หุ่นพลกระบี่กับกระบี่ยาวสีดำในมือล้วนทำมาจากโลหะสีดำชนิดหนึ่งชวนให้คนรู้สึกหนักหนาและลึกลับ
หอกระบี่ชั้นที่หนึ่ง หุ่นพลกระบี่ด้านในมีความสามารถทัดเทียมกับชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งระดับกลาง
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเพิ่งก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งเห็นได้ชัดว่าพลังยังไม่เท่ากับหุ่นพลกระบี่จะผ่านหุ่นพลกระบี่ทั้งสามที่ขวางอยู่ไปได้นั้น เห็นได้ชัดว่ายากไม่น้อย
แต่หุ่นพลกระบี่ไม่มีความคิด ส่วนคนมีสติปัญญากฎการผ่านด่านก็คือผ่านทางเดินไม่ใช่ล้มหุ่นพลกระบี่ทั้งสาม เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ให้ความสำคัญคือทักษะของผู้ฝึกยุทธ์
หม่าเจินหรูยืนอยู่ด้านข้างของทางเดิน กล่าวว่า “หลังเข้าไปในทางเดิน ไม่ใช่แค่ว่าอนุญาตให้เดินหน้าได้เท่านั้นขอเพียงไม่ถอยออกมาจากทางเดิน สามารถเดินหน้าถอยหลังข้างในได้ตามสะดวกหุ่นพลกระบี่ตัวแรกอยู่หลังจากเข้าไปในทางเดินห้าเมตร หุ่นพลกระบี่ตัวที่สองและที่สามอยู่ก่อนทางออกของทางเดินห้าเมตรระยะห่างระหว่างกันคือสิบเมตร เมื่อเข้าใกล้พวกมันในระยะสามเมตรพวกมันถึงจะลงมือโจมตี จนกว่าเ้าจะออกจากเขตทางเดิน มันถึงจะหยุดการทดสอบหอกระบี่เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ คนที่หนึ่งหยางติ่งจวิน”
ลำดับของทั้งห้าคนเรียงตามลำดับก่อนหลังของการเลื่อนชั้นพลังวัตรขึ้นชั้นเบิกนภากำหนดตามลำดับที่มารายงานตัวที่ตำหนักระเบียน
คนที่หนึ่งหยางติ่งจวิน ลำดับต่อมาข้างหลังก็คือไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่ง หม่าเทา และเสวียนเทียน
หยางติ่งจวินเดินออกมาจากกลุ่มห้าคนเดินมาถึงตรงหน้าทางเดิน ทันใดนั้นก็หยุดฝีเท้า หมุนกายหันมามองเสวียนเทียนเอ่ยว่า “หวงเทียนกล้าพนันกับข้าหรือไม่”
เสวียนเทียนตวัดตามองเขาทีหนึ่งแล้วตอบ “ข้าไม่สนใจ!”
“ทำไม? เ้าไม่กล้าหรือ?”หยางติ่งจวินเอ่ยขึ้นสายตาดูถูก
ถ้าหากเป็ศิษย์ในธรรมดาทั่วไปย่อมไม่กล้าท้าพนันศิษย์ในอีกคนหนึ่งต่อหน้าผู้าุโสำนักในคนหนึ่งเป็แน่แต่เห็นได้ชัดว่าหยางติ่งจวินไม่ใช่ศิษย์ในธรรมดา
พี่ชายของเขาหยางเทียนจวินเป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในภายภาคหน้ามีโอกาสอย่างมากที่จะกลายเป็บุคคลระดับผู้าุโของสำนักใน ศักยภาพในตัวหยางติ่งจวินเองก็มากกว่าพี่ชายของเขาตระกูลของพวกเขายังเป็ตระกูลขั้นแปดที่เข้มแข็งรุ่งเรือง ในตระกูลพรั่งพร้อมวันข้างหน้า สองพี่น้องหยางติ่งจวินและหยางเทียนจวินขอเพียงมีคนหนึ่งพลังวัตรลุถึงชั้นเบิกนภาขั้นเก้า ตระกูลก็จะเลื่อนเป็ขั้นเจ็ด
หยางติ่งจวินตอนเป็ศิษย์สำนักนอกล้มจากตำแหน่งก็แล้วไปเมื่อกลายมาเป็ศิษย์สำนักใน ฐานะก็ไม่ธรรมดาอีกแล้วขอเพียงไม่ทำเื่อะไรที่เกินเลยเกินไป ผู้าุโสำนักในก็ยังไว้หน้าเขา
หยางติ่งจวินเห็นเสวียนเทียนไม่ตอบคำ ก็พูดเย้ยหยันต่อไป“หวงเทียนเ้าคิดเป็เต่าหดหัว เอาศีรษะมุดในเป้ากางเกงหรือ?”
ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งหม่าเทาสามคมล้วนขมวดคิ้ว หยางติ่งจวินรังแกคนมากเกินไปหน่อยแล้ว
สายตาของเสวียนเทียนเข้มขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยว่า “ในเมื่อเ้าวอนหาเื่นักก็กำหนดกติกามาสิ! ”
หยางติ่งจวินริมฝีปากยกยิ้ม เผยแววพอใจออกมาเอ่ยว่า “แข่งกันผ่านหอกระบี่ใครผ่านชั้นได้มากกว่า ใครได้ลำดับสูงกว่า หวงเทียน หากใครแพ้ หลังการทดสอบจบลงต้องให้อีกฝ่ายตบหน้าทีหนึ่งที่ลานกว้างด้านนอกให้ผู้าุโหม่ากับบรรดาศิษย์ตรงนี้เป็พยาน ห้ามขี้โกง”
เสวียนเทียนเพิ่งทะลุขึ้นชั้นเบิกนภาหลังออกไปนอกสำนักย่อมยังไม่ได้ฝึกวิชาปราณชั้นนิล หยางติ่งจวินมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาฝึก ‘ปราณหยางเก้าแปรพิสดาร’ จนถึงขั้นสองแล้ว เอาชนะเสวียนเทียนได้ไม่มีปัญหาแน่นอน
ในการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกถูกเสวียนเทียนแย่งอันดับหนึ่งไปหยางติ่งจวินจำไม่ลืม ตอนนี้เข้าสำนักในมาด้วยกัน หากตบหน้าเสวียนเทียนทีหนึ่งต่อหน้าผู้คนที่ลานกระบี่์ได้เช่นนั้นก็ทำให้เสวียนเทียนหน้าแตกละเอียด ในใจเขาก็ย่อมปลอดโปร่ง
ส่วนเขาจะแพ้? หยางติ่งจวินไม่คิดแม้แต่นิด ในสายตาเขาสิ่งนี้เป็ไปได้
เสวียนเทียนยิ้มนิดๆ ตอบ “คำไหนคำนั้น!”
“ดี ฮ่าๆๆๆ!”
หยางติ่งจวินหัวเราะลั่น ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าฉับพลันก็เข้าไปในทางเดินเบื้องหน้า การทดสอบผ่านด่านเริ่มขึ้นแล้ว
เพิ่งเข้าใกล้ด้านหน้าของหุ่นพลกระบี่ตัวแรกสามเมตรดวงตาทั้งสองที่ไร้แววของหุ่นพลกระบี่ฉับพลันก็สว่างขึ้นกระบี่ยาวสีดำในมือฟันเข้ามาหาหยางติ่งจวิน รัศมีกระบี่สว่างจ้าพลันพุ่งออกมา
ฟู่!
หยางติ่งจวินไม่ได้ชักกระบี่ แต่ความเร็วไวว่องหนึ่งหมัดโจมตีออกไป รัศมีกระบี่ของหุ่นพลกระบี่ยังฟันลงมาไม่จบหนึ่งหมัดของหยางติ่งจวินก็โจมตีเข้าไปที่หน้าอกของหุ่นพลกระบี่แล้ว
ปึง! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น!
