คนในตระกูลเฉินมองดูผิวเผินเหมือนเป็คนดีที่นำเงินจำนวนมากถึงสามพันตำลึงมาให้กับอันเจิงที่บ้านซอมซ่อและทรุดโทรมลงไปมากเมื่อตู้โซ่วโซ่วมองไปยังเงินที่ถูกเรียงไว้เต็มกล่อง ในแววตาของเขายังเห็นอันเจิงคนเดิมที่คุ้นเคยอยู่บ้างเพราะสิ่งเหล่านี้เป็สิ่งที่อันเจิงเกลียดที่สุด อันเจิงเดินไปยืนข้างตู้โซ่วโซ่วพลางถาม“ชอบหรือไม่เล่า? หากชอบข้าจะยกให้เ้าทั้งหมด”
ตู้โซ่วโซ่วชะงักไป “เมื่อครู่ เ้าพูดว่าอย่างไรนะ?”
“ข้าพูดว่า หากเ้าชอบของพวกนี้ข้าจะยกให้เ้าทั้งหมดเลย”
ตู้โซ่วโซ่วเริ่มพูดจาตะกุกตะกัก“แต่ว่า...เงินทั้งหมดนี่มันเป็ของเ้านะ”
อันเจิงตบไปที่ไหล่ของตู้โซ่วโซ่วเบา ๆ “เ้าอ้วนเอ๊ย!มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากให้เ้าจำเอาไว้ การมีเงินน่ะมันดีมากนะ มันทำให้เรามีชีวิตที่สุขสบายแต่ไม่ว่าเงินมันจะดีเพียงใด ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกและความสัมพันธ์ของคนเรา หากเ้า้าเ้าก็เอาเงินทั้งหมดนี่ไปเถอะ เ้าเป็เพื่อนข้า อย่าว่าแต่เงินแค่นี้เลยเมื่อก่อนเ้ายอมตายเพื่อข้าได้ ตอนนี้ข้าก็ยอมตายเพื่อเ้าได้เช่นกัน”
ตู้โซ่วโซ่วรู้สึกซาบซึ้งใจนัก จมูกของเขาเริ่มมีเสียงฟึดฟัดเหมือนกับคนกำลังจะร้องไห้“อันเจิง...ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเ้าจะมีน้ำใจต่อข้าขนาดนี้แต่ว่าเงินนี้ข้าไม่้าหรอกนะ เพราะกว่าเ้าจะได้มาก็ต้องเหนื่อยแทบแย่”
อันเจิงโบกมือ “จำไว้อีกครั้งนะ เงินน่ะดีแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นำมาซึ่งความสำเร็จ เงินแค่ช่วยให้พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่าเดิมก็เท่านั้นในเมื่อมันเป็เพียงสิ่งที่อำนวยความสุขสบายกายมันคงไม่ยั่งยืนเท่ากับความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างพวกเรา แต่ก็เอาเถอะ อาจจะมีบางอย่างที่ข้าละเลยไป...ด้วยกำลังของพวกเราสองคนตอนนี้พวกเราต้องรักษาเงินเหล่านี้เอาไว้ก่อน อีกอย่างถ้าเ้านำเงินพวกนี้กลับบ้านไปท่านลุงกับท่านป้าคงไม่เห็นดีด้วยแน่ ๆ อีกทั้งมันอาจจะกลายเป็ผลร้ายต่อเ้าด้วย”
เมื่อตู้โซ่วโซ่วคิดได้หน้าของเขาก็เริ่มถอดสี“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ?”
“ข้าคิดว่า ตอนนี้เื่ที่ข้าจัดการเ้านักเลงอันธพาลพวกนั้นคงดังไปทั่วย่านหนานชานแล้วกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยคงรู้ตัวเองว่าพวกมันต้องทำตัวอย่างไร แต่เ้าก็รู้ว่าในโลกมายาแห่งนี้เงินสามพันตำลึงก็เพียงพอที่จะทำให้ใครหลายคนพร้อมจะตายได้ตอนนี้เ้ากลับบ้านไปพาท่านลุงท่านป้าไปอยู่ที่สำนักสักพักเถอะตกดึกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมาเด็ดขาด อย่างไรเสียสำนักก็เป็ที่ของกลุ่มต้าโค่วทั้งเก้าคงไม่มีใครกล้าพอที่จะไปหาเื่ที่นั่นหรอก”
ด้วยความใตู้โซ่วโซ่วจึงดึงแขนอันเจิงไว้“แล้วเ้าเล่าจะทำอย่างไร?”
