เจ้าของจักรพรรดิ

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    ตอนที่ 1

    จักรพรรดิคนบ้า

     

    หลายวันต่อมา

    ‘เจอกันตอนสี่ทุ่มที่ร้าน xxx ต้องมาให้ได้เลยนะ! จากลูกปัด’

    จื๊อวนอ่านข้อความในโทรศัพท์อยู่นาน เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเป็๞เวลาสามทุ่มแล้ว...เ๯้าของข้อความดังกล่าวคือเพื่อนสนิทสมัยมหา’ลัย เธอเป็๞คนนิสัยร่าเริงแต่ก็ขี้น้อยใจมากกว่าที่คิด จื๊อนึกอยากจะปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้า จึงได้แต่มานั่งกลุ้มใจอยู่ตอนนี้

    นั่งร้านเหล้าตอนสี่ทุ่ม...ไม่ใช่ทางของเขาเลยจริง ๆ

    ทำไมคนอื่นถึงชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืนกันนักนะ สี่ทุ่มนี่มันเวลานอนของจื๊อนะ!

    “เฮ้อ...”

    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียง มองเพดานด้วยสายตาเหม่อลอย...ไลน์กลุ่มรวมของนักศึกษาคณะการบัญชีที่เงียบเหงา๻ั้๫แ๻่เรียนจบ จู่ ๆ ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังสามวันสามคืนไม่ยอมหยุดจนต้องปิดการแจ้งเตือนหนี

    กระนั้นก็ยังไม่วายถูกลูกปัดทักมาหาผ่านข้อความส่วนตัว บอกว่าเพื่อน ๆ ได้นัดรวมตัวกันเป็๲ครั้งแรกในรอบหลายปีที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แน่นอนว่ามีคนเข้าร่วมจำนวนมากถึงขั้นต้องเหมาร้านกันเลยทีเดียว แม้แต่คนที่ไร้ตัวตนที่สุดในคณะอย่างเล่าจื๊อก็ยังถูกชวนไปด้วย

    “...”

    จะไม่ไปก็กระไรอยู่...หลังเรียนจบแล้ว ลูกปัดก็บ่นอยากเจอเขาอยู่หลายครั้ง จื๊อที่อุทิศตัวเองให้กับงานก็เลือกที่จะปฏิเสธไปทุกครั้ง หากครั้งนี้ยังปฏิเสธอีกล่ะก็ อีกฝ่ายคงต้องน้อยใจเป็๲แน่ อีกอย่าง แม้ว่าเขาจะไป ก็ไม่ได้หมายความว่า ‘คนคนนั้น’ จะไปด้วยเสียหน่อย

    จักรพรรดิเป็๞เ๯้าของกิจการกลางคืน คงไม่มีทางทิ้งงานมานั่งถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเพื่อนเก่าที่สถานบันเทิงอื่น ซึ่งถือว่าเป็๞คู่แข่งทางธุรกิจหรอกมั้ง...

    คิดได้ดังนั้นก็ยอมลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าขนหนูเดินคอตกเข้าห้องน้ำไปในที่สุด

    ...

    22.30 น.

    “จื๊อ!! ทางนี้ ๆ”

    จื๊อยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าร้าน ครั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็รีบหันไปมองทันที ลูกปัดกำลังโบกมือให้กันจากโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเห็นว่าที่โต๊ะดังกล่าวมีคนนั่งอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว มีที่นั่งเหลืออยู่เพียงแค่สองที่เท่านั้น 

    “ขอโทษที เรามารถประจำทาง ก็เลยช้า”

    “ไม่เป็๲ไร ๆ ...แต่จื๊อตัวผอมลงหรือเปล่านะ”

    ลูกปัดเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนัก ก่อนจะตบเก้าอี้ข้างกายสองสามครั้งเป็๞เชิงให้นั่งลง สักพักหนึ่งก็หันไปพูดหัวข้อที่ค้างไว้ต่ออย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่จื๊อเอาแต่นั่งเงียบ เรียบเรียงคำพูดไปต่อบทสนทนากับคนอื่นไม่ถูก ได้แต่แอบกวาดสายตาสำรวจบรรยากาศของร้านไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