หุ่นพลกระบี่ถูกหยางติ่งจวินใช้หนึ่งหมัดต่อยปลิวกระเด็นลอยไปหน้าอกเกิดเป็รอยหมัดสะดุดตาอย่างยิ่งรอยหนึ่ง พริบตาหุ่นพลกระบี่ลอยไปข้างหลังสิบเมตรชนเข้ากับหุ่นพลกระบี่อีกตัวหนึ่ง ทั้งสองตัวชนกันจนล้มลงไปกับพื้น
ส่วนหยางติ่งจวินที่ใช้หนึ่งหมัดโจมตีหุ่นพลกระบี่ลอยไปแล้วร่างกายก็ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย เขาพุ่งไปข้างหน้าต่อตอนที่หุ่นพลกระบี่สองตัวล้มลงไปหนึ่งหมัดของหยางติ้งจวินก็ซัดเข้าบนร่างของหุ่นพลกระบี่ตัวที่สามหนึ่งหมัดส่งหุ่นพลกระบี่ออกไปนอกทางเดิน
ตอนนี้เอง ร่างของหยางติ่งจวินก็พุ่งพรวดไปข้างหน้าวินาทีต่อมาก็ปรากฏอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของทางเดินหันกายกลับมามองเสวียนเทียนด้วยแววตาท้าทาย มุมปากยกยิ้ม ส่งเสียงแค่นจมูกเบาๆ เป็เชิงดูถูกครั้งหนึ่ง
“รุนแรงเหลิอเกิน!”
“พลังน่ากลัวจริงๆ!”
“เป็เครื่องจักรทำลายชัดๆพลังของข้าแค่หนึ่งหมัดของเขาก็ต้านไม่อยู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อเขาใช้กระบี่แล้ว!”
ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งหม่าเทาแววตาของสามคนผวาไป ตกตะลึงยกใหญ่กับความสามารถของหยางติ่งจวินสายตาชำเลืองมองเสวียนเทียน อดกังวลแทนเขาขึ้นมาไม่ได้
เสวียนเทียนสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยน สีหน้านิ่งสงบใครก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ความจริงแล้วเสวียนเทียนไม่เห็นพลังเท่านี้ของหยางติ่งจวินอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยเพียงแต่จะให้จงใจทำท่าดูถูกไม่คิดจะแลออกมา เสวียนเทียนก็ไม่สนใจจะทำเช่นนั้น
ใบหน้าของหม่าเจินหรูยิ้มนิดๆ พอใจอย่างมากอัจฉริยะล้วนมีนิสัยหยิ่งทะนง เื่นี้หม่าเจินหรูไม่เอามาใส่ใจแม้แต่น้อยเมื่อครั้งอายุน้อย ตัวเขาก็เช่นกัน ดวงตาเชิดสูงไม่เหลือบแลศิษย์ในส่วนใหญ่คนอื่น ที่จริงแล้ว ความสำเร็จในท้ายที่สุดนอกจากอัจฉริยะจำนวนน้อยเพียงไม่กี่คนที่ก้าวข้ามเขาไปได้ คนที่เหลือล้วนเทียบเขาไม่ได้เลย
ศิษย์สำนักในรุ่นเดียวกัน ตอนนี้ บางคนเป็ผู้ดูแลสำนักนอกบางคนกลายเป็ผู้ดูแลสำนักใน บางคนกลายเป็ผู้าุโสำนักนอก คนที่กลายเป็ผู้าุโสำนักในได้มีไม่กี่คนและเขาหม่าเจินหรูก็คือคนหนึ่ง
ดังนั้น นิสัยของอัจฉริยะไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือพร์และความสามารถเห็นได้ชัดว่าหยางติ่งจวินทำให้หม่าเจินหรูพอใจเป็อย่างมาก