อันเจิงยิ้มตอบตู้โซ่วโซ่ว“ตอนที่อยู่นอกร้านเหล้าข้าคิดมาตลอดว่า จากนี้จะทำอย่างไรถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างสบายมันไม่ใช่แค่มีเงินก็ทำได้ แต่ต้องทำให้กลุ่มอันธพาลพวกนี้กลัวเ้า แค่พวกมันกลัวก็จะไม่มีเื่ยุ่งยากมากมายแบบนี้อีก และไอ้เงินสามพันตำลึงนี่แหละที่จะทำให้พวกมันะโลงหลุมที่ข้าขุดไว้ ”
“อันเจิง ข้าจะอยู่กับเ้า”ตู้โซ่วโซ่วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อันเจิงผลักตู้โซ่วโซ่วออกห่าง“เ้ารีบไปเถอะ พวกคนที่รู้ข่าวเื่เงินนี้อาจจะไปหาเ้าที่บ้านแล้วก็ได้ไอ้พวกนี้มันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าตอนนี้มันอยู่ที่บ้านเ้า บิดามารดาเ้าจะทำอย่างไร?เ้ารีบไปพาพวกเขาไปที่สำนักเดี๋ยวนี้ ไปสิ!”
ตู้โซ่วโซ่วยังคงลังเลแต่สุดท้ายก็หันหลังกลับแล้วออกวิ่งพลางเหลียวหลังมาหาอันเจิง “เ้ารอข้าก่อนนะ ถ้าข้าจัดการเื่ท่านพ่อท่านแม่เสร็จข้าจะรีบมาหาเ้า ที่ที่อันตรายขนาดนี้อย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะลงนรกหรือขึ้น์เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้”
อันเจิงโบกมือให้ตู้โซ่วโซ่วหลังจากนั้นเขาก็หันตัวกลับไปทางบ้านหลังหนึ่ง ปัง! คนข้างในผลักประตูออกมาเสียงดังสนั่นโค่วลิ่วหนึ่งในกลุ่มต้าโค่วเดินออกมาช้า ๆ เห็นได้ชัดเจนว่าสีหน้าของเขาดูไม่ดีนักด้านอันเจิงเองก็ไม่ได้มีท่าทีใที่เห็นโค่วลิ่ว ราวกับเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าโค่วลิ่วอยู่ตรงนั้น
โค่วลิ่วเดินออกมามองรอบชานบ้านมีทั้งเสาไม้ หุ่นไม้ และมีดยาวขนาดใหญ่ถูกวางทิ้งเอาไว้ที่พื้นเห็นได้ชัดว่าอันเจิงคงเป็คนฟันหุ่นไม้นั้นจนกระจุย ที่หุ่นไม้มีร่องรอยการทำเครื่องหมายแสดงตำแหน่งลมปราณต่างๆ เอาไว้ จุดลมปราณเ่าั้ถูกแทงอย่างแม่นยำ ไม่ขาดไม่เกิน มีรอยมีดเป็หลักฐานอยู่ชัดเจน
“เ้าไม่ได้โกหก”
โค่วลิ่วชี้ไปที่หุ่นไม้ “เ้าฝึกฝนตัวเองตลอดเวลาจริงๆ และดูเหมือนว่าเ้าจะสามารถใช้มีดได้อย่างแม่นยำ รอยมีดของเ้าโจมตีจุดสำคัญของคู่ต่อสู้ได้อย่างร้ายกาจแต่ข้าไม่เข้าใจเ้าเลยว่าทำไมเวลาอยู่ที่สำนักเ้าจะต้องทำตัวอ่อนปวกเปียก หากเ้าสามารถโจมตีหุ่นไม้ได้โเี้ขนาดนี้คนอย่างเกาตี้คงไม่กล้าหาเื่เ้าแน่นอน”
อันเจิงยักไหล่“ข้าเคยบอกท่านไปแล้วที่สำนัก ดังนั้นจะไม่ขอพูดเื่นี้อีกขอแค่ข้ายังได้มีชีวิตอยู่ข้าก็พอใจแล้ว”
โค่วลิ่วเดินไปมองที่กล่องเงินใบใหญ่“เื่ที่เ้าทำไว้ที่หน้าร้านเหล้าข้ารู้หมดแล้ว เ้าพวกนั้นก็แค่สุนัขที่บ้านตระกูลเฉินเลี้ยงเอาไว้เป็เพื่อนเล่นให้กับบุตรชายก็เท่านั้นอำนาจที่แข็งแกร่งของบ้านตระกูลเฉินทำให้พวกเราไม่กล้าหักหน้าเพราะศักดิ์ศรีมันสำคัญมาก มากกว่าตัวเ้าเสียอีก และสิ่งที่เ้าทำในวันนี้มันทำให้ข้าสนใจในพลังของเ้า”
“ข้ารู้ อาจารย์ลิ่ว ดังนั้นท่านก็เลยมาดูว่าข้าพูดจริงหรือไม่แล้วก็จะกลับไป”
โค่วลิ่วพยักหน้า “ไม่ผิด ดูแล้วข้าก็จะกลับไปข้าอยากจะดูแลเ้าทว่าก็ไม่อยากผิดใจกับพวกตระกูลเฉิน เ้าคิดว่าตระกูลเฉินให้เงินเ้าเพราะว่าเ้าเก่งกาจงั้นรึ”
อันเจิงเม้มปากเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ตัวของข้ามีค่าไม่ถึงสามพันตำลึง...ตระกูลเฉินให้เงินจำนวนนี้มาก็เพราะ้าเปิดศึกกับพวกท่านต้าโค่วทั้งเก้าถ้าพวกท่านเก้าคนให้การคุ้มครองข้า ตระกูลเฉินก็มีเหตุผลที่จะเปิดากับพวกท่านถ้าจะให้พูดง่าย ๆ พวกมันยุยงให้ลูกศิษย์มาทำร้ายคนของท่านและเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์และความมั่นคงกับกลุ่มต้าโค่วเอาไว้พวกมันจึงให้เงินสามพันตำลึงต่อข้า แต่พวกท่านต้องทำเป็ไม่รู้ไม่เห็น”
อันเจิงยังพูดไม่ทันจบก็ถูกโค่วลิ่วแทรกขึ้น“ไม่ต้องพูดต่อแล้ว เ้าฉลาดเกินกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ดังนั้นหากมีใครมาหาเ้าข้าก็ไม่อาจลงมือช่วยเหลือ แต่ข้าก็ไม่อยากจะส่งเ้าไปตายเช่นกัน ในโลกมายาแห่งนี้ต้าโค่วทั้งเก้าของเราก็ใช่ว่าจะเก่งกาจอัศจรรย์อะไร เพียงเ้าคุกเข่าขอความเมตตาจากพวกมันหากรอด ข้าจะรับเ้าไว้เป็ศิษย์”
เมื่อพูดจบ โค่วลิ่วก็เดินหันหลังกลับออกจากที่นั่นทันที
“อาจารย์ลิ่ว!”
อันเจิงมองเงาด้านหลังของโค่วลิ่วแล้วะโถาม“ช่วยข้าสักเื่ได้หรือไม่ เื่วันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตู้โซ่วโซ่ว ขอเพียงท่านรับปากว่าครอบครัวของเขาจะปลอดภัย”
โค่วลิ่วชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ“ได้ สำนักของจิ่วต้าโค่ว ไม่ใช่สถานที่ที่ใครคิดจะเข้ามาทำอะไรก็ได้”
อันเจิงยิ้มได้ในที่สุด รู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอกถ้ากำลังของเขาฟื้นฟูได้ดีกว่านี้อีกสักนิด ไม่เพียงจะได้ปกป้องตู้โซ่วโซ่วกลุ่มต้าโค่วนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าตระกูลเฉินฮึกเหิมขึ้นมาแล้วบุกสำนักกลุ่มต้าโค่วก็คงต้องรับมือกับาครั้งใหญ่
“อาจารย์ลิ่ว ข้ายังมีอีกหนึ่งคำถาม”
“ทำไมคนดีจะทำอะไรต้องมีกรอบ อีกทั้งลำดับกฎเกณฑ์มากมายไปหมดแต่สุดท้ายจุดจบของคนดีก็คือ ความตาย แล้วคนเลวเล่า ไม่เคยต้องมีกฎเกณฑ์ ทำอะไรก็ไม่ต้องคอยเกรงอะไรทั้งนั้นในโลกใบนี้จุดศูนย์กลางอยู่ที่คนดีหรือคนเลวกันแน่ความยุติธรรมยังมีอยู่ในโลกนี้จริงหรือ”
ครั้งนี้โค่วลิ่วหยุดเดินเขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “หากคนดีทำอะไรก็ได้ แบบนั้นจะเรียกว่าเป็คนดีอีกหรือ?”