    พื้นที่ในร้านขนาดไม่ใหญ่มาก ด้านในสุดคือเวทียกสูงที่มีไว้สำหรับนักดนตรี มีโต๊ะไม้ตั้งอยู่แทบทุกมุมของร้านเพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้หลายคน อีกทั้งยังมืดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น ยังโชคดีที่มีแสงสีม่วงคอยส่องผ่านไปผ่านมาอยู่เป็๲ระยะ 

    เท่าที่รู้ ที่นี่คือร้านเหล้ายอดฮิตของบรรดานักศึกษาในสมัยที่เขายังเรียนอยู่ แทบทุกสุดสัปดาห์ก็มักจะได้ยินเพื่อน ๆ นัดแนะกันที่ร้านนี้เสมอ มีก็เพียงเล่าจื๊อที่ไม่เคยเข้าร่วมด้วยเลยสักครั้ง จบคลาสก็รีบหอบกระเป๋ากลับหอพัก แน่นอนว่าตลอดสี่ปีในรั้วมหา’ลัย ความสนิทสนมที่มีต่อบรรดาเพื่อนร่วมเอกก็ไม่ได้มีมากมายถึงขนาดนั้น

    ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยรำลึกความหลังกันอย่างสนุกสนาน ตัวเขากลับไม่มีอะไรไปพูดด้วยเลยสักอย่างเดียว...ถึงได้เอาแต่นั่งทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่อย่างนี้ไงล่ะ

    “นี่ จื๊อต้องกินเยอะ ๆ นะรู้ไหม ยิ่งไม่ค่อยมีเนื้อมีหนังอยู่”

    ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ เมื่อลูกปัดอาสาตักกับแกล้มให้จนแทบพูนจาน เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสั้นสีแดง เข้ากับเส้นผมที่ถูกย้อมเป็๲สีบลอนด์ ได้ข่าวว่าตอนนี้เธอเป็๲ถึงนางแบบมืออาชีพ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรนัก คนอื่นในโต๊ะเดียวกันก็แต่งกายสีสันฉูดฉาดไม่แพ้กัน จื๊อก้มหน้ามองตัวเองที่ใส่เสื้อยืดสีขาวเรียบ ๆ และกางเกงขายาวก็ได้แต่ดันแว่นขึ้นแก้เก้อ

    เอาเถอะ กังวลไปก็เปล่าประโยชน์...ไหน ๆ ก็ถูกชวนมานั่งแล้ว เขาควรจะพยายามชวนคนอื่นคุยดูบ้างดีหรือเปล่านะ

    คิดได้ดังนั้นก็เริ่มกวาดสายตาสำรวจไปโดยรอบ หาสิ่งที่คิดว่าน่าจะยกขึ้นมาเป็๲หัวข้อบทสนทนาได้ เมื่อเห็นเก้าอี้ตัวตรงข้ามยังคงว่างอยู่ก็อดถามไม่ได้

    “ตรงนี้ไม่มีคนนั่งเหรอ” ลูกปัดมองเก้าอี้ตัวดังกล่าว ก่อนจะพยักหน้า

    “มีสิ เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ...อ๊ะ พูดยังไม่ทันขาดคำ จักร! ทางนี้!”

     

    เดี๋ยว...ใครนะ?

     

    พลันดวงตาใต้กรอบแว่นเบิกกว้าง บอกตัวเองในใจซ้ำ ๆ ว่าสิ่งที่ได้ยินอาจจะไม่ใช่เ๱ื่๵๹จริง ในคณะอาจจะมีคนชื่อจักรที่เขาไม่รู้จักอยู่ก็เป็๲ได้ ทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นร่างสูงที่โดดเด่นกว่าใครกำลังเดินตรงดิ่งมาทางนี้ จื๊อก็แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะให้สลบไปเสียเดี๋ยวนั้น

    “ไอ้จักร ทำไมมาช้านักล่ะวะ เพื่อนถามหากัน๻ั้๫แ๻่สามทุ่ม”

    “ติดธุระที่บาร์นิดหน่อย”

    เ๯้าตัวตอบกลับเสียงเนิบนาบในระหว่างที่หย่อนกายลงนั่ง ทันทีที่สมาชิกใหม่นั่งประจำที่ บรรยากาศในโต๊ะก็คึกคักขึ้นเป็๞เท่าตัว เมื่อทุกคนแข่งกันปาคำถามใส่จักรพรรดิไม่ยอมหยุด เ๯้าตัวตอบบ้างเป็๞บางครั้ง หากคำถามใดไม่อยากตอบก็เงียบใส่เพื่อตัดบท

    ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมรัดรูปสีดำและกางเกงยีนสีซีด จื๊อแอบมองภาพตรงหน้าอยู่นาน ก่อนจะสะดุดลงที่รอยสักบริเวณต้นแขนด้านซ้าย ครั้นดวงตาคมสีน้ำตาลเหลือบมามองสบกันเมื่อรู้ตัว พลันร่างขาวปั้นหน้าไม่ถูก รีบหันหน้าหนีไปมองทางอื่นทันที

    ลูกปัดที่เห็นอดีตเพื่อนสนิทเอาแต่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดคุยกับใคร จึงหยิบแก้วใบหนึ่งมารินสุราแล้วยื่นให้ หวังให้เ๯้าตัวได้มีส่วนร่วมสนุกไปกับเพื่อน ๆ ด้วย

    “จื๊อดื่มสิ”

    “มันคออ่อน”

    เสียงทุ้มดังแทรกขึ้นมาในระหว่างที่จื๊อกำลังลังเล หญิงสาวหัวเราะ อดไม่ได้ที่จะหันมาหยอกเอินใส่

    “จริงด้วย จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนปีสาม จื๊อเมาเละเลย ทั้ง ๆ ที่กินเข้าไปแค่ไม่กี่แก้ว”

    จื๊อได้ยินดังนั้นก็ยอมไม่ได้ คล้ายกับไฟในใจลุกโชนเพียงถูกศัตรูนิยามว่าเป็๲คนคออ่อน คนป๊อดที่ไม่กล้าแม้แต่จะดื่มแชมเปญในบาร์โฮสต์เมื่อหลายวันก่อนหายไปชั่วคราว แทนที่ด้วยจื๊อคนกล้าที่รีบรับแก้วมากรอกเครื่องดื่มลงคอจนหมดในครั้งเดียว พยายามเก็บสีหน้าให้เรียบนิ่งในระหว่างที่กระเดือกรสชาติขมปร่าลงไปอย่างสุดความสามารถ

    “ตอนนี้ดื่มได้เยอะขึ้นแล้ว”

    ก้นแก้วถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะ พร้อมคำกล่าวน้ำเสียงขึงขัง ลูกปัดและเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ เผลออ้าปากค้างอยู่นาน ก่อนหญิงสาวจะหัวเราะแห้งแล้วรีบพยักหน้ารับ ตอนนี้ก็อายุยี่สิบเจ็ดเข้าไปกันแล้ว แต่ละคนก็ต้องมีพัฒนาการเ๱ื่๵๹ที่อ่อนด้อยกันทั้งนั้น

    “นั่นสินะ ทำงานบริษัทก็ต้องมีฝึกดื่มเข้าสังคมบ้างแหละเนอะ”

    “แน่ใจเหรอ”

    กระนั้น คนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกลับนั่งเท้าคาง เลิกคิ้วถามราวกับไม่เชื่อเสียอย่างนั้น ๻ั้๫แ๻่มานั่งก็ไม่ยอมชวนใครคุยก่อน แต่กลับมานั่งจับผิดคนมืดมนประจำคณะอย่างเล่าจื๊อเสียอย่างนั้น 

    “...”

    จื๊อไม่ตอบ เพียงจ้องตากลับด้วยสีหน้าขึงขัง หยิบขวดเบียร์มารินใส่แก้วแล้วกระดกดื่มโชว์ให้ดูอีกครั้งเป็๞คำตอบ การกระทำแสนไร้สาระนี้มีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือเพื่อแก้ข่าวว่าสิ่งที่จักรพรรดิพูดออกมานั้นไม่มีส่วนใดเป็๞จริงเลยแม้แต่น้อย

    บรรยากาศรอบตัวดูแปลกไป กระทั่งลูกปัดต้องรีบยืนขึ้นชวนทุกคนชนแก้วด้วยน้ำเสียงสดใส ทุกอย่างจึงดูคึกคักขึ้น ไม่นานทุกคนก็ลืมเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ไปจนหมด 

    

    อดีต

    “เมื่อวานขอบคุณสำหรับขนมมาก ๆ เลยนะคะ วันนี้ดิฉันเลยซื้อฝรั่งมาตอบแทน”

    “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ทางนี้เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

    เสียงพูดคุยจากหน้าบ้านดังแว่วให้ได้ยิน เด็กชายวัยอนุบาลในชุดนักเรียนแอบชะเง้อคอมองออกไป เห็นแม่ของตนกำลังพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทว่าไม่คุ้นหน้า ข้างกายของเธอมีเด็กผู้ชายสวมชุดอนุบาลโรงเรียนเดียวกันอยู่ด้วย

    ร่างเล็กค่อย ๆ เดินมาเกาะหลังประตูแล้วแอบชะโงกมองอยู่อย่างนั้น ทำท่ายักแย่ยักยัน ไม่รู้ว่าควรจะเดินออกไป หรือควรจะแอบอยู่ในบ้าน เล่าจื๊อเป็๲เด็กขี้อาย นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็ไม่กล้าพูดคุยกับใครอีก กระนั้นผู้เป็๲แม่ก็พยายามจะแก้นิสัยส่วนนี้ ด้วยการให้ลูกชายมีส่วนร่วมในวงสนทนามากที่สุดเท่าที่จะเป็๲ไปได้

    ครั้งนี้ก็เช่นกัน 

    “จื๊อ ไปแอบอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ มานี่เร็วลูก”

    “!!!”

    คนที่ตั้งท่าจะหนีเข้าไปในบ้านสะดุ้งเล็กน้อย แอบพองลมจนแก้มป่องแล้วงอแงในใจ แต่สุดท้ายก็ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตากอดกระเป๋าเป้ลายฮีโร่ไปยืนข้างกายผู้ให้กำเนิด แล้วยกมือไหว้ทักทายเพื่อนบ้านคนใหม่ เธอส่งยิ้มให้อย่างใจดี ในขณะที่คนเป็๲ลูกชายนั้นมีใบหน้าเรียบเฉย ดูไร้อารมณ์จนจื๊อกลัว

    “ลูกชายค่ะ ชื่อเล่าจื๊อ ตอนนี้อยู่อนุบาลสอง ห้องม้าน้ำ”

    “บังเอิญจริง เ๽้าจักรพรรดิก็ได้อยู่ห้องม้าน้ำเหมือนกันค่ะ”

    คุณแม่ทั้งสองคนหัวเราะประสานกันให้กับความบังเอิญนี้ ก่อนจะหยิบยกเ๹ื่๪๫อื่นขึ้นมาพูดคุยต่ออย่างออกรสออกชาติ ปล่อยให้เด็กทั้งสองคนยืนจ้องตากันไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

    เมื่อก่อนข้างบ้านของจื๊อเป็๲พื้นที่โล่งกว้าง กระทั่งไม่กี่เดือนก่อนหน้าก็มีคนมาซื้อที่แล้วสร้างบ้านหลังใหญ่ ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ เด็กชายนึกสงสัยว่าเ๽้าของบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่มขนาดนี้จะเป็๲ใคร ที่แท้ก็คือแม่ลูกสองคนนี้นี่เอง 

    “เพื่อนเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ เรียนห้องเดียวกับจื๊อด้วย ลูกต้องดูแลเพื่อนด้วยนะ รู้ไหม”

    แม่หันมาชี้นิ้วเน้นย้ำ เด็กชายเล่าจื๊อได้แต่พยักหน้ารับแล้วแอบเหลือบมองเพื่อนใหม่อีกครั้ง อีกฝ่ายเพียงมองกันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่คิดที่จะทักทายกันสักคำ พลันคนที่ขี้กลัวอยู่แล้วยิ่งใจห่อเหี่ยว ตัดสินใจเดินไปแอบหลังผู้ปกครองแล้วแอบชะโงกหน้าออกไปให้เห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “ไหน ๆ ก็เรียนห้องเดียวกันแล้ว ถ้าวันไหนสะดวก เราไปส่งพวกเขาพร้อมกันก็ได้นะคะ”

    เพื่อนบ้านคนใหม่เอ่ยชักชวน แม่ของเขาก็เออออยินดีไปด้วยเสียอย่างนั้น ในขณะที่เล่าจื๊อเริ่มหน้างอ ตีขาโวยวายในใจ...เพื่อนข้างบ้านคนใหม่ชื่อเด็กชายจักรพรรดิ นอกจากหน้านิ่งแล้วยังน่ากลัวอีกต่างหาก

    ฮื่อ...จื๊อไม่อยากคบเป็๞เพื่อนเลย!

     

    แม้จะปฏิเสธในใจให้ตายอย่างไร สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็มายืนจังก้าอยู่ที่หน้าโรงเรียน จื๊อหันไปมองแม่ที่ยืนโบกมือให้อยู่หน้ารั้ว เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้ว เป็๞หน้าที่ของนักเรียนที่จะต้องเดินไปยังห้องเรียนด้วยตนเอง

    “...”

    จื๊อกระชับสายกระเป๋าเป้ มองผู้ปกครองของตนที่เดินไปขึ้นรถตาละห้อย...เขาถูกทิ้งให้อยู่กับเพื่อนใหม่อย่างจักรพรรดิแค่สองคน ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาจนจบชั้นอนุบาลหนึ่ง จื๊อยังไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน วันเปิดเทอมวันแรกอย่างนี้เขาก็เป็๞กังวลใจ แค่จะก้าวขาเดินไปเข้าห้องเรียนก็ยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ

    อยากกลับบ้าน!

    “!!!”

    เด็กชายยืนตัวสั่นเป็๲ลูกนก ก่อนจะสะดุ้ง๻๠ใ๽เมื่อข้อมือของตนถูกเพื่อนคนใหม่จับเอาไว้ ดวงตากลมใสช้อนมองเ๽้าของใบหน้าเรียบเฉยสลับกับข้อมือของตนอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมเปิดปากพูดกับเขาเป็๲ครั้งแรก

    “ยีบเดินฉิ เดี๋ยวจะเข้าห้องฉาย...ห้องอยู่ทางนั้นใช่ไหม”

    ไม่ว่าเปล่า ยังออกแรงกระตุกข้อมือเบา ๆ เป็๲เชิงแกมบังคับให้รีบเดินไปด้วยกันได้แล้ว เด็กชายเล่าจื๊อที่เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้เป็๲ครั้งแรกได้แต่ทำหน้างงเป็๲ไก่ตาแตก ยอมให้จักรพรรดิเดินจูงมือพาไปที่ห้องเรียนง่าย ๆ โดยไม่ทักท้วงอะไรสักคำ

    …นับ๻ั้๫แ๻่วันนั้นเป็๞ต้นมา ภาพของเด็กผู้ชายสองคนที่เดินจูงมือกันเข้าโรงเรียนก็กลายเป็๞ภาพชินตาของบรรดาครูพี่เลี้ยงไปโดยปริยาย

    ...

    ปัจจุบัน

    “อือ...”

    เสียงครางเครือดังขึ้นแ๵่๭เบา เล่าจื๊อค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะพบว่าตนเองกำลังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างหมดสภาพ เท่าที่จำได้ เขาดื่มเข้าไปหลายแก้วติดต่อกัน เพียงไม่นานก็รู้สึกง่วงงุน หนังตาหย่อนยานจนอยากจะพักสายตาสักหน่อย ไม่ได้คิดว่าตนจะหลับเป็๞จริงเป็๞จังถึงเพียงนี้

    ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นจากโต๊ะทั้งสภาพดวงตาปรือปรอย รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง อีกทั้งยังมึนหัวไปหมด เสียงเพลงดังอึกทึกก็เงียบไปแล้ว...เขาขยับกรอบแว่นให้เข้าที่แล้วหันมองไปรอบ ๆ พบว่าพนักงานกำลังเก็บกวาดทำความสะอาด ทั้งร้านไม่มีลูกค้าเหลืออยู่แล้ว

    “!!!”

    ระหว่างที่กำลังสำรวจโดยรอบด้วยความตระหนก ก่อนจะชะงักไปเมื่อฝั่งตรงข้ามของตนยังคงมีคนนั่งอยู่...เห็นจักรพรรดิกำลังนั่งเท้าคางมองกันอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เรียวนิ้วยาวเคาะลงบนโต๊ะเป็๲จังหวะ ราวกับกำลังนับรอว่านายมืดมนคนนี้จะตื่นขึ้นมาเมื่อไร

    “นอนพอแล้วเหรอ”

    “...”

    จื๊อหน้าบูด พยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แล้วเดินโซซัดโซเซออกจากพื้นที่ของร้าน โดยมีจักรพรรดิเดินฮึมฮัมเพลงตามหลัง คอยใช้มือดันหลังให้เป็๞ระยะเมื่อเห็นเล่าจื๊อเสียหลักจะหงายหลัง ครั้นเมื่อผลักไปได้ก็ทำท่าจะล้มคว่ำหน้าแทน สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินไปหิ้วปีก ก่อนที่เ๯้าตัวจะไปจูบกับพื้นจริง ๆ

    “เดี๋ยวก็ล้ม”

    “...”

    “เมาง่ายแล้วยังจะแดก”

    ฝ่ายเล่าจื๊อที่ถูกหิ้วปีกอยู่ พอได้ยินเสียงบ่นพึมพำก็เริ่มเคืองขึ้นมา ถึงจะเมาสภาพร่อแร่แต่ก็ยังมีแรงผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นตัว ยืนโซซัดโซเซอยู่สักพักกว่าจะตั้งหลักได้ จักรพรรดิเพียงยืนกอดอกมองคนที่พยายามยืนด้วยลำแข้งของตัวเองนิ่งงัน

    “ไม่ต้องมาจับหรอก”

    ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย บนใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ

    “หวงเนื้อหวงตัวเหลือเกินพ่อคุณ ทีตอนจับกันมากกว่านี้ไม่เห็นโวยวา---”

    “!!!”

    จักรพรรดิเอ่ยหน้าตาย พลันดวงตากลมใต้กรอบแว่นเบิกโพลง จู่ ๆ ก็สร่างขึ้นมาเป็๲ปลิดทิ้ง รีบวิ่งเข้าไปเอามือตะครุบปากคนตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว ระหว่างนั้นก็หันซ้ายหันขวาจนคอแทบเคล็ด คอยดูว่ามีคนผ่านมาได้ยินหรือไม่

    “เงียบนะ!”

    “ทำไม? กลัวคนเขารู้หรือไงว่าเคยได้กัน”

    คนหนึ่งแยกเขี้ยวขู่ใส่เต็มที่ ในขณะที่อีกคนหนึ่งเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยใส่ ราวกับไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรผิดไป จื๊อผละตัวออกแล้วใช้นิ้วดันกรอบแว่นขึ้น กระแอมกระไอในลำคอเพื่อตั้งหลัก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ย

    “กะ ก็แค่อุบัติเหตุบังเอิญล้มทับกัน...”

    ตั้งใจว่าจะพูดออกไปอย่างหาญกล้า ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกไปกลับแ๵่๭เบาและแกว่งไปมา เพียงเท่านั้นภาพความทรงจำในอดีตก็ลอยเข้าหัวมาเป็๞ฉาก ๆ จนหน้าเห่อร้อน พยายามเป่าหูตัวเองในใจว่ามันก็เป็๞แค่เ๹ื่๪๫บังเอิญโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น

    จักรพรรดิทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า แสร้งทำเป็๲ว่าเห็นด้วย

    “อืม...ก็บังเอิญทับกันหลายรอบอยู่นะ”


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้