เสียงผิวปากดังขึ้น...
ทันใดนั้นกลุ่มมวลสีดำก็พุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง ปกคลุมท้องฟ้าและปกคลุมพื้นดินราวกับจะบดบังท้องฟ้าทั้งหมด
ฝูงยุงพิษ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ และยังเชื่อฟังสตรีนางนี้ด้วย
หานอวิ๋นซีใ คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะสามารถควบคุมยุงพิษได้ ไม่น่าแปลกใจที่สตรีผู้นี้สามารถทำร้ายหลงเฟยเยี่ยได้ มีความสามารถมากทีเดียว!
สตรีผู้นั้นผิวปากอีกครั้ง ทันใดนั้น มวลกลุ่มสีดำทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาหานอวิ๋นซีเหมือนคลื่นทะเล
“หลงเฟยเยี่ย หากไม่อยากให้สตรีผู้นั้นตาย ท่านต้องช่วยชีวิตหม่อมฉัน!” สายลับหญิงถอยกลับพร้อมกับขู่
นางซุ่มโจมตีอยู่ในเทียนหนิงมานาน ทว่าไม่เคยเห็นหลงเฟยเยี่ยแตะต้องสตรีนางใดเลย อย่าพูดถึงการโอบเลย แม้กระทั่งคุยกับสตรียังแทบจะนับประโยคได้เลย
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะพาสตรีผู้นี้มา ทั้งยังอยู่ในอ้อมแขน แม้จะเป็่เวลาแห่งความเป็ความตาย ทำให้นางอดแปลกใจไม่ได้ว่าสตรีผู้นี้คือใคร? นางสำคัญขนาดไหนในใจของหลงเฟยเยี่ยกัน?
เมื่อเห็นว่าความมืดกำลังจะกลืนกินนาง หานอวิ๋นซีก็เหลือบมองหลงเฟยเยี่ยแล้วะโทันทีว่า “อ๊าย...ข้ากลัว!”
“มันน่ากลัวเกินไป! ท่านอ๋อง ช่วยข้าด้วย! รีบมาช่วยข้าสิ!”
“ฮือฮือ…โหดร้ายเกินไปแล้ว ท่านอ๋อง ข้ากลัว!”
…
ในขณะที่กำลังะโ มือไม้ก็อยู่ไม่สุขขยับไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ความประหลาดใจเผยออกมาจากดวงตาของหลงเฟยเยี่ย ทว่าก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ริมฝีปากยกยิ้มโดยไม่ทันสังเกต
เมื่อเห็นเช่นนี้ สายลับหญิงก็ใและพูดอย่างเ็าว่า “หลงเฟยเยี่ย ท่านคงเคยเห็นคนถูกวางพิษมาไม่น้อยเลยใช่หรือไม่?”
“ท่านอ๋อง นางกำลังขู่ท่านอยู่นะ น่ากลัวมาก!” หานอวิ๋นซีพูดด้วยความกังวล
แม้จะเผชิญกับการสู้รบครั้งใหญ่ หลงเฟยเยี่ยก็มักจะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วและจะไม่เสียเวลากับศัตรู
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าคำขู่ของสายลับหญิง เขากลับอดทนได้อย่างน่าประหลาดใจ ทำให้สายลับหญิงคลายความระมัดระวังและไม่สงสัยหานอวิ๋นซี
นางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เลิกคิ้วและยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หลงเฟยเยี่ย หากหม่อมฉันตาย นางก็ต้องตาย และ...ท่านก็จะไม่มีทางออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้”
น่าเสียดายที่ความอดทนของหลงเฟยเยี่ยมีจำกัดอยู่เสมอ ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา และในพริบตา ดาบยาวก็จ่ออยู่ที่คอของสายลับหญิงคนนั้น
“ท่าน!” สายลับหญิงใและพูดเตือนด้วยความโกรธ “หลงเฟยเยี่ย ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”
เช่นนั้นสายลับหญิงจึงจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เ็าและไร้ความปรานี “ท่านอ๋องปล่อยให้เ้าตายเองนะ...หลับให้สบาย!”