“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องดูที่เจตนา” อันเจิงตอบกลับ
โค่วลิ่วไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาเดินจากไปอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าเป็เพราะคำพูดของอันเจิงหรือไม่ที่แทงเข้าไปถึงข้างในจิตใจของโค่วลิ่ว เขาเดินจากไปด้วยความรีบร้อนกระวนกระวายใจ สำหรับคนที่มีทักษะวิชาการต่อสู้ จะเป็ไปได้อย่างไรที่แค่เดินยังไม่มั่นคง?อันเจิงมองดูโค่วลิ่วจนเขาลับสายตาไป ในดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
หลังจากโค่วลิ่วเดินจากไป อันเจิงใช้ขาเตะกล่องใบใหญ่จนพลิกคว่ำน้ำหนักของกล่องใบนี้มากจนต้องใช้คนที่แข็งแรงหลายคนจึงจะสามารถยกขึ้นมาได้แต่สำหรับอันเจิงเขาใช้เพียงขาข้างเดียวก็เพียงพอ กล่องใบนั้นถูกเตะกระเด็นกระดอนไปไกลเงินในกล่องกระจายเกลื่อนกลาด เขาใช้ขากวาดเงินให้เป็รูปวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางราวสองเมตรหลังจากนั้นก็นำเก้าอี้มาตั้งไว้ตรงกลาง
เมื่อจัดที่จัดทางเสร็จอันเจิงก็นำลูกแมวตัวน้อยมาใส่ไว้ในเสื้อของเขา ลูกแมวตัวนี้ผ่าน่เวลาที่แสนหวาดหวั่นมาก่อนแต่เมื่อได้อยู่กับอันเจิงมันกลับรู้สึกปลอดภัยอันเจิงลูบหัวเ้าแมวน้อยแล้วพูดด้วยเสียงแ่เบา “โลกนี้ช่างไร้ซึ่งความยุติธรรมอาจจะเป็เพราะกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ ไม่สามารถควบคุมพวกคนเลวได้ เช่นนั้นเ้ามาอยู่กับข้ามาช่วยกันสร้างโลกที่มีความยุติธรรม เริ่มจากโลกมายาเลยแล้วกันสถานที่ที่ไม่มีขื่อมีแปแห่งนี้ ข้าจะใช้ความเลวกำจัดความเลว เพราะบางครั้งเส้นทางแห่งความดีก็ซ้อนทับอยู่บนเส้นทางของความเลวมาฝ่าฟันขวากหนามไปด้วยกันเถอะนะเสี่ยวช่าน ข้าจะตั้งชื่อให้เ้าว่าเสี่ยวช่านก็แล้วกัน”
เขาหันหน้าไปมองมีดที่หล่นอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ
นี่เราไม่มีอาวุธอะไรในมือเลยสินะ...ไม่เป็ไรเราทำได้อยู่แล้ว
เขาเก็บมีดที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนมาเหน็บไว้ที่เอวของเขาหลังจากนั้นก็เดินออกไปนั่งที่กลางวงกลมที่ล้อมรอบไปด้วยเงิน เมื่อนั่งลงไปเขาก็ถึงกับร้องออกมาเมื่อยืนขึ้นและมองไปรอบ ๆ ก็พบว่า สาเหตุของความเจ็บนั้นมาจากตำแหน่งมีดที่เขาเหน็บอยู่มันไม่ค่อยดีเมื่อนั่งลงไป มีดพกจึงไปสะกิดโดนอันเจิงน้อยในกางเกง...อันเจิงล้วงมือเข้าไปในกางเกงเพื่อจัดอันเจิงน้อยให้เข้าที่เข้าทางและเขาก็ต้องใอีกครั้ง เมื่อพบว่าร่างเล็ก ๆ ของเด็กสิบขวบคนนี้ก็มีของดีอยู่เหมือนกัน...
“มีร่างกายผอมเล็ก แต่เ้านั่นกลับกำยำสมบูรณ์ไม่เบาเลยดูท่าสารอาหารน่าจะกระจายไปไม่ทั่วตัว แต่มารวมกันที่เดียวจนหมดเลยสินะ” เมื่ออันเจิงพูดกับตัวเองจบก็เตรียมหลับตาพักผ่อนเอาแรงรอให้ตะวันตกดิน
ยังไม่ทันจะได้หลับตาเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแ่เบาจำนวนไม่น้อยใกล้เข้ามา ฟ้ายังไม่ทันมืดพวกมันก็มากันเสียแล้วเขาถอนใจออกมาเบา ๆ ความโลภทำให้คนขาดสติไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ คนพวกนี้ไม่ใช่คนของตระกูลเฉินแน่เพราะคนตระกูลเฉินยังคงสงวนท่าทีไว้อยู่ จากเสียงฝีเท้าคงจะเป็พวกที่ไม่มีวิชา เสียงเท้าที่แ่เบาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
อันเจิงตบไปที่มีดของเขา“คืนนี้ข้าจะให้เ้าดื่มเืจนอิ่มไปเลย”
“โอ้โห เงินเยอะเหมือนกันนี่!”
