บทที่ ๒:ัชิงบัลลังก์
ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย!“นี่กระมังเวลาิญญาออกจากร่าง มันชั่งเบาหวิวจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย” ิญญาของจางซื่อผิงคิดและมองไปยังร่างที่ิญญาได้หลุดลอยออกไปแล้ว...ทันใดนั้นเสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“ไปเถอะหมดเวลาของเ้าแล้ว” นางต้องขวับไปยังที่มาของเสียงทันที บุรุษในชุดสีดำสนิทที่ยืนรออยู่สีหน้าไม่สนใจมีเพียงแววตาที่ดุดันก้าวเท้าข้ามาหานาง “ข้าจะต้องที่ใดหรือเ้าค่ะ” เขาไม่พูดอะไรเพียงแค่เดินเข้ามาและใช้เชือกปอ คล้องที่ข้อมือของจางซื่อผิง ในวินาทีนั้นนางรู้สึกว่าร่างกายเบาราวกับขนนกในสายลม...และทุกอย่างก็สว่างวาบก่อนจะดำดิ่งสู่ห้วงลึกจนมิอาจคาดเดา!
ในห้วงเวลาเดียวกัน แต่ห่างออกไปนับร้อยนับพันปี...มหานครปักกิ่งในศตวรรษที่ 21 บรรยากาศรอบตัวคำรามก้องด้วยเสียงเครื่องยนต์และแตรรถยนต์ที่ดังระงมไม่หยุดหย่อน ตึกระฟ้าเสียดแทงก้อนเมฆมันคือป่าคอนกรีตที่มนุษย์สร้างขึ้น
บนถนนวงแหวนรอบที่สาม กระแสธารแห่งโลหะกำลังเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าในชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ ของฤดูใบไม้ผลิสาดส่องลงมากระทบกระจกรถยนต์นับพันคันจนเกิดเป็ประกายระยิบระยับแสบตา
ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น รถยนต์ไฟฟ้าซีดานสีขาวบริสุทธิ์คันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างนิ่งเงียบ เสียงภายในรถมีเพียงเสียงเพลงคลาสสิกเบาๆ จากเครื่องเสียงระดับพรีเมียม และเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเ้าของรถ
โจวเม่ยหลิง หรือ หมอโจว ผ่อนลมหายใจยาว สองมือเรียวงามของเธอกำพวงมาลัยหนังเอาไว้หลวมๆ ดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นดีไซน์เรียบหรูกำลังจับจ้องไปยังท้ายรถคันข้างหน้า แต่ในใจของเธอกลับไม่ได้อยู่ที่การจราจรที่ติดขัดนี้เลยแม้แต่น้อย
วันนี้คือวันสำคัญ... วันประชุมคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลในเครือ "โจวกรุ๊ป" โรงพยาบาลเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศที่ตระกูลของเธอเป็ผู้ก่อตั้งและบริหารมาหลายชั่วอายุคน
และวันนี้ ก็อาจจะเป็วันที่าเย็นภายในตระกูลที่คุกรุ่นมานานหลายปี จะปะทุขึ้นมาเป็าเต็มรูปแบบ
ฉินโจวเยว่ ผู้เป็ยายของเธอ... "มาดามโจว" หญิงเหล็กผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จมาตลอดสามสิบปี เพิ่งประกาศวางมืออย่างเป็ทางการเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ บัลลังก์ัจึงว่างลง และผู้ที่มีสิทธิ์จะขึ้นครองต่อก็มีอยู่เพียงสองคน
หนึ่งคือ ปีเตอร์โจว หรือ โจวเหว่ย น้าชายของเธอ น้องชายคนเดียวของแม่ที่ถูกส่งไปเรียนด้านการบริหารจากอเมริกาั้แ่เด็ก เขากลับมาพร้อมกับแิแบบตะวันตกที่เน้นผลกำไรสูงสุด ย่อมมองโรงพยาบาลเป็ธุรกิจเต็มรูปแบบตามยุคสมัย และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติ
อีกหนึ่งคือ หลินอี้โจว มารดาของเธอ ศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศผู้สืบทอดเจตนารมณ์ดั้งเดิมของตระกูล ที่ยึดมั่นว่าโรงพยาบาลต้องเป็สถานที่รักษาชีวิตคน ไม่ใช่เครื่องจักรผลิตเงิน เธอได้รับการสนับสนุนจากคณะแพทย์าุโและบุคลากรส่วนใหญ่ในโรงพยาบาล
เม่ยหลิงถอนหายใจอีกครั้ง เธอคือ "ไพ่ตาย" ของฝ่ายมารดา ในฐานะทายาทสายตรงเพียงคนเดียวที่เลือกเดินตามรอยเท้าของแม่และยายด้วยการเป็แพทย์ เธอคือสัญลักษณ์แห่งการสืบทอดที่สมบูรณ์แบบ และเสียงของเธอในที่ประชุมวันนี้มีความหมายอย่างยิ่ง
"มันจะจบลงในวันนี้แหละ" เธอบอกกับตัวเอง "ไม่ว่าผลจะออกมาเป็อย่างไรก็ตาม" ขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านทางแยกใหญ่ เม่ยหลิงเหลือบมองกระจกหลังตามสัญชาตญาณ และสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ...รถบรรทุกขนาดเล็กคันหนึ่งที่ดูเก่าและโทรม ขับตามหลังรถของเธอมาได้พักใหญ่แล้ว มันไม่ได้ผิดปกติอะไรนักในตอนแรก แต่สิ่งที่ทำให้เธอขมวดคิ้วคือ มันเปลี่ยนเลนตามรถของเธอทุกครั้งอย่างจงใจ แม้ว่าเลนอื่นจะว่างกว่าก็ตาม ราวกับว่าเป้าหมายของมันคือรถของเธอ ไม่ใช่การเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย
หัวใจของเม่ยหลิงเริ่มเต้นผิดจังหวะ... ความรู้สึกไม่สบายใจค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในช่องท้องเหมือนหมอกควันเย็นๆ ที่แทรกอยู่ในกาย
อุบัติเหตุ? หรือการจงใจ? ความขัดแย้งในตระกูลรุนแรงถึงขั้นนี้แล้วเชียวหรือ? เธอส่ายหัวเบาๆ พยายามขับไล่ความคิดไร้สาระออกไป บางทีเธออาจจะแค่คิดมากเกินไปเพราะความเครียดเื่ประชุม
เธอตัดสินใจที่จะทดสอบ...เมื่อเห็นช่องว่างในเลนซ้าย เม่ยหลิงจึงเปิดไฟเลี้ยวและหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว
และแล้ว... สิ่งที่เธอหวาดกลัวก็กลายเป็ความจริง!
รถบรรทุกคันนั้นเร่งเครื่องยนต์เสียงดังคำรามสนั่น มันเปลี่ยนเลนตามเธอมาทันทีราวกับเงา และครั้งนี้มันไม่ได้แค่ตาม... แต่มันกำลังพุ่งเข้ามา!
ดวงตาของเม่ยหลิงเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก! เธอกระทืบเบรกจนสุดแรง แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว...
เอี๊ยดดดดด! โครม!!!
เสียงโลหะบดขยี้กันดังสนั่นหวั่นไหว แรงกระแทกมหาศาลจากด้านข้างส่งผลให้รถซีดานสีขาวของเธอหมุนคว้างกลางถนนราวกับลูกข่าง ของทุกอย่างในรถลอยกระจัดกระจายไปทั่วห้องโดยสาร
เม่ยหลิงรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเหวี่ยงไปมาอย่างรุนแรง ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับกระจกข้างอย่างจังจนเกิดเสียงดัง "ปัง!" ความเ็ปแล่นปราดไปทั่วร่าง ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะเริ่มเลือนราง
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นผ่านม่านตาที่พร่าเลือน คือรถของเธอที่กำลังพลิกคว่ำตีลังกาหลายตลบ และภาพท้องฟ้าสีครามของปักกิ่งที่หมุนวนสลับกับพื้นถนนสีเทา
ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองที่กำลังจะหยุดทำงานของเธออย่างชัดเจน...
นี่... ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน.!