ทันทีที่คำพูดจบลง หานอวิ๋นซีก็หยุดนิ่ง พร้อมกับรอยยิ้มเ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนริมฝีปาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ จู่ๆ สายลับหญิงก็รู้สึกไม่สบายใจ “พวกท่าน...”
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป หานอวิ๋นซีหยิบขวดยาฆ่ายุงออกมาสองขวด ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วหมุนตัวไปรอบๆ อย่างสง่างาม ราวกับองค์หญิงในเทพนิยาย พร้อมทั้งพ่นยาเป็วงกลมไปตามทาง
เห็นเพียงมวลกลุ่มสีดำหดกลับในทันที สายลับหญิงก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าสิ่งที่หานอวิ๋นซีถืออยู่ในมือคืออะไร
หานอวิ๋นซีหมุนอย่างสง่างามอีกสองสามรอบ โบกมือของนางเบาๆ และในไม่ช้ามวลกลุ่มสีดำทั้งหมดรอบตัวก็ถอยกลับและบินออกไปอย่างรวดเร็ว
สายลับหญิงโกรธเกรี้ยวมากจนไม่สนใจดาบที่คอ รีบผิวปากออกมา แต่ไม่ว่าจะผิวปากอย่างไรก็ไม่ได้ผล ยุงพิษ้าเอาชีวิตรอดมากกว่าทำตามคำสั่ง
สายลับหญิงที่พยายามอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดก็หมดหวัง นางมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเหลือเชื่อและถามว่า “เ้า...สิ่งที่อยู่ในมือเ้าคืออะไร?”
หานอวิ๋นซีเดินเข้าไป ั์ตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเองก็ไม่มีพิษมีภัย “ท่านอ๋องบอกว่าจะทำให้เ้าตายตาไม่หลับ ขอโทษด้วยนะ ข้าไม่สามารถบอกเ้าได้”
ทันทีที่พูดจบ ดาบคมของหลงเฟยเยี่ยก็ไม่ปรานีอีกต่อไป เพียงตวัดเบาๆ เืก็กระเซ็นออกมา สายลับหญิงล้มลงกับพื้น พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง และตายโดยที่ไม่แม้แต่จะรู้ว่าหานอวิ๋นซีไล่ยุงได้อย่างไร
หานอวิ๋นซีนั่งยองๆ สแกนดาบยาวอย่างระมัดระวังและพบว่าพิษบนดาบนั้นเป็พิษงูที่หลงเฟยเยี่ยเคยโดนมาก่อน ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะตามล่าสายลับหญิงคนนี้มานานแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาขอยาแก้พิษจากนางสินะ
สายลับของอาณาจักรทางเหนือรู้วิธีการใช้พิษ และหานอวิ๋นซีรู้สึกว่าเื่นี้คงไม่ง่าย
“เ้าดูออกหรือไม่ว่ามีพิษอยู่บนดาบของนางหรือไม่?” หลงเฟยเยี่ยถามด้วยความสงสัย
มียุงมีพิษมากมายหลายชนิดแถมยังมีกลิ่น หากหานอวิ๋นซีสามารถดมกลิ่นแล้วรู้ได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่น่าเชื่อถือ เพียงแต่ดาบยาวเล่มนี้...