เสียงเอะอะดังมาจากนอกบ้าน จากนั้นก็มีคนะโเข้ามาด้วยน้ำเสียงดุดัน“ไอ้กระจอก ถ้าเ้าฉลาดพอก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ เงินพวกนี้จะได้เป็ของข้า แต่ถ้าเ้ายังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรอีกเดี๋ยวมีดเล่มนี้จะตอบให้เอง”
“ไอ้อ่อนหัด ได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ ข้าให้โอกาสเ้าในการหนีเอาตัวรอดอย่าคิดว่าเ้าต่อยไอ้คนเดนตายไม่กี่คนบนถนนได้แล้วจะเก่งนะเว้ยโลกมายาแห่งนี้คนเก่ง ๆ ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกมาก เ้าดูหน้าข้าแล้วรีบหนีไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงมือจัดการเ้าแน่!”
“ไม่ต้องพูดมาก ไปเอาเงินมา!”
อันเจิงเหลือบตามอง ปรากฏว่ามีประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบคนแต่ละคนหน้าตาเต็มไปด้วยความละโมบโลภมากและโเี้ ที่โลกมายาแห่งนี้ความโหดร้ายมีอยู่ทุกที่จริงๆ
อันเจิงกวาดสายตามองคนเ่าั้ แล้วถามคำถามเดียวกันกับที่ถามโค่วลิ่ว“พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมคนดีถึงถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์และศีลธรรม ทำไมคนเลวถึงทำอะไรก็ได้ถ้ายังเป็แบบนี้ โลกนี้จะยังมีความยุติธรรมอีกหรือ”
พวกเขาตอบกลับอันเจิงด้วยถ้อยคำอันโหดร้าย “ไอ้โง่เอ๊ย!โลกมายาแห่งนี้ไม่มีคนดีหรอกโว้ย”
แล้วคนกลุ่มนั้นก็ลุกฮือขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งของถนน
เฉินผู่ยืนมองไปที่บ้านหลังนั้นเขาเผยรอยยิ้มที่แสนเ็าออกมา “ไอ้พวกนี้มันบ้าคิดว่าจะแย่งเงินของตระกูลเฉินได้จริง ๆ รึ” ขณะเดียวกันก็สั่งลูกน้อง “พวกเ้ารอดูสถานการณ์ไปก่อนว่าไอ้พวกจิ่วต้าโค่วเริ่มลงมือหรือยังถ้าจิ่วต้าโค่วลงมือปกป้องไอ้พวกโง่นี่เมื่อไหร่ พวกเราก็จัดการตามแผนได้ทันที บอกพวกมันว่าพวกเราแค่มาเยี่ยมเยียนอันเจิงถ้าสุดท้ายพวกเ้าโดนหางเลขไปด้วย ก็หาทางจัดการพวกจิ่วต้าโค่วซะ ถ้าทำสำเร็จ ไอ้พวกจิ่วต้าโค่วก็จะต้องตกอันดับไปย่านนี้ทั้งย่านก็จะเป็ของพวกเรา ไอ้พวกกระจอกจิ่วต้าโค่วก็จะไม่มีที่ให้อยู่อีกต่อไป”
เมื่อพูดจบสีหน้าของเฉินผู่ก็เปลี่ยนไปทันที “เดี๋ยวก่อน!”
ในบ้านหลังนั้น ข้างนอกวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตรมีคนนอนอยู่บนพื้นถ้าใครเข้าไปใกล้วงกลมนั้น ก็จะโดนมีดของอันเจิงฟาดฟัน มีดของเขาแม้จะทื่อแต่ไร้ซึ่งความปรานีผ่านไปไม่นานภายในบ้านก็เจิ่งนองไปด้วยเืสีแดงฉาน อีกครู่ใหญ่ก็มีคนเจ็บนอนกองเป็พะเนินดูแล้วราวกับเด็กคนนี้ได้กลายเป็ปีศาจน้อยที่กำลังเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม