
เยว่เฟิงเกอได้แต่ควบคุมตัวละครในเกมให้ใช้แรงทั้งหมดที่มีค้ำยันประตูบานนั้นไว้
ยามนี้หน้าผากนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นผุดพราย
ประตูหินนั่นหนักเหลือเกิน และยังถูกควบคุมไว้ด้วยกลไก ซึ่งมันกำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้านี้แล้ว
มู่เหยียนเฉินใช้แรงทั้งหมดที่มีะโพุ่งออกไปจากประตูหินในเสี้ยววินาทีที่มันกำลังจะปิดสนิท และหนีออกมาได้สำเร็จ
เมื่อสองพี่น้องออกมาจากด่านได้สำเร็จ ด่านกลไกไร้เทียมทานก็พังทลายลงโดยสมบูรณ์
พังทลายกลายเป็เศษซากบนพื้น
มู่เหยียนรั่วอ่อนแอเป็อย่างมาก ฝุ่นที่คละคลุ้งจากเศษซากนี้ทำให้นางสำลัก ไอออกมาอย่างรุนแรง
“น้องหญิง เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม? ” มู่เหยียนเฉินวางมู่เหยียนรั่วลงบนพื้นด้วยสีหน้าร้อนรน เขารีบลูบหลัง ช่วยให้นางได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น
“น้ำ ข้าอยากดื่มน้ำ” มู่เหยียนรั่วจับชายเสื้อมู่เหยียนเฉินไว้ พูดด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรง
ยามที่มู่เหยียนรั่วเอ่ยประโยคนี้ออกมา มือขาวข้างหนึ่งก็ยื่นมาตรงหน้าพอดี
ในมือนี้ถือขวดน้ำไว้ ด้านในมีน้ำบรรจุอยู่เต็ม
ตอนนี้เองมู่เหยียนเฉินถึงได้หันกายไปมองเยว่เฟิงเกอและได้เห็นว่าบนใบหน้านางมีาแที่ลากเป็ทางยาว
าแนี้มาจากเมื่อครู่ตอนที่ด่านกลไกไร้เทียมทานกำลังถล่ม หินก้อนหนึ่งที่แตกหักได้หล่นลงมาบาดใบหน้านาง
มู่เหยียนเฉินอยากจะกล่าววาจาแสดงความห่วงใย แต่กลับถูกท่าทีเ็าของเยว่เฟิงเกอหยุดไว้ จึงรับเพียงขวดน้ำมาโดยที่ยังไม่ทันได้กล่าวคำขอบคุณใดๆ ฉับพลันนั้นเขาก็เปิดที่ปิดขวดออกแล้วค่อยๆ ป้อนน้ำให้มู่เหยียนรั่ว
ในที่สุดมู่เหยียนรั่วก็ได้ดื่มน้ำรสชาติหวานจึงดื่มเข้าไปอีกหลายอึก
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นเยว่เฟิงเกอยืนอยู่ไม่ไกล
เดิมนางไม่ชอบเยว่เฟิงเกอมาตลอดด้วยรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะมาแย่งความรักจากพี่ชายนางไป แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ที่มู่เหยียนรั่วต้องเผชิญหน้ากับความเป็ความตาย นางก็เริ่มเปลี่ยนความคิดของตน เนื่องจากเยว่เฟิงเกอผู้นี้เป็คนที่ช่วยชีวิตนางและพี่ชายไว้
นางไม่อาจเคียดแค้นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนคนนี้ได้ หากไม่ใช่เพราะเยว่เฟิงเกอ คาดว่านางและพี่ชายคงได้ตายอยู่ในด่านนั่นไปแล้ว
มู่เหยียนรั่วอึกอักอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็พ่นคำสองคำออกมา “ขอบคุณ”
เยว่เฟิงเกอเพียง “อืม” เรียบๆ เสียงหนึ่งแล้วไม่กล่าวอะไรอีก
ในเมื่อมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วออกมาจากด่านได้แล้ว นางก็ไม่มีความจำเป็ให้ต้องรั้งอยู่กับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ทั้งยังเชื่อว่าด้วยฝีมือของมู่เหยียนเฉินแล้ว ภารกิจต่อไปคงไม่ยากเกินไป เพียงไม่นานย่อมต้องออกไปจากเมืองหิมะลุ่มหลงนี้ได้
เยว่เฟิงเกอหมุนกายจะจากไป แต่ถูกมู่เหยียนเฉินเรียกไว้
“เยว่เฟิงเกอ อย่าเพิ่งไป”
เยว่เฟิงเกอหันไปมองมู่เหยียนเฉินด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มีเื่อะไร? ”
“ข้า...” มู่เหยียนเฉินก้มหน้าลงไปด้วยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
วันนี้หากไม่ใช่เพราะเยว่เฟิงเกอ เขาและน้องหญิงคงต้องตายอยู่ในนั้นแน่แล้ว
เมื่อก่อนตอนที่เยว่เฟิงเกอชอบเขา วันๆ เอาแต่ตามติดอยู่กับเขา น่าเสียดายที่เขาไม่รู้จักทะนุถนอมความรู้สึกของนางให้ดี
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอไม่เพียงแต่งให้ผู้อื่นไปแล้ว แต่ยังปฏิบัติต่อเขาราวกับคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน ทำให้เขารู้สึกเหลือรับ
อย่างไรก็ตาม ประโยคนั้นที่เยว่เฟิงเกอเคยกล่าวไว้ว่า “เ้าไม่มีทางปกป้องข้าได้” ยังคงสลักแน่นอยู่ในสมองของมู่เหยียนเฉิน ทำให้เขาคิดว่าขอแค่ตนแข็งแกร่งขึ้นมา ก็จะสามารถ่ชิงหัวใจของเยว่เฟิงเกอกลับคืนมาได้
เพียงแต่ ตัวเขาในตอนนี้ยังคงไม่แข็งแกร่ง ทั้งยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของเยว่เฟิงเกออีก
เขารู้สึกละอายไม่น้อย
“เยว่เฟิงเกอ ขอบคุณที่เ้าช่วยเราสองพี่น้อง”
ในใจของมู่เหยียนเฉินมีคำพูดอีกมากมายที่อยากจะบอกเยว่เฟิงเกอ แต่สุดท้ายกลับพูดออกมาได้แค่ประโยคเดียว
เยว่เฟิงเกอยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ก็หมุนกายจากไปทันที
นางแค่ไม่อยากเห็นสองพี่น้องคู่นี้ตายอยู่ในนี้ สำหรับนางแล้วนี่เป็แค่โลกแห่งเกม แต่สำหรับมู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่วกลับเกี่ยวพันถึงความเป็ความตายของพวกเขาจริงๆ
นางจึงไม่อาจไม่สนใจได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้