หานอวิ๋นซียืนขึ้นอย่างสงบ “ข้าได้กลิ่น”
หากหลงเฟยเยี่ยเชื่อ เขาก็คงเป็คนโง่ เขามองด้วยสายตาเ็าและไม่พูดอะไร
หานอวิ๋นซียักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “อันที่จริง ข้ามีพร์มาั้แ่เด็กและไวต่อพิษมาก น่าเสียดายที่พ่อของข้าและคนอื่นๆ ไม่รู้เื่นี้”
นางพูดและถอนหายใจ “เฮ้อ คงจะดีไม่น้อยถ้าแม่ของข้ายังมีชีวิตอยู่”
แม้ว่านี่จะเป็คำพูดที่ไร้สาระ แต่ในตอนที่พูดออกมาหานอวิ๋นซีก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย บางทีมันอาจเป็การตอบสนองตามสัญชาตญาณของร่างกายที่มีต่อแม่ของนาง หรืออาจเป็เพราะนางไม่มีใครให้พึ่งพาั้แ่เด็ก จึงรู้สึกโหยหาความรักจากแม่
ในชาติที่แล้ว นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของนางคือใคร บัดนี้ แม้ว่าแม่จะจากไปแล้ว แต่นางก็รู้ว่าแม่ของนางเป็ใคร เป็คนแบบไหน บางครั้งที่ได้ยินเื่เกี่ยวกับแม่ของนางก็รู้สึกอบอุ่นมากแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางเศร้าของหานอวิ๋นซี ดวงตาของหลงเฟยเยี่ยก็ฉายแววซับซ้อน และไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก
เขาพาหานอวิ๋นซีออกไปหลังจากพบจดหมายลับทางทหารจากสายลับหญิง
ในตอนที่กลับมาถึงจวนฉินอ๋องในเมืองหลวง ก็เป็เวลายามอู่แล้ว
สิ่งแรกที่หลงเฟยเยี่ยทำหลังจากกลับมาคือโยนถุงเงินให้หานอวิ๋นซี หานอวิ๋นซีจึงจะนึกเื่นี้ขึ้นมาได้
นางที่ไม่ได้มีความอายใดๆ เดินตรงไปหยิบเงินสามร้อยตำลึงออกมาจากถุงเงินของหลงเฟยเยี่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณ!”
หลงเฟยเยี่ยไม่ตอบ หันหลังกลับและเดินออกไป
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของเขาที่หายไปในสวน หานอวิ๋นซีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ชายผู้นี้จะค้างคืนที่นี่หรือไม่? หรือยังมีเื่ที่ต้องทำอีก
นางกระชับเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว และเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเสื้อคลุมของเขายังคงอยู่กับนาง
เดิมทีนางคิดจะตามเขาไป แต่เมื่อคิดอีกทีควรจะซักมันก่อนที่จะส่งคืนให้เขาจะดีกว่า
ทันทีที่หานอวิ๋นซีกลับมาในเสื้อคลุมของชายคนหนึ่ง เฉินเซียงตัวน้อยก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามา “หวังเฟย เสื้อคลุมของใครหรือ? ท่านไปไหนมาหรือ? เมื่อเช้าตรู่หม่อมฉันหาท่านไม่เจอ”
“ออกไปเดินเล่นกันเถอะ” หานอวิ๋นซีอารมณ์ดีเป็พิเศษพร้อมกับเงินสามร้อยตำลึงในถุงเงิน
“เสื้อคลุมนี้…” เฉินเซียงน้อยยังคง้าถาม
หานอวิ๋นซีเอานิ้วชี้วางที่ปาก แล้วส่งเสียง “ชู่” เฉินเซียงตัวน้อยก็ไม่กล้ารบกวนนางอีกต่อไป
ในเย็นของวันถัดมา หานอวิ๋นซีนำเสื้อคลุมไปส่ง เคาะประตูอยู่นานทว่าก็ไม่มีใครเปิด นางผลักมันออกและพบว่าประตูไม่ได้ลงกลอน
ชายผู้นั้นไม่ได้มีนิสัยชอบลงกลอนประตูหรือไร? หรือที่นี่ค่อนข้างปลอดภัยอย่างนั้นหรือ?
หานอวิ๋นซีเดินเข้าไปและพบว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม สะอาดเอี่ยมอ่อง เพียงแตู่เาน้ำแข็งนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่
จวนฉินอ๋องสำหรับเขาแล้ว อาจเป็เพียงที่ซุกหัวนอนแห่งหนึ่งเท่านั้น
เมื่อวางเสื้อคลุมในห้องตำรา หานอวิ๋นซีก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยไม่รู้ตัว ยักไหล่และจากไป
ในหลายวันที่ผ่านมา นางไม่ได้อยู่เฉยๆ นางได้เพิ่มตู้ยาและชั้นตำราเล็กๆ ในตำหนักหยุนเซี่ยน และซื้อชุดยาบางส่วนเพื่อชดเชยช่องว่างในระบบการล้างพิษ
แม้ว่าจะไม่ว่าง แต่วันนี้ถือว่าเป็วันสบายๆ อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้ไม่รู้ว่าหลงเฟยเยี่ย อี้ไท่เฟย หรือนายหญิงหลายท่านในวังหลังต่างกำลังสืบสวนนางอย่างลับๆ
หานฉงอัน บิดาของนางไม่เพียงถูกไท่เฮาเรียกตัวเท่านั้น แต่ยังถูกหลงเฟยเยี่ยเรียกตัวไปด้วย หานฉงอันเองก็เคยไปค้นห้องส่วนตัวของหานอวิ๋นซีก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อที่จะพยายามหาเบาะแสบางอย่าง
“ท่านอ๋อง ข้าได้ทำการสอบสวนทั้งหมดแล้ว และยืนยันว่าหานอวิ๋นซีท่านนั้นในตำหนักหยุนเซี่ยนเป็ตัวจริง ก่อนที่จะอภิเษก สาวใช้และคุณหนูสองท่านของตระกูลหานเป็คนเห็นนางสวมผ้าคลุมหน้าเ้าสาวสีแดงและส่งขึ้นเกี้ยวเ้าสาวด้วยตนเอง เมื่อตระกูลหานมาถึงจวนอ๋อง เดินผ่านเมือง เดินผ่านตลาดริมถนน ไม่สามารถแทรกแซงอะไรได้อย่างแน่นอน และในคืนนั้น ซีผอก็เฝ้าอยู่เช่นกัน” ฉู่ซีเฟิงรายงานอย่างละเอียด
“นางแก้พิษบนใบหน้าขณะอยู่ในเกี้ยวเ้าสาวงั้นหรือ?” หลงเฟยเยี่ยถามอย่างเ็า
“ก่อนที่จะขึ้นเกี้ยวยังมีรอยแผลเป็อยู่ แต่ตอนลงมากลับไม่มีแล้ว มันก็สามารถแก้พิษได้เฉพาะบนเกี้ยวเท่านั้น” ฉู่ซีเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวเสริมว่า “ท่านอ๋อง หวังเฟยสามารถรักษาพิษขององค์หญิงฉางผิงได้ด้วยยาเพียงหนึ่งถ้วยเท่านั้น คิดไปแล้วเื่นี้ก็คงไม่ยากสำหรับนาง”
“ในเมื่อมีความสามารถและหน้าตาดี เหตุใดต้องปิดบังและถูกคนอื่นดูถูกด้วยล่ะ?” หลงเฟยเยี่ยถามอีกครั้ง
ความจริงแล้วเขาไม่เคยสนใจหานอวิ๋นซีมาก่อน ไม่ว่านางจะเป็คนแบบไหน ไม่ว่านางจะสวยหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม สตรีผู้นี้ถูกไท่เฮาและฮ่องเต้บังคับให้เขาอภิเษกด้วย นางไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา เขาวางแผนไว้แล้วว่าในคืนอภิเษก เขาจะขับไล่นางออกจากลานดอกบัวและส่งไปยังตำหนักอื่นเพื่อกักบริเวณตลอดไป
ใครจะไปคาดคิดว่า ในวันอภิเษกหานอวิ๋นซีจะช่วยชีวิตเขาไว้ และทักษะทางการแพทย์ที่นางแสดงหลังจากนั้นทำให้เขาประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“ท่านอ๋อง ฉลาดย่อมดีกว่าโง่ ตามความคิดของกระหม่อม หากดูจากความสามารถของหวังเฟยแล้ว นางไม่จำเป็ต้องอภิเษกกับท่านก็ได้” ฉู่ซีเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดนี้ พูดไปแล้วดูเหมือนว่าหานอวิ๋นซี้าที่จะอภิเษกกับหลงเฟยเยี่ยอย่างมาก ความอดกลั้นทั้งหมดก็เพื่ออภิเษกกับเขา อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่หลงเฟยเยี่ยได้ยินมา