หุ่นพลกระบี่ทนมือทนเท้าเป็อย่างยิ่งขอเพียงไม่โดนทำร้ายจนแหลกเป็ชิ้น ไม่นานก็ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมได้หุ่นพลกระบี่ทั้งสามไม่นานก็ลุกขึ้นมา กลับมายังตำแหน่งเดิม
หม่าเจินหรูขานชื่อ “คนที่สอง ไป๋จั่นเฮ่อ”
ไป๋จั่นเฮ่อเดินไปถึงหน้าทางเดิน ใช้ความเร็วถึงขีดสุดพุ่งเข้าไปในทางเดิน หุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งฟันลงมาแต่ความเร็วของไป๋จั่นเฮ่อเร็วเกินไป ฟันไม่โดนไป๋จั่นเฮ่อพุ่งผ่านข้างตัวของหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งไปตรงๆไม่นานก็พุ่งมาถึงสามเมตร ด้านหน้าหุ่นพลกระบี่ตัวที่สองตัวที่สาม
รัศมีกระบี่เจิดจ้าสองสายฉับพลันปรากฏขึ้นหุ่นพลกระบี่ตัวที่สองและตัวที่สามพริบตาก็ลงมือการโจมตีสองสายไป๋จั่นเฮ่ออาศัยเพียงวิชาตัวเบาไม่อาจหลบได้กระบี่ยาวพริบตาชักออกจากฝัก ร่างกายฉีกไปทางขวาหลบการโจมตีของหุ่นพลกระบี่ทางซ้ายหนึ่งกระบี่ทานรับรัศมีกระบี่ที่ฟันลงมาของหุ่นกระบี่ทางขวาร่างกายชิดติดกำแพงฝั่งขวา โฉบผ่านไป
วินาทีต่อมาก็มาถึงอีกด้านของทางเดินหุ่นพลกระบี่ทั้งสามหยุดไล่ตามทันที ผ่านด่านสำเร็จ
หม่าเจินหรูพยักหน้าอย่างพอใจ เรียกต่อ “คนที่สาม หลินอู๋อิ่ง”
หลินอู๋อิ่งเช่นเดียวกับไป๋จั่นเฮ่อ เขาใช้วิชาตัวเบาพุ่งผ่านข้างหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว แต่ความสามารถของเขาด้อยกว่าไป๋จั่นเฮ่ออยู่บ้างเมื่อหุ่นพลกระบี่ตัวที่สองและตัวที่สามลงมือพร้อมกัน หลินอู๋อิ่งทุลักทุเลอยู่นิดหน่อยสุดท้ายได้รับาเ็เล็กน้อย แต่ผ่านด่านสำเร็จ
“คนที่สี่ หม่าเทา”
หม่าเทาความสามารถอ่อนที่สุดวิชาตัวเบาไม่ถึงขั้น คิดเอาอย่างไป๋จั่นเฮ่อกับหลินอู๋อิ่งที่พุ่งผ่านหุ่นพลกระบี่ตัวที่หนึ่งแต่ความเร็วช้าไปเล็กน้อย ทำไม่สำเร็จ ถูกบีบให้รับกระบี่ของหุ่นพลกระบี่ถูกกระแทกถอยหลัง หนึ่งก้าวเสียท่า ก้าวแล้วก้าวเล่าเสียท่าหุ่นพลกระบี่โจมตีต่อเนื่องหลายกระบี่ หม่าเทาถอยแล้วถอยอีกในที่สุดก็ถอยออกมานอกทางเดิน หุ่นพลกระบี่ฉับพลันถอยกลับไป
หม่าเจินหรูมองหม่าเทาทีหนึ่งอย่างผิดหวังเอ่ยว่า “ผ่านด่านล้มเหลวสองสามเดือนนี้ตรากตรำฝึกฝน ครั้งหน้าค่อยมาใหม่ คนที่ห้า หวงเทียน”
หม่าเทาที่อยู่ด้านข้างเศร้าซึมอย่างมากแต่เมื่อถึงตาเสวียนเทียนก็ยังคงมองมาทางเสวียนเทียนอย่างตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับหยางติ่งจวิน ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งสามคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งความสนใจอยู่ที่ร่างของเสวียนเทียน
เสวียนเทียนเดินมาถึงตรงหน้าทางเดินทันใดนั้นก็ก้าวขาเข้าไป
ฟึบ!
ร่างเงาโฉบผ่าน เพียงพริบตาในทางเดินก็มีรัศมีกระบี่สามสายปรากฏขึ้นหุ่นพลกระบี่ทั้งสามฟันกระบี่ยาวในมือออกมาแทบจะในเวลาเดียวกัน
แต่เสวียนเทียนราวกับลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งออกจากสายเพียงพริบตาจากด้านหนึ่งของทางเดินมาถึงอีกด้านหนึ่งของทางเดินแล้ว รัศมีกระบี่ที่หุ่นพลกระบี่ทั้งสามฟันออกมาไม่อาจแตะต้องเสวียนเทียนได้แม้กระทั่งชายเสื้อ
เร็ว! เร็วจนถึงที่สุดเร็วยิ่งกว่าความเร็วในการลงกระบี่ของหุ่นพลกระบี่ทั้งสามเสียอีก
“แบบนี้...ก็ได้หรือ?”
ไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งหม่าเทาสามคนมองเสวียนเทียน ตาโตอ้าปากค้าง
หยางติ่งจวินแม้จะตะลึง แต่ปากก็ยังคงพูดดูถูก “ฮึ ใช้วิชาตัวเบาผ่านมานับเป็ความสามารถอะไรได้ หุ่นพลกระบี่ชั้นที่สองความสามารถทัดเทียมกับชั้นเบิกนภาขั้นสองระดับกลางความเร็วการตอบสนองเร็วขึ้นอีกมาก คิดจะใช้วิชาตัวเบาทะลวงผ่านชั้นที่สอง เป็ไปไม่ได้แน่นอน”
สีหน้าของหม่าเจินหรูเผยแววประหลาดใจเล็กน้อยพึมพำว่า “เพิ่งชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งกลับฝึกวิชาตัวเบาชั้นนิลขั้นต้นจนถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่?ถึงจะเอาง่ายเข้าว่าไปบ้าง แต่ความเร็วก็เป็ความสามารถอย่างหนึ่งสำเร็จวิชาตัวเบาถึงเพียงนี้ ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งก็นับว่าสุดยอดแล้วอืม ศิษย์ที่ทดสอบครั้งนี้ นอกจากหม่าเทาที่ด้อยไปนิด คนอื่นล้วนไม่เลวหลินอู๋อิ่งก็อยู่ระดับกลางๆ ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งไป๋จั่นเฮ่อกับหวงเทียนเป็ชั้นสุดยอด หยางติ่งจวินยิ่งเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสองสองคนเป็สุดยอดของระดับขั้นเดียวกัน อีกคนต่อสู้ข้ามระดับชั้นได้ในห้าคนมีอัจฉริยะสองคน ยอดอัจฉริยะหนึ่งคน ไม่เลว”
หม่าเทาผ่านด่านล้มเหลวหม่าเจินหรูให้เขาออกไปจากหอกระบี่ หลังจากนั้นก็นำเสวียนเทียน หยางติ่งจวินไป๋จั่นเฮ่อ หลินอู๋อิ่งสี่คนมายังชั้นที่สองของหอกระบี่
ชั้นที่สองของหอกระบี่เหมือนกับชั้นที่หนึ่งทุกประการเพียงแต่หุ่นพลกระบี่ในทางเดิน ความสามารถทัดเทียมกับชั้นเบิกนภาขั้นสองระดับกลางร้ายกาจยิ่งกว่าหุ่นพลกระบี่ของชั้นที่หนึ่ง
หม่าเจินหรูยืนอยู่ด้านข้างทางเดิน เอ่ยว่า “ชั้นที่สองของหอกระบี่สำหรับศิษย์ที่เพิ่งก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาอย่างพวกเ้าเหล่านี้ เป็เื่ที่ยากมากผู้ที่เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภาก็สามารถผ่านชั้นที่สองได้ สำนักเราสามปียากจะปรากฏสักคนในบรรดาพวกเ้า ใครคนหนึ่งผ่านไปได้ ก็เพียงพอทำให้ทั้งสำนักในฮือฮาการทดสอบชั้นที่สองเริ่มได้ คนที่หนึ่ง หยางติ่งจวิน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้