หลงเฟยเยี่ยมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ใครจะรู้ว่าฉู่ซีเฟิงที่ไม่กลัวความตายและพูดอีกครั้งว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมคิดว่าหวังเฟยชอบท่าน กระหม่อม...”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพูดจบ ดวงตาเ็าของหลงเฟยเยี่ยก็เต็มไปด้วยความมืดมิด ฉู่ซีเฟิงถึงกับตัวสั่นเทาและปิดปากทันทีอย่างรู้เท่าทัน
หานอวิ๋นซีซึ่งไม่รู้อะไรเลยก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่่เวลาดีๆ มักจะสั้นเสมอ
เมื่อนางคิดว่าอี้ไทเฟยจะหยุดชั่วคราวเพราะเื่ขององค์หญิงฉางผิง ทว่าปัญหาที่ไม่คาดคิดก็มาถึงหน้าประตู แม้กระทั่งอี้ไท่เฟยก็ยังจัดการไม่ได้
“ท่านอ๋อง มีคนมาขอรับการรักษาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาเข้าประตูจวนของเราไม่ได้ จึงเฝ้าอยู่ข้างนอกไม่ยอมออกไป ได้ยินมาว่าเป็ชายาสามของเจิ่นกั๋วกง” เฉินเซียงวิ่งมารายงานด้วยความหอบ
ไม่รู้ว่าใครเป็คนแพร่ข่าวลือเื่ที่หานอวิ๋นซีรักษามู่ชิงอู่ออกไป และข่าวลือก็ลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ โดยบอกว่านางเป็คนลึกลับ อ่อนน้อมถ่อมตนและเรียบง่าย ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ แต่เป็อัจฉริยะที่หาได้ยากในศตวรรษนี้
กล่าวกันว่านางมีเวทมนตร์เทียบเท่ากับการกลับชาติมาเกิดของฮว่าถัว[1] โรคยากและซับซ้อนที่หมอหลวงและหมอเทวดาคนอื่นๆ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทว่าเมื่อเื่มาถึงนาง ก็กลับหายได้ด้วยยาเพียงถ้วยเดียว
นอกจากเื่ราวนี้ ก็ยังว่ากันว่านางมีมือศักดิ์สิทธิ์และใจเมตตา ไม่รับเงินรักษาพยาบาล ทั้งยังให้ความสำคัญกับคนจน
ดังนั้น ั้แ่เมื่อคืนนี้ สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยหลายคนมาที่นี่หลังจากทราบข่าว ไม่ว่าจะเป็เ้าหน้าที่ระดับสูง เชื้อพระวงศ์หรือคนธรรมดา พวกเขาล้วนมาเพื่อรับการรักษา
มีข่าวลือว่าหานอวิ๋นซีได้รับการยกย่องอย่างสูงและภาพลักษณ์ของนางก็ดีมาก ทุกวันนี้หากป่วยและมาขอรับการรักษา บ้างก็บอกว่านางจะออกมาชี้แจงว่าตัวเองไร้ความสามารถ จะทำให้อับอายต่อหน้าบรรดาหมอผู้มีความสามารถเสียเปล่าๆ บ้างก็บอกว่าต้องออกไปรักษานอกสถานที่ แล้วก็ปฏิเสธไปอย่างง่ายๆ เพื่อ้าให้เป็ขี้ปากผู้อื่น
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป และการที่จะทำให้กลายเป็ข่าวใหญ่ในเมืองหลวงเช่นนี้ได้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถทำได้เช่นกัน
คนที่อยู่เื้ัสิ่งนี้กำลังพยายามประจบสอพลอนางอย่างไม่ต้องสงสัย มีเจตนาที่ร้ายกาจเกินไป และสร้างภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้กับนาง
—---------------------------------
[1] ฮว่าถัว (华佗) เป็แพทย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็ศัลยแพทย์ผู้บุกเบิก มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก